4
ข่าวระบุว่าเขาสนใจโครงการหนึ่งของไพรัชแต่ไม่ค่อยพอใจในราคา และจะรอให้ราคาต่ำลงกว่านี้
หญิงสาวกลืนน้ำลาย รู้โดยทันทีว่าคู่ค้าของไพรัชคนนี้ท่าทางเคี้ยวยาก บุคลิกเนี้ยบ เรียบ แต่แผ่รัศมีทรงอำนาจเหมือนเจ้าพ่อฮ่องกง ยิ่งอ่านบทสัมภาษณ์ยิ่งทึ่งในความสามารถและฉลาดในการทำธุรกิจ บางทีพวกเธออาจทำได้เพียงอยู่บนภูดูเสือกัดกันก็เป็นได้
หลังสอบไล่ครั้งสุดท้ายในชีวิตมหาวิทยาลัยเสร็จสิ้น ปัทมนต์เหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก
เธอเอาบัญชีเงินฝากขึ้นมาดูตัวเลข มีเงินเพิ่มขึ้นอีกจากดนัยวุธ ตอนนี้เธอมีเงินเก็บประมาณสี่แสน นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับนักศึกษาเพิ่งจบใหม่
ขั้นตอนต่อไปคือหางานทำอย่างจริงจัง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์คู่ชีพก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
[“แป๋งทำอะไรอยู่เหรอ”] เสียงแจ้ว ๆ ของเชอร์รี่แว่วมาตามสาย
“มีอะไรหรือ”
[“ว่างไหม มาเลี้ยงฉลองสอบเสร็จกันหน่อยไหม ฟรีนะแก มีเจ้ามือเลี้ยง”] เพื่อนรีบบอก เพราะรู้ดีว่าคนปลายสายอ่อนไหวเพียงใดกับคำว่าของฟรี
“ใครเลี้ยงน่ะ แล้วมีใครไปบ้าง”
[“ก็กลุ่มเราทั้งกลุ่มเลย กับพวกของไนท์กับน่ะ”]
ไปกับกลุ่มพ่อบุญทุ่มนี่เอง ดีล่ะ! เธอจะได้ถลุงให้เต็มคราบเป็นการส่งท้าย
“ตกลง ไป!”
กลุ่มของดนัยวุธที่มาเลี้ยงฉลองมีประมาณสิบกว่าคนรวมชายหนุ่มและณวัตรไปด้วย งานนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองล่วงหน้าที่เขาจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ร้านแรกที่ไปเลี้ยงกันคือร้านอาหารทะเล
“ไหงเป็นซีฟู้ดล่ะแก ตอนกินอาหารพวกนี้ต้องแกะ แทะ เดี๋ยวฉันก็หมดหล่อพอดี” ดนัยวุธแอบบ่น เก้าอี้เขาและปัทมนต์อยู่ข้างกัน ส่วนอีกฝั่งหนึ่งของเธอเป็นณวัตร
“ตอนกินอาหารทะเลก็ไม่หล่อไม่สวยกันหมดนั่นแหละ อีกอย่างกินอย่างนี้แหละดี ราคาแพงอลังการงานสร้างสมเป็นงานเลี้ยงส่งแกหน่อย” ปัทมนต์ว่า พลางแกะก้ามปูนึ่ง แต่แข็งชะมัด ขณะเธอกำลังประลองกำลังข้อกับเจ้าปูอยู่นั้น มือใหญ่ของดนัยวุธก็เอื้อมมาชิงปูไป
“อ๊ะ! ออกแล้ว เบ่งพลังแกะปูยังกะลิงแกะผลไม้น่ะ”
ดนัยวุธส่งคืนให้พลางหัวเราะเบา ๆ เธออยากเถียงอยู่หรอก แต่ติดด้วยเอาเนื้อปูคำใหญ่เข้าปากไปแล้วจึงได้แต่ถลึงตาดุ ณวัตรมองกิริยาของทั้งสองแล้วยกน้ำสีอำพันขึ้นจิบ
“ดูแลกันดีจังเลยนะ ไหนแกเคยบอกว่าไม่ชอบจับของทะเลยังไงล่ะ มันเหม็นมือ”
เธอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินณวัตรพูดความจริงเรื่องนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะดนัยวุธสำอางออกปานนั้น
“ก็แป๋งเป็นเพื่อนฉัน เป็นผู้หญิงไม่กี่คนที่ฉันคบได้นานโดยไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว” เจ้าตัวมองเพื่อนสาวด้วยสายตาวิบวับ “เพื่อนดี ๆ น่ะสำคัญนะ เราต้องรักษาไว้ให้อยู่กับเรานาน ๆ สิ”
“อย่าทำมาเป็นพูดดี แกคบฉันเพราะใช้งานฉันได้ต่างหาก” เธอตอกกลับอย่างรู้ทัน เขายิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ
“เห็นไหมล่ะ รู้ใจฉันดีขนาดนี้ ไปทำงานเป็นเลขาบริษัทพ่อฉันเถอะ ฝึกไว้ให้คล่องก่อน พอฉันจบโทมาปุ๊บจะได้จับแกมาเป็นเลขาปั๊บเลยไง ฉันไม่เคยง้อผู้หญิงที่ไหนขนาดนี้เลยนะเว้ย”
“บอกแล้วไงว่าไม่เอา” ปัทมนต์ยืนกรานคำเดิม เอื้อมมือไปหยิบจานใส่ปลาหมึกย่างกลางโต๊ะ ดนัยวุธที่มือยาวกว่าช่วยหยิบมายื่นให้
“กินจุจริง ตัวก็เล็กแค่นี้เอาไปเก็บไว้ไหนหมดเนี่ย” เขาล้อ หากเธอไม่สน เพราะใจไปอยู่ที่อาหารฟรี โดยที่มีสายตาของณวัตรมองตามอยู่เงียบ ๆ
“ไนท์เอาอีกแล้ว นะถึงกระดกเหล้าไม่หยุด” เสียงเพื่อนสาวซุบซิบกันในห้องน้ำ
“ไนท์ทำอะไร” ปัทมนต์ที่เพิ่งเข้ามาถามงง ๆ
“เรื่องเดิม ๆ นั่นแหละ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด แย่งหญิง คราวนี้เป็นน้องปีหนึ่งดาวอักษร ทำยังไงได้อภิสิทธิ์ของคนสวย ตัวผู้หญิงก็บอกยังไม่ใช่แฟนนะ แค่คนคุ้นเคย แต่นะก็ตามรับส่ง จ่ายไม่อั้น สุดท้ายก็เสร็จเพื่อนตัวเอง ฟังแล้วเจ็บใจแทน” คนเล่าพึมพำเข่นเขี้ยว
“ทีแรกคิดว่านะจะไม่มา พวกผู้ชายบอกว่านะเสียใจมาก พอมางานวันนี้เลยเหวอกัน กลัวมีเรื่อง เลยเอาแกไปนั่งคั่นกลางยังไงล่ะ”
ปัทมนต์ตาโต มิน่าล่ะปกติสองหนุ่มต้องรายล้อมไปด้วยสาว ๆ แปลกใจตงิด ๆ ที่เอาผู้หญิงธรรมดา ๆ อย่างเธอมานั่งข้างหนุ่มหล่อ
“พวกแกเอาฉันเป็นไม้กันหมาระหว่างสองคนนั่นเหรอ”
เหล่าเพื่อนในห้องน้ำหลบตาวูบ
“ก็แหม ในสถานการณ์อย่างนี้ต้องพึ่งแกแล้วล่ะ แกสนิทกับไนท์ไม่ใช่เหรอ เห็นเป็นข้ารองมือรองบาทตลอด แล้วไนท์ก็ไปไหนมาไหนกับนะ เลยคิดว่าแกคงจะพลอยสนิทกับนะไปด้วย” หมีอธิบาย
“ช่วยกันไว้หน่อยนะแก งานเลี้ยงครั้งสุดท้ายในชีวิตนักศึกษา พวกเราอยากให้เป็นความทรงจำที่ดี”
ปัทมนต์เม้มปากครุ่นคิดแล้วถอนหายใจยาว
“ก็ได้ ฉันจะพยายาม”
เธอหันไปเปิดก๊อกน้ำจากอ่างล้างหน้าเพื่อล้างมือ ระหว่างนั้นใจก็คิด ทำไมนะผู้หญิงถึงมองข้ามณวัตรไปได้ ถ้าเป็นเธอจะเลือกคนนิสัยดี ให้เกียรติ ไม่จิกหัวใช้คนอื่นอย่างณวัตรมากกว่า
หลังรับประทานอาหารร้านแรกเสร็จก็เกือบสี่ทุ่ม มีการเรียกร้องว่าอยากไปต่อ เจ้าภาพก็ไม่ขัด ด้วยอิทธิพลเงินของสองหนุ่ม เพื่อน ๆ จึงได้เข้าไปในผับกึ่งเธคย่านดัง ที่แทบเรียกว่าเหมาครึ่งหนึ่งของร้านให้กลุ่มพวกเธอเลย
“แป๋งดื่มหน่อยสิ มางานฉลองเรียนต่อของเพื่อนทั้งที” ณวัตรที่เงียบมานานชวน
“ไม่ล่ะ กินกันไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะเมาดิบให้ดู” เธอพูดติดตลก แม้เป็นของฟรีก็เลือก ปัทมนต์เคยดื่มเบียร์กับพี่สาว จิบนิดหน่อยพอรู้รส
“ไม่เป็นไรน่า นิดเดียวนะ ถือว่าเห็นแก่มิตรภาพ” ณวัตรรบเร้า เพื่อนรอบข้างกระทุ้งแขนพยักหน้าเป็นทำนองให้ดื่ม เพื่อเอาใจเขา
“อย่าเลย เราไม่เคยดื่ม เดี๋ยวเมาแล้วอ้วกรดนะ” ปัทมนต์มองเจ้าน้ำสีดำในแก้วตัดสินใจบอกความจริง คิดว่าณวัตรจะขยะแขยงถ้าเมาแล้วอ้วกรดเสื้อผ้าราคาแพงของเขา
