บท
ตั้งค่า

มีอันใดน่าขันกัน

ต้าเหนิงนางดื่มสุราไปถึงสองจอก สติของนางก็เริ่มจะปั่นป่วนเสียแล้ว นางไม่เคยดื่มสุรามาก่อน ครั้งแรกที่ดื่มก็เป็นสุรานารีแดงรสชาติแรงเลย นางจึงมึนเมาอยู่ไม่น้อย พี่ชายของนางอาจจะดื่มเป็น แต่ไม่ใช่นาง

บุรุษที่เหลือต่างก็ลิ้มลองสุรามาตั้งแต่เล็ก สุราเพียงสองจอกย่อมทำสิ่งใดพวกเขาไม่ได้

“เจ้าไหวหรือไม่” ซูกวนเข้ามากระซิบถามต้าเหนิงที่นางนั่งส่ายหน้าเพื่อเรียกสติตนเองอยู่

“อืม...” นางหันไปยิ้มขอบคุณ

ต้าเหนิงนางไม่รู้เลยว่า ท่าทางของนางเช่นนี้ทำให้ใจคนกระตุกมากเพียงใด ลักยิ้มสองข้างที่ปรากฏออกมายามที่นางแย้มยิ้มช่างชวนมองจนไม่อาจละสายตาไปได้ ดวงตาที่เย้ายวนหรี่ลงอย่างน่าเอ็นดู

“เจ้าตัวโง่งมไปเรียนได้แล้ว หากสายได้ถูกอาจารย์ตู้แยกร่างแน่” หลี่เต๋อซิ่วแยกเขี้ยวออกมาอย่างหัวเสีย

เต๋อซิ่วเองก็เห็นรอยยิ้มของต้าเหนิงเช่นกัน ไม่รู้ว่าตนเองเป็นเช่นใด เมื่อเห็นรอยยิ้มของนางตาสองข้างของเขาก็พร่ามัวทันที แต่คนที่นางยิ้มให้ไม่ใช่เขาจึงได้หัวเสียไม่น้อย

เจ้าหนุ่มแซ่เสิ่นผู้นี้ หากไม่ใช่บุรุษคงได้คิดว่าเป็นสตรีเสียแล้ว ไม่รู้ว่าน้องสาวที่ถูกส่งตัวไปอยู่เมืองซีเจียงจะงดงามมากเพียงใด พอได้สติกับความคิดของตนเอง เต๋อซิ่วก็สะดุ้งตกใจ เขามองบุรุษเช่นเสิ่นเฉิงเป็นสาวงามไปได้อย่างไรกัน

ฝีเท้าของต้าเหนิงไม่มั่นคงนัก แต่นางก็ไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องตัวนาง นางต้องการที่จะเดินออกไปด้วยตนเอง เสี่ยวชุนที่เห็นท่าไม่ดีรีบเดินเข้ามาประคองนางเอาไว้ เขาจึงได้กลิ่นสุราออกมาจากตัวของนาง

“คุณชายกลับจวนดีหรือไม่ขอรับ”

“จะ ได้...อย่างไร ขะ ข้า...ต้องไปเรียน..ต่อ” นางสะอึกออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่

“ไปขอน้ำแกงสร่างเมามาให้คุณชายเสิ่น” หลี่เลี่ยงหลิงสั่งองครักษ์ข้างกายให้ไปขอน้ำแกงมาให้ ต้าเหนิงดื่ม

“เสี่ยวชุนนนนน ข้าอยากนอนนนน” หูของนางฟังสิ่งที่อยู่รอบข้างไม่รู้เรื่องแล้ว รู้เพียงแค่ตอนนี้นางต้องการที่นอน ที่นอนเท่านั้น

ที่นี่มีเพียงเสี่ยวชุนเท่านั้นที่นางไว้ใจได้ พอสติเริ่มจะดับลง ต้าเหนิงจึงเริ่มที่จะปรับเสียงให้ทุ่มต่ำเช่นเดิม ทั้งยังพิงร่างทั้งหมดลงไปที่ตัวของเสี่ยวชุนอีกด้วย

“อ่อนแอ” เต๋อซิ่วแค่นเสียงออกมาอย่างดูแคลน

“บ่าวขอตัวพาคุณชายกลับจวนก่อนพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวชุนประคองต้าเหนิงลงจากชั้นสอง

“ยังมีเวลาเหลืออยู่เล็กน้อย ให้คุณชายเสิ่นพักที่ห้องรับรองก่อนเถิด ได้ดื่มน้ำแกงอีกครู่ก็คงจะดีขึ้น”

หลี่เลี่ยงหลิง ไม่อยากให้ต้าเหนิงนางกลับไปทั้งสภาพเช่นนี้ เสนาบดีเสิ่นคงได้ถวายฎีกาหาว่าองค์รัชทายาทและองค์ชายรังแกบุตรของตนแน่

“พ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวชุนรับคำโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน ก่อนจะประคองต้าเหนิงกลับเข้าไปในห้องรับรองอีกครั้ง

ทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปเข้าชั้นเรียน เสี่ยวชุนจึงให้คนไปตามแม่นมถิงมาดูแลต้าเหนิงที่เหลาอาหาร บางเรื่องเขาก็ไม่สะดวกที่จะช่วยเหลือนางได้

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เจ้าไม่ได้เฝ้าไว้ตลอดหรือ” แม่นมถิงมองต้าเหนิงที่นอนหลับอย่างปวดใจ

“ในห้องรับรอง มีองค์รัชทายาท องค์ชาย และสหายของคุณชายอยู่ ข้าน้อยเข้าไปไม่ได้ขอรับ”

“สวรรค์!!!”

“แม่นม ท่านรีบทำให้คุณชายสร่างเมาเถิด ประเดี๋ยวจะต้องเข้าเรียน”

“เจ้าออกไปรอด้านนอกก่อน แล้วบอกเสี่ยวเอ้อให้ยกน้ำเข้ามาด้วย”

แม่นมถิงลงมืออย่างรวดเร็ว นางป้อนน้ำแกงสร่างเมาให้ต้าเหนิง ทั้งยังช่วยเช็ดเนื้อตัวให้นาง เพื่อให้นางรู้สึกตัวเร็วขึ้น แต่ฤทธิ์สุรานารีแดง ช่างแรงเหลือหลาย ต่อให้ต้าเหนิงรู้สึกตัวแล้ว แต่นางก็ยังคงปวดหัวไม่หาย

“ยามใดแล้ว” สายตาของนางเลื่อนลอยอย่างไร้สติ

“อีกหนึ่งเค่อจะเริ่มเรียนแล้วขอรับ”

ต้าเหนิงดีดตัวขึ้นจากที่นอนทันที นางให้แม่นมถิงจัดเสื้อผ้าของนางเข้าที่ให้เรียบร้อย ก่อนจะลากเสี่ยวชุนให้ไปที่ลานฝึกซ้อมกระบี่อย่างรวดเร็ว แต่นางก็ยังไม่ลืมที่จะบอกให้แม่นมถิงจัดการเรื่องค่าอาหารให้นางด้วย

พอมาถึงลานฝึกซ้อม ยังดีที่อาจารย์ตู้ยังมาไม่ถึง แสงแดดยามบ่ายที่ร้อนระอุ ยิ่งทำให้ต้าเหนิงไม่สบายตัวมากกว่าเดิม หัวของนางก็แทบระเบิดออกมา ใบหน้าแดงก่ำไม่รู้ว่าเกิดจากสุราหรือว่าโดนแดดเผากันแน่

“อาเฉิง พวกข้าก็ไม่รู้ว่าองค์ชายห้าจะเปลี่ยนน้ำชาเป็นสุรา” อู๋หลางเดินเข้ามาหานางอย่างรู้สึกผิด

“เมื่อก่อนเจ้าก็เคยดื่มกับพวกข้า ยังไม่เมาเช่นนี้เลย” อู๋หลางเอ่ยออกมาอย่างแปลกใจ

“คงเป็นที่ร่างกายของข้ายังอ่อนล้าไม่หาย เมื่อดื่มไปเล็กน้อยจึงได้มีสภาพเช่นนี้” ต้าเหนิงได้แต่แก้ต่างไปข้างๆ คูๆ ยังดีที่ซูกวนและอู๋หลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของนาง

“แล้วเจ้ายังมึนเมาอยู่หรือไม่”

“นิดหน่อย” ทั้งสองไม่เชื่อคำของต้าเหนิงเด็ดขาด เมื่อใบหน้าของนางยังแดงก่ำไม่หาย

ต้าเหนิงนางไม่เคยร่ำเรียนเรื่องการต่อสู้มาก่อน กระบี่ก็ไม่เคยได้จับ ธนูยิ่งแล้วใหญ่ ยังดีที่วันนี้นางไม่ต้องใช้กระบี่จริง เป็นเพียงกระบี่ไม้ที่สั่งทำขึ้น เพื่อใช้ในการเรียน

แต่การร่ายรำกระบวนท่าต่างๆ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด รวมกับร่างกายที่เพิ่งจะสร่างเมาของต้าเหนิงด้วยแล้ว ท่าที่นางร่ายรำตามอาจารย์ตู้ช่างขบขันยิ่งนัก

มือนิ่มที่จับเพียงเข็มเย็บผ้า ต้องมาจับกระบี่ไม้ร่ายรำ ไม่นานก็เริ่มบวมแดงอย่างน่าสงสาร แต่นางก็กัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้ แม้จะถูกหัวเราะถากถางเรื่องที่นางร่ายรำไม่ได้เรื่องก็ตาม

“มีอันใดน่าขันกัน” อู๋หลางแก้ต่างแทนต้าเหนิง ถึงแม้สหายจะร่ายรำได้น่าเกลียด แต่เขาก็ไม่อาจพูดออกมาได้

“ช่างเถิด ข้าไม่เป็นอันใด” นางยกชายเสื้อขึ้นจะเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาบนใบหน้า แต่ก็หยุดชะงักลง

คุณหนูในห้องหอล้วนแต่ถูกสอนระเบียบมาอย่างเข้มงวด ตัวนางก็เช่นกัน เมื่อก่อนต้องพกผ้าเช็ดหน้าถึงสามผืน แต่ตอนนี้ที่ตัวนางไม่มีสักผืน ข้าวของทั้งหมดอยู่ที่เสี่ยวชุน จะใช้แขนเสื้อเช็ดก็ดูไม่งาม

“เป็นอันใดไป” ซูกวนเห็นท่าทางคับข้องใจของ ต้าเหนิงจึงเอ่ยถามออกมา

“ปะ เปล่า”

สุดท้ายนางก็ทนรำคาญไม่ได้ เมื่อเหงื่อเริ่มจะไหลเข้าตาของนางแล้ว จำต้องใช้แขนเสื้อเช็ดอย่างเสียไม่ได้ มิใช่เพียงแค่นางที่ทำเช่นนี้ แม้แต่เหล่าองค์ชาย ก็ทำเช่นกัน

ชุดที่ใช้เข้าเรียนกระบี่ เป็นชุดรัดรูปที่ช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วสะดวกสบาย จึงไม่มีผู้ใดที่พกผ้าเช็ดหน้าไว้กับตัวเลยสักคน

คุณชายจากจวนแม่ทัพ ต่างก็หันมาเล่นต่อสู้กันอย่างสนุกสนาน ส่วนจวนขุนนางบุ๋น หลังจากเรียนท่าทางร่ายรำแล้ว ต่างก็แยกไปหลบมุมอยู่ใต้ต้นไม้

ต้าเหนิง ซูกวน อู๋หลางก็เป็นหนึ่งในนั้น บ่าวของทั้งสามเมื่อเห็นคุณชายของตนหลบเข้าร่ม ต่างก็หาน้ำชา ผ้ามาให้พวกเขา

การเรียนร่ายรำกระบี่อยู่กลางแดดในยามบ่าย นับเป็นความทรมานอย่างที่สุดของต้าเหนิง ใบหน้าของนางแดงก่ำจนน่าสงสาร ไหนจะคอที่แห้งจนเกือบจะเป็นผงแล้ว พอเสี่ยวชุนเทน้ำส่งมาให้นางก็รีบดื่มลงคอทันทีถึงสามแก้วติดๆ กัน

“ข้าไม่ชอบเรียนต่อสู้เลย” นางอดที่จะบ่นกับเสี่ยวชุนไม่ได้

“กลับไปข้าน้อยสอนกระบวนท่าคุณชาย” เสี่ยวชุนที่อยู่ร่วมกลุ่มกับบ่าวมองผู้เป็นนายเรียน อดจะที่จะเอ่ยออกมาไม่ได้ ท่าทางของต้าเหนิงน่าเกลียดจริงๆ

“หึ ข้าไม่เรียน” นางยู่ปากอย่างไม่สบอารมณ์ เพียงแค่อ่านตำรานางก็หมดเวลาที่จะไปสนใจสิ่งอื่นแล้ว

“...” ถึงไม่พูดออกมา เสี่ยวชุนก็ตั้งมั่นเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องหาทางสอนต้าเหนิงให้ได้ จะปล่อยให้คุณชายคนอื่นหัวเราะผู้เป็นนายได้อย่างไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel