บทที่ 5 ดักพบ
บทที่ 5 ดักพบ
หลังจากซ่งฟู่หลงฝึกกระบี่เรียบร้อย เขาหย่อนกายนั่งพักตรงโต๊ะด้านข้างลานภายในสวน เขาหยิบผ้าขาวขึ้นซับเหงื่อที่ไหลชโลมกายไปทั่ว พ่อบ้านเดินนำขนมที่จัดใส่จานมาวางตรงหน้าซ่งฟู่หลง
ซ่งฟู่หลงหยิบขนมเข้าปากในทันทีด้วยความหิว เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างรู้สึกชอบใจในรสชาติดังกล่าว
“เรียนนายท่าน นี่เป็นขนมเซาปิ่งที่คุณหนูรองสกุลจางนำมามอบให้ท่านขอรับ” ซ่งฟู่หลงชะงักมือค้างไปชั่วขณะ คิ้วหนาเลิกขึ้นก่อนจะขมวดกันจนเป็นปม สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลงไปในทันที ขนมครึ่งชิ้นที่ยังจดจ่ออยู่ตรงปากถูกเขาวางลงบนจานอย่างหมดความสนใจ
“นางมีธุระอันใด”
“คุณหนูรองเพียงนำขนมมาฝากให้นายท่านขอรับ”
“ต่อไปเจ้าอย่าได้รับของจากคนแปลกหน้าอีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตำหนิออกมา “แล้วก็..อย่าได้รายงานเรื่องนี้กับผู้ใดด้วย” ซ่งฟู่หลงพูดทิ้งท้ายพร้อมปรายตามองอย่างรู้ทัน เขารีบดักคอพ่อบ้านก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับเรือนอย่างไม่พอใจนัก
พ่อบ้านหน้าเสียลงไปในทันที เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
ในวันต่อมาจางหมินเย่วยังคงมุ่งมั่นออกไปพบซ่งฟู่หลงอีกครั้ง นางยังคงลุกขึ้นแต่เช้าเพื่อลงมือทำขนมเซาปิ่งให้กับชายหนุ่มอีกหน
เมื่อจางหมินเย่วเดินทางไปถึงที่หน้าจวนสกุลซ่ง พ่อบ้านคนเดิมยังคงออกมาต้อนรับเช่นเดิม “เรียนคุณหนู นายท่านมีธุระต้องออกไปด้านนอก มิสะดวกให้คุณหนูเข้าพบขอรับ”
เล่อจิ้นทำท่าฮึดฮัดอย่างขัดเคือง ในขณะที่จางหมินเย่วได้แต่เม้มปากแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว ข้าขอฝากขนมนี้ให้ใต้เท้าซ่งที” จางหมินเย่วยื่นตะกร้าขนมให้พ่อบ้าน แต่พ่อบ้านกลับยืนนิ่งไม่ยอมรับเช่นเมื่อวาน
“รบกวนคุณหนูนำกลับไปเถิด นายท่าน...เอ่อ...ไม่ชอบทานของหวานขอรับ” พ่อบ้านคิดคำแก้ตัวในการปฏิเสธออกไป
จางหมินเย่วยืนตะลึงไปชั่วขณะ สองมือยังคงนิ่งค้างกลางอากาศราวกับถูกสาปเป็นรูปปั้นหิน เล่อจิ้นรีบเข้ามาหยิบตะกร้ากลับไปถือพร้อมมองหน้านายหญิงของตนอย่างนึกเห็นใจ
“คุณหนู พวกเรากลับก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
จางหมินเย่วพยักหน้ารับด้วยอาการที่เลื่อนลอย ใบหน้าหงิกงุ้มฉายแววความผิดหวังออกมามากมาย
ในขณะที่จางหมินเย่วกำลังจะก้าวขึ้นรถม้า พลันนางก็ฉุกนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ “เล่อจิ้นช้าก่อน...เจ้าเอาตะกร้าขนมมาให้ข้า”
“คุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ”
“พ่อบ้านบอกว่าใต้เท้าซ่งกำลังจะออกไปด้านนอก ข้าจะรอพบเขาเสียก่อน” จางหมินเย่วพูดพลางยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีความหวังอีกครั้ง
“คุณหนู....” เล่อจิ้นได้แต่ร้องออกมาอย่างโอดครวญ แต่จางหมินเย่วมีนิสัยดื้อดึงมากนัก นางจึงได้แต่บ่นอุบในใจ
จางหมินเย่วรออยู่สักพัก ร่างสูงใหญ่ที่ติดตรึงในความคิดก็ก้าวเดินออกมาด้านนอกจวน จางหมินเย่วยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
“ใต้เท้าซ่ง...ใต้เท้าซ่งเจ้าคะ” จางหมินเย่วร้องตะโกนเรียกก่อนจะรีบเดินกึ่งวิ่งเข้าไปดักด้านหน้าซ่งฟู่หลงในทันที
ซ่งฟู่หลงขมวดคิ้วจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่คุ้นเคย เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างมีคำถามโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา
“คำนับใต้เท้าซ่ง ข้าน้อยจางหมินเย่ว บุตรสาวคนรองของจวนสกุลจางเจ้าค่ะ” ซ่งฟู่หลงเพ่งมองจางหมินเย่วที่เวลานี้เอาแต่จ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ดวงหน้าอ่อนหวานรับกับดวงตากลมโตที่เวลานี้ระยิบระยับราวกับรวบรวมหมู่ดวงดาวมาไว้ในก้อนกลมเล็กตรงหน้า
ซ่งฟู่หลงถึงกับกระแอมออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก เขาเบือนหน้าหนีใบหน้างามตรงหน้าอย่างต้องการหลีกเลี่ยง “ท่านมีธุระอันใดกับข้าหรือคุณหนูรองสกุลจาง”
คำพูดที่ดูเย็นชาและเหินห่างทำเอาจางหมินเย่วถึงกับหน้าเจื่อนลงไป นางยังคงฝืนยิ้มออกมาอย่างต้องการให้กำลังใจตนเอง
“ช่วงนี้ข้ากำลังฝึกทำขนมที่จวน ข้าจึงอยากนำมามอบให้ท่านได้ชิมเจ้าค่ะ”
ซ่งฟู่หลงหันมามองหน้าจางหมินเย่วอย่างต้องการพิจารณา ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ขอบคุณเจ้ามาก แต่ข้าขอมิรบกวนจะดีกว่า”
ซ่งฟู่หลงพูดจบก็หันกายเตรียมเดินจากไป แต่ในจังหวะที่จางหมินเย่วกำลังก้าวเท้าเข้ามาจะขวางหน้าของเขา มือใหญ่ก็สะบัดไปโดนตะกร้าในมือของจางหมินเย่วจนหล่นลงพื้น ขนมกระเด็นออกมาตกกระจายไปทั่วพื้นถนน
จางหมินเย่วตกตะลึงไม่ต่างจากซ่งฟู่หลงมากนัก “ข้าขอโทษเจ้าด้วย แต่ข้ามีธุระสำคัญต้องเร่งเดินทาง วันหลังเจ้าก็อย่ามาที่นี่อีกเลย” ซ่งฟู่หลงกล่าวตัดรอนออกไปอย่างไม่มีเยื่อใย ก่อนจะเดินตรงไปยังรถม้าที่พ่อบ้านเตรียมไว้
เล่อจิ้นเข้ามาประคองจางหมินเย่ว “คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ”
จางหมินเย่วได้สติ นางรีบก้มลงเก็บขนมกลับเข้าไปในตะกร้าด้วยท่าทางที่ลนลานจากคำพูดที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรง
“คุณหนู ขนมตกพื้นหมดแล้วอย่าเก็บเลยเจ้าค่ะ” เล่อจิ้นรีบร้องปรามออกมาเมื่อสองมืออันบอบบางเลอะไปด้วยเศษขนมและเศษดิน
“ข้าไม่เป็นอันใด ขนมพวกนี้คงไม่ถูกปากใต้เท้าซ่ง ไว้วันหน้าข้าจะลองทำอย่างอื่นมาแล้วกัน” คำพูดที่คล้ายคนกำลังละเมอ ทำเอาเล่อจิ้นอดนึกเป็นห่วงไม่ได้ นางรีบช่วยเก็บขนมส่วนที่เหลือกลับเข้าไปในตะกร้าด้วยอีกคน
ซ่งฟู่หลงที่กำลังก้าวเท้าขึ้นรถม้า เขาปรายตากลับมามองจางหมินเย่วอีกครั้งอย่างลืมตัว ภาพของหญิงสาวที่กำลังเก็บขนมที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้นด้วยมือบางที่สั่นเทา สีหน้าที่ดูเศร้าหมองราวกับโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมากับพื้น พร้อมหยดน้ำที่ร่วงหล่นอาบสองแก้ม ทำเอาเขารู้สึกผิดต่อจางหมินเย่วไปชั่วขณะ เขาหยุดชะงักพร้อมสองมือที่กำหมัดแน่น สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักสักครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดใจก้าวเข้าไปในรถม้าพร้อมเดินทางออกไปในทันที
จางหมินเย่วปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ สองมือลูบถูแก้มขาวนวลนั้นไปมาจนแดงช้ำ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษขนมและดินที่ติดเลอะมือให้ดูน่าสงสารยิ่งนัก
เล่อจิ้นเก็บขนมเรียบร้อยก็รีบเข้ามาประคองจางหมินเย่วเอาไว้แน่น “คุณหนูพวกเรากลับกันก่อนเถิดเจ้าค่ะ” เล่อจิ้นประคองจางหมินเย่วลุกขึ้นกลับไปยังรถม้า
จางหมินเย่วนั่งเหม่อลอยด้วยความผิดหวัง เล่อจิ้นอดรนทนไม่ไหว นางถึงกับตัดพ้อออกมาด้วยความรู้สึกคับแน่นในอก “คุณหนู ใต้เท้าซ่งช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก คุณหนูเป็นถึงบุตรของใต้เท้าเสนาบดี เขาเป็นเพียงขุนนางขั้นเจ็ดกลับกล้าล่วงเกินคุณหนูถึงเพียงนี้”
จางหมินเย่วหันไปมองเล่อจิ้นอย่างขัดเคือง “ใต้เท้าซ่งมิได้สนใจในฐานะของข้า เช่นนั้นหากใต้เท้ารักข้าย่อมหมายถึงรักในตัวข้าอย่างแท้จริง...เล่อจิ้น...พ่อบ้านบอกว่าใต้เท้าซ่งไม่ชอบทานของหวาน เช่นนั้นวันหน้าข้าทำอาหารคาวมาให้ใต้เท้าดีหรือไม่”
เล่อจิ้นมองหน้านายหญิงอย่างอ่อนใจในความโลกสวยของนาง “คุณหนู...”
