ตอนที่ 3
แน่นอนว่าเรื่องหลงป่าคือเรื่องที่ควรกังวลที่สุด ชิวเยี่ยจึงต้องใช้มีดทำสัญญาลักษณ์ไว้ตามต้นไม้ไปตลอดทาง ทั้งยังใช้ดวงอาทิตย์กับเงาเป็นที่ตั้งคำนวณทิศทาง ส่วนเรื่องที่ต้องกังวลรองลงมาคือสัตว์ป่า
“พี่ใหญ่!” ลั่วซูชะงักค้าง
หลังจากที่พยายามเดินหลบเลี่ยงแหล่งน้ำและเส้นทางที่คิดว่าฝูงสัตว์ใช้ผ่านทาง มาครึ่งค่อนวัน สุดท้ายยังไม่พ้นอยู่ดี
“อย่าขยับ!” ชิวเยี่ยสั่งเขาเสียงเข้มโดยไม่ละสายตาไปจากหมูป่าเบื้องหน้าทั้งที่แข้งขากำลังสั่น จะไม่ให้ทั้งสองหวาดกลัวได้อย่างไร หมูป่าตัวนี้สูงใหญ่พอๆ กับลูกวัวเลยทีเดียว มิหนำซ้ำ ท่าทางของมัน ยังราวกับว่ากำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่งยวด เสียงหายใจของมันดังฟืดฟาด ขาหลังเริ่มเขี่ยดินไปมา ดวงตาดำขลับคู่นั้นกำลังจับจ้องมายังเด็กน้อยทั้งสอง
อดีตศาสตราจารย์อย่างชิวเยี่ยต้องยอมรับเลยว่า นางคิดหาวิธีเอาตัวรอดไม่ออกจริงๆ ได้แต่ใช้ทักษะแพทย์ที่เคยผ่านการผ่าร่างหมูมาเป็นพันครั้งวางเดิมพัน “อาซูหากมันจู่โจมเมื่อใด ให้เจ้ากระโดดออกไปทางซ้ายมือ แล้ววิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด ส่วนข้าจะวิ่งไปทางขวามือ ถ้ามันเลือกไล่ล่าพวกเราคนไหน อีกคนค่อยจัดการตลบหลัง”
ลั่วซูพยักหน้ารับรู้ด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง หากมองให้ดีจะเห็นเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายเต็มหน้าผาก ความหวาดกลัวของลั่วซูย่อมมีไม่น้อยไปกว่าชิวเยี่ย หอกในมือทั้งคู่ถูกกระชับแน่น
พริบตาหลังจากนั้น เจ้าหมูป่าที่ปราดเปรียวมิต่างจากวัวกระทิงพลันวิ่งทะยานเข้ามาหาทั้งสอง
ชิวเยี่ยรอให้มันเข้ามาถึงระยะที่ร่างของมันจะไม่สามารถกลับตัวได้ทัน ตะโกนออกไปสุดเสียง “วิ่ง!”
ลั่วซูกระโดดออกไปทางซ้ายตามที่พี่สาวบอก ส่วนชิวเยี่ยกระโดดออกทางขวา กว่าที่หมูตัวนั้นจะหยุดฝีเท้าเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง ทั้งคู่ก็วิ่งไปได้ไกลแล้ว
ชิวเยี่ยรู้ดีว่าตามสัญชาตญาณของมันจะเลือกตามสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุดก่อน และแน่นอนว่าคนคนนั้นย่อมต้องเป็นนาง
ลั่วซูเห็นอย่างนั้นรีบวิ่งกลับมาโดยพลัน พลางดึงลูกธนูจากกระบอกธนูที่หลังมาขึ้นสาย ความหวาดกลัวมลายหายไปสิ้น ในหัวมีเพียงความคิดเดียวคือต้องปกป้องพี่สาว
ชิวเยี่ยโยนของที่สะพายอยู่ทิ้งไปจนหมด เหลือไว้เพียงหอกในมือ ฝีเท้าของเด็กแปดขวบย่อมไม่มีทางเร็วไปกว่าหมูป่าที่กำลังเดือดดาน เพียงไม่นาน ระยะห่างก็เหลือเพียงแค่สิบเก้า
ลั่วซูเกรงจะไม่ทัน พลันรีบปล่อยลูกธนูออกไปทันที โดยไม่สนใจว่าจะถูกเป้าหมายหรือไม่ เขาเพียงต้องการดึงความสนใจหมูป่าตัวนั้นออกมาจากชิวเยี่ย
โชคดีที่ลูกธนูปักเข้าที่ขาหลังของมัน ทำให้หมูตัวนั้นชะงัก ชิวเยี่ยใช้โอกาสนี้หันกลับมากระโดดพุ่งตัวเข้าหาหมูป่าพร้อมหอกในมือ แทงเข้าไปยังจุดที่เป็นเส้นประสาทของมัน ถึงเรี่ยวแรงของนางจะไม่เยอะนัก แต่ด้วยแรงส่งจากการกระโดดยังพอจะสร้างบาดแผลให้เจ้าหมูป่าได้ อย่างน้อยก็ทำให้มันเคลื่อนไหวมิได้ไปชั่วขณะ
เสียงร้องโหยหวนของมันดังก้องป่าทั้งที่บาดแผลบนร่างมิได้สาหัส แน่นอนว่านั่นย่อมเกิดจากฝีมือของชิวเยี่ย
ลั่วซูยิงธนูซ้ำเข้ามาอีกหลายดอก ชิวเยี่ยมิได้ดึงหอกออก นางเพียงถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะหยิบลูกธนูมาขึ้นสาย ทั้งคู่ใช้ลูกธนูไปเกือบหมดกระบอก กว่าที่หมูตัวนั้นจะล้มลง หากแต่มันมิได้ตาย
ลั่วซูเดินเข้ามาชักหอกของพี่สาวออกจากร่างของมัน ก่อนจะกระโดดปักหอกลงบนคอของมันซ้ำอีกหลายครั้ง จนมันตายสนิท
มาถึงตอนนี้ ร่างกายที่เครียดขึงของทั้งคู่ถึงได้ผ่อนคลายลง ลั่วซูหมดแรงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น ส่วนชิวเยี่ยน่ะหรือเข่าทรุดไปนานแล้ว
“พวกเราควรหาที่พัก จะได้ชำแหละหมูตัวนี้” ชิวเยี่ยหันไปกล่าวกับลั่วซูหลังจากตั้งสติได้แล้ว พลางเดินไปดึงลูกธนูบนร่างหมูป่าออก
ลั่วซูนับว่าเข้มแข็งไม่น้อย หลังจากท่าทางหวาดกลัวในคราแรกแล้ว กลับมิได้มีปฏิกิริยาอย่างอื่นอีก ทั้งสองช่วยกันเก็บลูกธนูจนหมด จากนั้นใช้หอกไม้สองเล่มแทนคานหาบผูกขาหมูป่าตัวใหญ่ สองคนช่วยกันหาบไปอย่างทุลักทุเล
กระทั่งไปเจอลำธารเล็ก ชิวเยี่ยจึงเลือกที่จะพักในโพรงรากไม้บริเวณนี้ พวกนางยังต้องการใช้น้ำทำความสะอาดร่างกายและอาวุธ เพื่อมิให้กลิ่นโลหิตไปล่อสัตว์อื่นเข้ามาอีก
จะว่าไป การได้พบกับหมูป่าตัวนี้ ช่างราวกับฟ้าประทาน เพราะจากนี้พวกนางจะมีเนื้อหมูป่ากินไปอีกหลายวัน เพียงแค่แล่เนื้อ หมักแล้วนำไปตากแห้งเท่านี้ก็ใช้ได้
“คราวนี้ นับว่ายังดีที่เจอหมูป่า หากเจอเสือหรือว่าหมีเกรงว่าพวกเราจะไม่โชคดีเช่นนี้” ชิวเยี่ยเอ่ยขึ้นขณะนั่งกัดเนื้อย่างอยู่ข้างกองไฟ
ลั่วซูพยักหน้าในปากเต็มไปด้วยเนื้อหมูมันเยิ้ม ชิวเยี่ยเห็นท่าทางตะกละตะกลามของเขาแล้วให้นึกเอ็นดู แต่พอคิดได้ว่าท่าทางยามกินของตนตอนนี้มิได้ต่างจากเขานัก พลันหัวเราะออกมา
“พี่ใหญ่ ท่านหัวเราะอันใดหรือ” ลั่วซูเลิกคิ้วถามทั้งที่ยังเคี้ยวเนื้อติดมันอยู่เต็มปาก
ชิวเยี่ยส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร เจ้ากินต่อเถิด”
นึกๆ ไปแล้วก็น่าเสียดาย หากมีเครื่องครัวและเครื่องปรุงรสครบ นางคงได้กินซุปกระดูก
หลังจากมีประสบการณ์เรื่องหมูป่า ยิ่งทำให้ชิวเยี่ยระมัดระวังมากขึ้น เพราะร่างกายของพวกนางยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์ดุร้ายหรือฝูงสัตว์ หากพบเจอพวกมัน แค่คิดจะหนียังนับเป็นเรื่องยาก ฉะนั้น ไม่พบเจอเป็นดีที่สุด
