บท
ตั้งค่า

ลิ้มลองสุราเป็นครั้งแรก

ด้านข้างของเต๋อซิ่วยังมีหลี่มู่เฉียงองค์ชายสี่ และหลี่ตงฟู่ซื่อจื่อ เดินมาหยุดอยู่ไม่ห่างจากนางอีกด้วย ต้าเหนิงทำได้เพียงก้มหน้าเม้มปากไว้แน่น ท่าทางของนางราวกับลูกกระต่ายที่กำลังถูกหมาป่าฝูงใหญ่ล้อมเอาไว้อย่างหมดหนทางหนี แม้แต่จะเก็บอารมณ์ให้สุขุมเช่นเดิมนางก็ทำไม่ได้

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ หะ หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ขะ ข้า ข้าขอตัวก่อน” นางรีบหันหนีเพื่อจะเดินออกจากตรงนี้ไปให้เร็วที่สุด

“ช้าก่อน จะรีบไปไหน ข้าเองก็อยากจะสนทนากับเจ้า” เต๋อซิ่วดึงคอเสื้อของต้าเหนิงเอาไว้จนนางเสียหลักจะล้มไปใส่ตัวเขา ยังดีที่เสี่ยวชุนเข้ามารับตัวนางเอาไว้ได้เสียก่อน ร่างของต้าเหนิงจึงตกไปอยู่ที่ตัวของเสี่ยวชุนแทน

เสี่ยวชุนประคองร่างของต้าเหนิงให้ลุกขึ้นทรงตัวดีแล้ว จึงได้คุกเข่าลงตรงหน้าของเต๋อซิ่ว

“องค์ชายห้าโปรดยั้งมือ คุณชายของบ่าวเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากเมืองซีเจียง ร่างกายผ่ายผอมลงไปไม่น้อย หากล้มลงจนได้รับบาดเจ็บ บ่าวเกรงว่าอาการของคุณชายจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ เจ้าเป็นเพียงบ่าว แต่กล้าเข้ามาขวางหน้าข้าไว้ คุณชายเสิ่นช่างบอบบางเสียจริง มิรู้ว่าชั้นเรียนกระบี่ยามบ่ายนี้จะทนรับการฝึกได้หรือไม่” มุมปากของเขายกขึ้นอย่างเย้ยหยัน

สายตาของเต๋อซิ่วไม่ได้ปรายมองเสี่ยวชุนสักนิด กลับตกอยู่ที่ร่างของต้าเหนิงที่สั่นเทาอยู่น้อยๆ เหงื่อของนางผุดออกมาเต็มหน้าผาก แต่ไม่กล้าแม้แต่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดออก

“กระหม่อมขออภัยองค์ชายห้า บ่าวของกระหม่อมเพียงแค่ปกป้องตามคำสั่งของท่านพ่อเท่านั้น หากพระองค์ไม่พอพระทัยคิดจะลงโทษ โปรดลงโทษกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ต้าเหนิงเดินขึ้นมาอยู่ข้างเสี่ยวชุน พร้อมทั้งก้มหน้าลงต่ำ

“ดี เช่นนั้น...” เต๋อซิ่วเผลอจ้องมองคอขาวของ ต้าเหนิงจนลืมที่จะพูดประโยคต่อไปออกมา

“คุณชายเสิ่น น้องห้าไม่ลงโทษบ่าวของเจ้าหรอก หากรู้สึกผิด เช่นนั้นเจ้าเลี้ยงมื้อกลางวันพวกข้าก็พอ” หลี่มู่เฉียงโบกพัดในมืออย่างสบายใจ

“เอ่อ...พ่ะย่ะค่ะ” ต้าเหนิงได้แต่ถอนหายใจออกมา

องค์ชายห้าผู้นี้ไม่ใช่คนที่นางจะแข็งขอได้ด้วย ดูท่าแล้วเขาคงจะร้ายกาจกว่าหลี่ตงฟู่เสียอีก

วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาเรียนนางก็อยากจะร่ำไห้เสียแล้ว คิดว่าทำตัวนิ่งๆ ไม่อยู่ในสายตาของผู้อื่นแล้วแท้ๆ ยังมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาให้นางได้แต่ปวดหัว

ทั้งหกคน ต่างก็แยกไปขึ้นรถม้าของตนเพื่อเดินทางไปเหลาอาหารฟู่เฟิ่ง ยังดีที่วันนี้นางนำเงินติดตัวมาด้วยไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าจะพอจ่ายค่าอาหารที่สหายและเชื้อพระวงศ์จะสั่งหรือไม่

“เสี่ยวชุน หากเงินของข้าไม่พอเล่า” นางเงยหน้ามองเสี่ยวชุนที่เข้ามารอรับนางลงจากรถม้า

“ให้ไปเก็บที่จวนขอรับ” สีหน้าของเสี่ยวชุนยังเรียบเฉยเช่นเดิม

“อืม วันแรกก็ยุ่งยากเพียงนี้ ข้าไม่อยากจะมาเรียนแล้ว” นางบ่นพึมพำเบาๆ พอจะเริ่มบ่นอีกรอบก็ต้องรีบหุบปากลง เมื่อเสี่ยวชุนส่งสายตาให้นาง ว่าคนทั้งหมดมาถึงกันแล้ว

ต้าเหนิงเดินตามหลังของบุรุษทั้งห้าเข้าไปในเหลาอาหารอย่างไร้ชีวิตชีวา นางก้มหน้าลงมองเพียงทางเดินเท่านั้น จึงไม่รู้ว่ายามนี้มีคนมาเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้ว พอเข้าไปในห้องรับรองจึงได้เห็นว่า หลี่เลี่ยงหลิง องค์รัชทายาทนั่งอยู่ที่โต๊ะเช่นกัน

“ถวายพระพรองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” นางรีบทำความเคารพทันที

“หึหึ เปิ่นกง ได้ยินว่าคุณชายเสิ่นจะเลี้ยงมื้อเที่ยง ขอร่วมโต๊ะด้วยคงมิเป็นอันใดใช่หรือไม่”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทเมตตาข้าน้อยเพียงนี้ นับว่าเป็นวาสนาของข้าน้อยแล้ว” แผ่นหลังของ ต้าเหนิงเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาอีกครั้ง

“นั่งเถิด ไม่ต้องมากพิธี”

ต้าเหนิงเดินไปนั่งลงข้างซูกวน แต่ถูกมือหนาของเต๋อซิ่วลากนางมานั่งลงข้างเขาแทน องค์ชายห้าผู้นี้คงจะแค้นนางมาก ที่เมื่อครู่จะกลั่นแกล้งนางแต่ถูกเสี่ยวชุนเข้ามาขวางเอาไว้ ยามนี้ในห้องไม่มีเสี่ยวชุนปกป้องนาง ต้าเหนิงได้แต่ยอมให้เขารังแกได้อย่างเต็มที่

อาหารที่พวกเขาเลือกสั่งคนละอย่างสองอย่าง ยามนี้ถูกนำขึ้นวางเต็มโต๊ะจนไม่รู้จะเลือกกินสิ่งใด ที่ต้าเหนิงกังวลไม่ใช่ว่าไม่มีของโปรดนาง แต่เป็นราคาอาหารที่นางต้องจ่ายออกไป ความหิวก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะหายไปจนสิ้น มีแต่ความปวดใจเข้ามาแทนที่

“อาหารไม่อร่อยหรือ” หลี่เลี่ยงหลิงอมยิ้มมอง ต้าเหนิงที่นางเอาแต่ก้มหน้ากินข้าวในชาม โดยไม่แตะต้องอาหาร

“เอ่อ...กระหม่อมไม่ค่อยหิวพ่ะย่ะค่ะ” แม้ปากจะบอกไปเช่นนั้น แต่ท้องเจ้ากรรมดันร้องออกมา เพื่อให้นางขายหน้าโดยแท้

“ฮ่า ฮ่า คุณชายเสิ่น วาจาเจ้าช่างน่าขันนัก” หลี่ตงฟู่ หัวเราะออกมาเสียงดัง

คนอื่นก็พลอยยิ้มกริ่มมองนางอย่างหยอกล้อไปด้วย ใบหน้าของต้าเหนิงแดงก่ำไปด้วยความอับอาย ตั้งแต่เกิดมานางยังไม่เคยได้รับความอับอายมากเพียงนี้มาก่อนเลย

“พอแล้ว หิวก็กินเข้าไป เจ้าจะมัวอายผู้ใด อย่างไรเสียมื้อนี้เจ้าก็ต้องจ่าย” หลี่เต๋อซิ่วเลื่อนจานอาหารที่นางสั่งมาตรงหน้าของนาง ก่อนจะปรายตามองหลี่ตงฟู่ญาติผู้น้องให้หุบปากเสียที

“ขอบพระทัยองค์ชายห้าพ่ะย่ะค่ะ” นางเอื้อมมือที่สั่นเทาออกไปคีบอาหารมาใส่ในชาม

ต้าเหนิงไม่รู้รสชาติอาหารที่เข้าปากเลยสักนิด นางรีบกินรีบกลืนลงคอ แต่ก็กินไปได้เพียงครึ่งชามเท่านั้นก็วางตะเกียบลงแล้ว

ยามนี้นางกลับมานั่งสุขุมเช่นเดียวกับที่พี่ชายนางชอบแสดงออก สายตาของคนในห้อง ยังมีลอบมองสำรวจนางอย่างแปลกใจอยู่บ้าง แม้คนตรงหน้าจะเป็นคุณชายเสิ่นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดูไปแล้วก็ไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว มันต่างจากเมื่อก่อนมากนัก แต่บอกไม่ถูกว่าต่างที่ใด

องค์รัชทายาทเห็นว่าทุกคนกินอาหารกันอิ่มแล้ว ก็สั่งให้คนมายกทั้งหมดออกไป ก่อนจะเรียกให้ยกชาเข้ามาด้านในห้อง

“พวกเจ้ายังต้องไปเรียนกระบี่กับอาจารย์ตู้อีกไม่ใช่หรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ/พ่ะย่ะค่ะ” ทุกคนพยักหน้ารับ

น้ำในกาที่ต้าเหนิงเห็น มิใช่ชาเช่นที่นางเข้าใจ มันคือสุรานารีแดงรสชาติร้อนแรงต่างหาก

“แค่ก แค่ก” นางดื่มไปเต็มที่ คิดว่าเป็นชากลิ่นแปลกใหม่ ไม่คิดว่าจะเป็นสุราจึงได้สำลักเสียหน้าดำหน้าแดง

“อาซิ่ว นี่เจ้าเปลี่ยนน้ำชาเป็นสุราหรือ หากเรียนช่วงบ่ายไม่ไหว เจ้าได้ถูกอาจารย์ตู้เล่นงานแน่” องค์รัชทายาทส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของน้องชาย แต่ก็เป็นเพียงการตำหนิที่ไม่ได้ว่ากล่าวสิ่งใดมากนัก

“เพียงจิบเล็กน้อย คงไม่เสียการเรียนกระมังพ่ะย่ะค่ะ” มือของเขาตบลงที่หลังของต้าเหนิงไปด้วย แต่น้ำหนักที่ลงมา ยิ่งทำให้นางจุกจนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

“เอาเถิด ไปกันได้แล้ว คุณชายเสิ่นเพิ่งจะหายดี เจ้าก็อย่าได้รังแกเกินไปนักเลย”

“สุรากานี้ข้าจ่าย เจ้าจะทิ้งขว้างเช่นนี้ไม่ได้” เต๋อซิ่วจ้องมองใบหน้างามคล้ายสตรีอย่างข่มขู่

ต้าเหนิงจำต้องกลั้นใจดื่มสุราในจอกลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใบหน้าของนางเห่อร้อนขึ้นมา แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำอย่างน่ามอง ดวงตาของนางมีน้ำเอ่อคลอหยาดเยิ้ม ความเย้ายวนที่ปิดซ่อนเอาไว้ดูจะค่อยๆ เปิดเผยออกมาให้เห็นทีละน้อย จนซูกวนและอู๋หลางที่เป็นสหายสนิทยังอดที่จะลอบมองอยู่หลายหนไม่ได้

สหายของเขากลับมาจากเมืองซีเจียงหนนี้ มีแต่เรื่องแปลกประหลาด ใบหน้าก็ดูจะหวานขึ้นมาสองส่วน ในจะท่าทีที่สุขุมเช่นปกติ ก็ดูจะผ่อนปรนไปถึงสามส่วน จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel