ตอนที่ 3 เสื่อมราคา
เช้าวันอาทิตย์
บ้านไม้หลังใหญ่บริพักพิบูลย์
ญาติพี่น้องร่วมวงศ์ตระกูลไม่มีใครมาร่วมงานทำบุญครบวันจากไปของพิพัฒน์ มีเพียงแค่คนในครอบครัวเพราะญาติ ๆ ต่างเอือมระอากับการถูกหยิบยืมแล้วทำเย่อหยิ่งไม่รู้สึกรู้สาจำต้องปล่อยผ่านเรื่องหนี้สินเพื่อให้ยังพอกันหน้าได้แม้เพียงน้อยนิด
พรายดาวควงแขนมากับไตรคุณสามีลูกผู้ดีเก่ามีทรัพย์สมบัติของพ่อแม่มากมาย ไตรคุณเป็นหนุ่มเจ้าชู้หลีสาวไปทั่วไม่เว้นแม้แต่พราวฟ้าและหนูดี ทว่าพราวฟ้ามีความหยิ่งยโสถือตัวไม่ให้เข้าใกล้ง่าย ๆ ไตรคุณจึงเบนเข็มมากะลิ้มกะเหลี่ยใส่หนูดีที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงแทน ด้านพรายดาวจะรู้ว่าสามีเป็นคนเจ้าชู้ก็จำทนเพียงเพื่อรอแบ่งสมบัติตอนพ่อแม่ของสามีเสียชีวิต
งานทำบุญเลี้ยงพระจัดขึ้นในโถงไม้สักบ้านหลังใหญ่ ทวดหญิงหม่อมรื่นรุจี ท่านย่ามัทราลัย คุณแม่เขมจิราถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ พรายดาว ไตรคุณและพราวฟ้านั่งพนมไหว้อยู่บนเก้าอี้บุเบาะหนัง ส่วนคนรับใช้นั่งพับเพียบพนมมือไหว้พระสงฆ์บนพื้นไม้เงาวับ ไม่นานนักการปรากฏตัวของชายรูปร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มใบหน้าหล่อคมคายแววตาคมกริบ ทำให้ทุกคนในห้องโถงหันไปมองตาค้างทั้งความหล่อภูมิฐานรัศมีความมั่งมีแผ่ซ่าน
“พี่คิม ไม่บอกฟ้าก่อนคะว่าจะมา” พราวฟ้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ลุกจากเก้าอี้เดินปรี่ไปหาคิมหันต์ที่กำลังยกมือไหว้พระสงฆ์ก่อนจะหันมายกมือไหว้ผู้ใหญ่หัวหงอกหัวดำชูคอเชิดหน้าปรายตามองมาทางเขาอย่างมีชั้นเชิง
“ไม่เจอกันนานเลยนะหลานคิม” เขมจิราเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลกิริยามารยาทผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว
“ฉันให้พราวฟ้าไปเชิญมาร่วมงานทำบุญ ไม่งั้นคงไม่ได้เจอ” มัทราลัยชายตาแลยกยิ้มเพียงมุมปากเล็กน้อย คิมหันต์กลอกตามองบนรำคาญความเนิบนาบวางท่ามากมายจนเหมือนตัวสลอธเต็มที
“ผมตั้งใจมาคุยธุระ ไม่ได้อยากมาร่วมงานบุญครับ”
“ธุระอะไรหรือจ๊ะ อย่าบอกนะว่าจะคบหาดูใจกับพราวฟ้า” หม่อมรื่นรุจีขำในลำคอพลางยกมือปิดปากกลบรอยยิ้ม พราวฟ้าใจเต้นลิงโลดยังไม่ทันอ่อยแรงเขาก็หลงเธอเสียแล้ว
“ผมมาขอซื้อหนูดี จะขายให้เท่าไหร่” คิมหันต์พูดขึ้นตรงประเด็นดังใจคิดคนใจร้อนไม่ชอบวางท่าพูดจาอ้อมไปอ้อมมาน่าเบื่อ พระสงฆ์ชะงักมองชายหนุ่มหล่อเป็นตาเดียวกัน ผู้ดีแห่งบริพักพิบูลย์ถึงกับตาเบิกกว้างตกใจกันทั้งบ้าน
ด้านไตรคุณก้มไปมองเหล่าคนรับใช้ยกมือทาบอกหน้าตาตื่นมองไปทางหนูดีที่นั่งหน้าซีดเหลอหลาไม่รู้เรื่องราว
“จบงานเลี้ยงเพลค่อยคุยกันดีไหม” เขมจิรายิ้มแหยพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด
“ทำไมต้องรอให้เสียเวลาครับ คุยราคากันเสร็จก็จ่ายเงินง่าย ๆ ไม่เห็นต้องยุ่งยาก” เสียงทุ้มกังวานแผดลั่นหงุดหงิดไม่เกรงใจพระสงฆ์กำลังฉันท์ภัตตาหารหรือแม้แต่ผู้ดีเก่าตรงหน้า เมฆารีบเดินเข้ามากระซิบข้างหูเจ้านายที่กำลังอารมณ์เสียว่าการกระทำแบบนี้เข้าข่ายค้ามนุษย์อาจทำให้ถูกฟ้องร้องได้ คิมหันต์จึงได้สงบลงขบกรามมองตาขวาง
“เอาเป็นว่าจัดงานให้เสร็จ อีกสองชั่วโมงผมจะมาใหม่” เสียงเข้มกระแทกกระทั้นไม่ได้ดั่งใจหันหลังเดินล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงออกไปจากห้องโถง เหล่าผู้ดีเก่าหันมองหน้ากันสับสนโดยเฉพาะพราวฟ้ายืนนิ่งอึ้งอ้าปากหวอท่าเดิมตั้งแต่ได้ยินประโยคแรกของคิมหันต์ หนูดีนิ่วหน้าก้มหนีหลบเลี่ยงทุกสายตาที่กำลังมองมาและตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ยังไง……..
เกือบสองชั่วโมงผ่านไป
พิธีทำบุญเลี้ยงพระเสร็จสิ้น คนรับใช้ช่วยกันเก็บอุปกรณ์เครื่องใช้อย่างไม่สบายใจกลัวว่าหนูดีจะถูกขายจริง ๆ ยายแช่ม ยายพึง ทนความกังวลไม่ไหวขออนุญาตเข้าพบกับคุณ ๆ ทั้งหลายของบริพักพิบูลย์
“มีอะไรจะคุยกับฉัน” หม่อมรื่นรุจีปรายตามองคนรับใช้เก่าแก่เพียงเล็กน้อย
“ดิฉันอยากทราบว่าคุณท่านจะขายหนูดีให้คุณคิมจริงหรือคะ” ยายแช่มก้มหน้าลงมองพื้นไม้เอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“ต้องดูว่ายอดซื้อที่ทางนั้นเสนอมา น่าพอใจแค่ไหน” มัทราลัยแทรกขึ้นตอบแทนผู้เป็นแม่
“คุณท่านขายหนูดีไม่ได้ มันผิดกฎหมาย” พึงค้านอย่างลืมตัว
“แม่บ้านก้นครัวอย่างพึงจะไปรู้อะไรเรื่องของกฎหมาย ฮึ” เขมจิราเสียงแข็งตาขวางไม่พอใจคนรับใช้กำเริบกับเธอ
“ขอร้องเถอะค่ะ พวกดิฉันเลี้ยงหนูดีมาตั้งแต่เล็กรักใคร่เอ็นดูราวกับลูกในไส้ทำใจไม่ได้หากถูกพรากออกจากอก” ป้าแช่มหน้าเสียเงยมองอ้อนวอนขอความเห็นใจจากคุณท่านทั้งหลาย
“พวกฉันเสียเงินเลี้ยงดูหนูดีกว่าจะเติบใหญ่จ่ายไปไม่น้อย หากหนูดีจะทำประโยชน์ให้บ้านเราเพื่อตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนก็สมควร”
“คุณท่านไม่ได้มีบุญคุณกับหนูดีแต่บริพักพิบูลย์ต้องรับผิดชอบหนูดีตามคำสั่งศาล” แช่มจ้องมองขึงขังเกินอดทน เขมจิราตวาดลั่นนั่งไม่ติด
“แช่ม! อย่าสามหาวหรือไม่อยากมีที่ซุกหัวนอน”
“หากคุณท่านขายหนูดีพวกดิฉันก็ไม่อยู่ให้หมางใจ” ยายพึงถลึงตาจ้องมองคุณท่านเห็นแก่ตัวจนน่ารังเกียจก่อนจะจับมือยายแช่มพากันลุกเดินหนี
“พวกเนรคุณ เลี้ยงไม่เชื่อง” หม่อมรื่นรุจีแผดเสียงกุมขมับดมยายาสมุนไพรในมืออย่างเหนื่อยหน่าย ยายแช่มกับยายพึงก็ไม่ได้สนใจเปิดหน้าประตูห้องรับแขกออกมาแล้วผงะเมื่อเห็นคิมหันต์ยืนทะมึนไม่เป็นมิตรอยู่หน้าประตูไม้สักบานใหญ่
“คงต้องหาที่อยู่ใหม่กันนะครับ คนจนตรอกพวกนั้นยังไงก็ต้องขายหนูดีให้ผม” คิมหันต์กระตุกยิ้มมุมปากสีหน้าแววตาเย็นชาไม่รู้สึกรู้สากับความทุกข์ของคนรับใช้เพราะไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา ยายแช่มกับยายพึงได้แต่กอดกันน้ำตาร่วงไม่เพียงจะเสียหนูดีไปแต่คนรับใช้แก่ ๆ กำลังจะไร้ที่ซุกหัวนอนด้วยเช่นกัน
ภายในห้องรับแขกไม้สัก
การตกลงพูดคุยตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม คิมหันต์เสนอซื้อหนูดีสองแสนแต่ทางบริพักพิบูลย์ไม่ยอม
“พวกเราเลี้ยงหนูดีมาสิบกว่าปีคิดเฉลี่ยแล้วก็หลายแสนไหนจะเรียนจบทำงานได้หนูดีก็ต้องหาเงินคืนพวกเราตอบแทนค่าเลี้ยงดู คิมจะมาซื้อด้วยเงินหลักแสนเห็นทีจะไม่คุ้ม พวกเราไม่ขอรับ” มัทราลัยเชิดหน้าชูคอชายตามองฉุนเฉียวที่ราคาไม่ได้เป็นดั่งหวัง
“แล้วต้องการเท่าไหร่?”
“หนึ่งล้านบาท” เขมจิราแทรกขึ้นพลางหันไปยิ้มน้อยๆ กับครอบครัว คิมหันต์ขำในลำคอจำนวนเงินขนาดนั้นเขาจ้างผู้หญิงมาบริการยังคุ้มกว่า
“ซื้อคนรับใช้นะครับ ไม่ใช่สินสอดขอเมีย”
“ลดให้เหลือห้าแสนก็ได้ค่ะ” พราวฟ้ารีบเสนอลดราคาฮวบฮาบไม่ไว้หน้าย่ากับแม่
“แพงไป ผมให้ไม่เกินสามแสน” คิมหันต์ตอบกลับทันควัน
“นี่คนนะ ให้ราคาถูกกว่านาฬิกาที่นายใส่อีก” พรายดาวยิ้มเยาะเหลือบมองไปทางนาฬิกายี่ห้อดังเรือนละหลายสิบล้านบนข้อมือของเขา
“นาฬิกายังขายเกร็งกำไรได้แต่คนใช้ไปแล้วช้ำเสื่อมราคา ถ้าไม่ขายก็ไม่เอา เสียเวลา” คิมหันต์กระตุกมุมปากเบื่อหน่ายก่อนจะลุกพรวดเดินออกจากห้องรับแขกไปเฉย ๆ สร้างความมึนงงให้ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เคยเจอใครไร้มารยาทได้เท่าคิมหันต์มาก่อน
“เดี๋ยวค่ะ พี่คิมสามแสนก็ได้เอามันไปเลย!” พราวฟ้าลุกพรวดเดินตามไปเจรจา
“ยังจะเอาอีกเหรอ ต่อจนเสียราคาหมด”เขมจิราดุเสียงแข็ง
“มันก็แค่คนรับใช้นะคะคุณแม่ เขาไม่ได้มาสู่ขอฟ้าสักหน่อย คิดกันบ้างสิคะ ถ้าเลี้ยงมันไว้ก็เปลืองข้าวสุกนี่ได้เงินใช้ฟรี ๆ ดันไม่เอา ก็อดกันไปแล้วกันค่ะ” พราวฟ้าแผดเสียงแว้ด ๆ อย่างลืมตัวก่อนจะเดินกระทืบเท้าดังลั่นออกไป ด้านผู้ใหญ่ต่างพากันขมวดคิ้วเครียดห่วงแต่มูลค่าทำให้ลืมไปว่าคิมหันต์แค่มาซื้อตัวคนรับใช้ในบ้าน......
