บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7

ฉีซื่อหมิ่นเติบโตในวัง มีหรือจะสัมผัสมิได้ถึงความเป็นอริของเด็กน้อยเบื้องหน้า หากแต่ที่เขาไม่กระจ่างก็คือ ไฉนเด็กผู้นี้ถึงกล้านัก ไม่มีผู้ใดบอกเจ้าเด็กนี่หรือไร ว่าการทำให้เขาไม่พอใจจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม้ในใจจะคิดเช่นนั้น ทว่าฉีซื่อหมิ่นยังคงคีบอาหารทานเงียบๆ ไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง ทั้งยังมิคิดไล่คนออกไป

กระทั่งทานเสร็จ ฉีซื่อหมิ่นถึงได้เอ่ยปาก “ยังไม่ยกน้ำมาให้ข้าล้างมือบ้วนปากอีกหรือ”

ชิวเยี่ยหันซ้ายหันขวา มองหาโถใส่น้ำ เมื่อเห็นว่ามันตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ประตู จึงลุกเดินขึ้นไปยกมาพร้อมอ่างน้ำใบเล็กและผ้า ใบหน้ายังคงเฉยเมยไร้อารมณ์

นางต้องยอมรับเลยว่า เรื่องราวที่เห็นในฝันมีผลกับนางมากจริงๆ แค่จะปิดบังความเคียดแค้นในแววตายังทำได้ยากเย็น ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ อีกฝ่ายเป็นถึงองค์ชาย เกิดอยากให้นางตาย แค่สั่งคำเดียวก็ได้แล้ว หากอยากมีชีวิตอยู่ นางคงต้องอดทนให้มากกว่านี้ คิดได้ดังนั้น ร่างกายที่กำลังเครียดขึ้งของชิวเยี่ย พลันค่อยๆ ผ่อนคลายลง

นางมิใช่ หลิวชิวเยี่ย เรื่องในฝันไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับนาง หวังชิวเยี่ยกล่าวประโยคนี้ซ้ำๆ กับตนเองในใจ ก่อนที่มุมปากจะค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนน้อมถ่อมตน เทน้ำใส่จอกให้เขาบ้วนปาก จากนั้นเทน้ำใส่อ่างให้เขาล้างมือ ท่าทางว่าฉีซื่อหมิ่นผู้นี้ ดูจะเป็นคนรักสะอาดไม่น้อย

“เจ้าชื่ออะไร” เขาถามขณะส่งผ้าเช็ดมือคืนมาให้ พลางจับจ้องดวงตากลมโตคู่นั้นตาไม่กระพริบ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเด็กผู้นี้คิดอย่างไรกับตนกันแน่

“กระหม่อม หลิวชิวเยี่ยพ่ะย่ะค่ะ” ชิวเยี่ยคิดได้แล้ว ย่อมไม่มีทางเผยอารมณ์ด้านลบให้เขาเห็นอีก นางฉีกยิ้มใสซื่ออย่างที่เจ้าของร่างเดิมชอบกระทำส่งให้เขาแทน

เมื่อไม่เห็นสิ่งใดในแววตาคู่นั้น ฉีซื่อหมิ่นจึงดึงสายตากลับ

ชิวเยี่ยยกน้ำในอ่างออกไปเท นำโถกลับไปวางไว้ที่เดิม จากนั้นเก็บสำรับกลับออกจากกระโจม

ฟู่โฉวยังคงรออยู่ที่โรงครัว ในใจกระวนกระวายไม่เป็นสุข

“ไฉนพี่ชายข้ายังไม่กลับมาอีก” ครั้นเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ลั่วซูพลันนึกเป็นห่วงพี่สาวขึ้นมา

“นั่น พี่ชายเจ้ากลับมาแล้ว” ฟู่โฉวชี้ไปที่ร่างเล็กเบื้องหน้าแทนคำตอบ รู้สึกโล่งอกที่เห็นเด็กน้อยกลับมาอย่างปลอดภัย

“พี่ใหญ่” ลั่วซูรีบเดินเข้าไปหาชิวเยี่ย ยื่นมือไปดึงถาดสำรับออกจากมือของนาง เอามาช่วยถือ พลางมองสำรวจพี่สาวไปทั่วร่าง “ท่านปลอดภัยดีนะ”

“อืม” ชิวเยี่ยพยักหน้า

ทั้งสองพากันเดินเข้ามาหาฟู่โฉว ลั่วซูเดินยกถาดเลยเข้าไปในโรงครัวนำจานชามไปล้างเก็บคว่ำเรียบร้อย การกระทำของสองพี่น้องล้วนตกอยู่ในสายตาของมู่ตงมาโดยตลอด อดีตแม่ทัพใหญ่ ลูบเคราใต้คางพยักหน้าอยู่สองครา กล่าวอย่างพึงใจว่า “น่าสนใจ”

คนงานเริ่มทยอยพากันกลับมาที่โรงครัวเพื่อกินข้าว ฟู่โฉวจำต้องกินร่วมกับพวกเขาเพราะเลยเวลาของตนไปแล้ว

ชิวเยี่ยสังเกตเห็นว่าคนงานเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเด็ก อายุน้อยสุดน่าจะเป็นแปดขวบเท่านาง มากสุดน่าจะไม่เกินสิบสอง ขณะนั่งพุ้ยข้าวอยู่ข้างกระโจม นางจึงอดมิได้ที่จะหันไปถามฟู่โฉว “พี่ฟู่โฉว ไฉนคนงานถึงได้มีแต่เด็กๆ เล่า”

“เจ้าเองก็เป็นเด็ก” ฟู่โฉวตอบมาทั้งที่กำลังเคี้ยวข้าวเต็มปาก

ชิวเยี่ยค้อนขวับเข้าให้ ถามออกไปใหม่ว่า “ข้าหมายถึง ไฉนถึงได้มีแต่เด็กๆ เช่นข้า”

“แล้วเจ้าจะให้มีคนอายุเท่าใดเล่า” ฟู่โฉวยังคงตอบอย่างยียวนจนชิวเยี่ยทนไม่ไหว เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่อยากรู้แล้วก็ได้!”

“เจ้านี่ช่างไม่มีความอดทนเอาเสียเลย เอาไว้ค่อยเล่าให้เจ้าฟัง ในค่ายกินอาหารเป็นเวลา หากเลยเวลาไป อาจถูกทำโทษ พวกเจ้าพี่น้องรีบกินเถิด” ฟู่โฉวกล่าวเตือน

ทั้งสองได้ยินเช่นนั้น พลันรีบพุ้ยข้าวเข้าปาก เรื่องความเร็วในการกิน ทั้งชิวเยี่ยและลั่วซู มีหรือจะพ่ายแพ้ผู้ใด พวกเขากินเร็วจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว

หลังจากกินเสร็จทุกคนจะต้องนำชามกับตะเกียบไปล้างด้วยตนเอง ชิวเยี่ยนำของฟู่โฉวมาล้างให้เขาด้วย ก่อนที่สองพี่น้องจะกลับออกมา กลับถูกมู่ตงเรียกเอาไว้

น่าแปลกที่ฟู่โฉวแยกทั้งสองคนมิออก หากแต่มู่ตงกลับแยกออก เขาหันมากล่าวถูกคนว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้ เจ้ามีหน้าที่รับใช้ องค์ชายสาม”

สองพี่น้องได้ฟังพลันนิ่วหน้า ลั่วซูหันไปมองพี่สาวด้วยความกังวล เขามิได้โง่ แค่เห็นท่าทางของฟู่โฉวก็พอเดาได้แล้ว ว่าองค์ชายสามมิน่าจะใช่คนใจดีมีเมตตา หากพี่สาวต้องไปรับใช้คนเช่นนั้น ย่อมมิใช่เรื่องดีแน่

“พี่ใหญ่” ลั่วซูคิดจะพูดบางอย่าง แต่เห็นพี่สาวส่ายหน้าน้อยๆ เลยจำต้องหุบปาก

ชิวเยี่ยหันกลับมาถามมู่ตง “ข้ายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่”

“เจ้าเด็กน้อย เจ้าคิดว่าคนที่นี่มีทางเลือกมากนักหรือ การได้ไปรับใช้องค์ชายสามนับเป็นวาสนาของเจ้า เจ้าควรจะดีใจถึงจะถูก”

มู่ตงกล่าวด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ที่เขาเลือกแฝดคนพี่แทนที่จะเป็นคนน้อง ย่อมมีเหตุผล เพราะความแตกต่างของทั้งสองคนคือดวงตา นัยน์ตาของชิวเยี่ยนั้น หากมองให้ดีจะเห็นถึงความกร้านโลกแฝงอยู่กรายๆ ราวกับคนเห็นโลกมามาก ผิดกับนัยตาน์ของลั่วซู ที่ยังดูใสซื่อสมวัย

ตั้งแต่พบหน้า เขายังมองไม่เห็นความประหม่าหรือความหวาดกลัวในแววตาของชิวเยี่ยเลยสักกระผีก หากเป็นเด็กคนอื่นยามที่มายืนอยู่เบื้องหน้าเขา อย่างน้อยต้องยืนก้มหน้า ทว่าชิวเยี่ยไม่เพียงไม่ก้มหน้า ยังเป็นเด็กคนแรกที่กล้ามองสบตาเขาตรงๆ

“แต่ข้าไม่เคยปรนนิบัติผู้ใดมาก่อน เกรงว่าจะทำได้ไม่ดี” ชิวเยี่ยยังคงหาทางบ่ายเบี่ยง ที่นางไม่อยากไปรับใช้ฉีซื่อหมิ่นมิใช่เพราะหวาดกลัวเขา แต่เป็นเพราะรังเกียจ ถึงตอนนี้เขาจะยังเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุสิบสามสิบสี่ แต่ภาพในฝันของนาง มันทำให้นางอภัยให้เขามิได้จริงๆ

ในฝัน ตอนที่หลิวชิวเยี่ยถูกล่อลวงจนเสียความบริสุทธิ์ให้ฉีซื่อหมิ่นนั้น หลิวชิวเยี่ยในฝันอาจไม่รู้ หากแต่หวังชิวเยี่ยที่มองผ่านความฝันกลับรู้ชัดแจ้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel