บทที่ 5
“สังคมที่นี่คงไม่เหมาะกับฉัน แต่คุณเหมาะเพราะคุณร้อนแรงเสมอที่รัก”
“คุณก็ร้อนแรง”
“ถ้าคิดถึงฉันก็บินไปหากันได้ ฉันยินดีต้อนรับคุณเสมอ”
“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ แล้วสวมกอดเบคก้าซึ่งอ้อมกอดจากเขาสร้างความแปลกใจให้เธอไม่น้อย เบคก้ายอมรับว่าเธอมีความสุขที่ได้อยู่กับฮันบิน เขาคือแรงดึงดูดให้เธออยากอยู่ที่เกาหลีต่อแต่แรงดึงดูดนั้นมันก็ค่อยๆ ลดน้อยลง เพราะเขาไม่มีใจให้เธอ และเธอก็ไม่ได้ร้องขอความรักใดๆ จากเขาเช่นกัน
ทั้งคู่ล่ำลากันด้วยจูบอันดูดดื่ม หลังจากนั้นเบคก้าก็กลับออกไปก่อน ฮันบินทิ้งเวลาสักพักแล้วจึงออกไปจากห้อง เขาเข้าไปทักทายหุ้นส่วนแต่ไม่ถึงนาทีก็ขอตัวกลับ โดยออกทางประตูวีไอพี
ด้วยความที่เขาเป็นไอดอล การจะคบหาหรือมีอะไรกับผู้หญิงในวงการหรือนอกวงการที่เป็นเกาหลีแท้ๆ อาจไม่เหมาะ เพราะถ้าข่าวหลุดออกไปสิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็คงสูญเปล่า ทำให้ฮันบินไม่มีข่าวชู้สาวในประเทศ ประวัติชายหนุ่มนั้นขาวสะอาดเป็นไอดอลที่มีภาพลักษณ์ดีเสมอมา
แต่บางครั้งก็มีข่าวเล็ดรอดออกมาว่าชายหนุ่มแอบซุ่มคบคนนั้นคนนี้ที่ไม่ใช่คนเกาหลี ทุกๆ ครั้งที่มีข่าวทำนองนี้บรรดาแฟนคลับก็มักจะออกโรงโต้ก่อนเขาหรือต้นสังกัดเสียอีก ความรักที่แฟนคลับมีให้มานั้นท่วมท้นและฮันบินก็รับรู้ได้ เขาเองก็รักแฟนคลับของตัวเองมากเช่นกัน
วันรุ่งขึ้น ฮันบินก็ปรากฎตัวที่สนามบินด้วยลุคสบายๆ แต่ทว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเขา ไล่มาแต่ศีรษะถึงปลายเท้าล้วนแต่เป็นของแบรนด์เนมทั้งนั้น โดยได้การสนับสนุนจากสปอนเซอร์และมีบางชิ้นเป็นของแฟนคลับที่เขาตั้งใจใส่เพื่อให้คนเหล่านั้นเห็นว่าเขายังคงใส่ใจกับของทุกๆ ชิ้นที่เขาได้รับมา เรื่องเทคแคร์แฟนคลับเขาไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำ
“สร้อยอะไร ถอดออกดีกว่า ดูมันไม่เข้ากับชุดนายวันนี้เท่าไหร่” แทโอเอ่ยบอก แต่ทว่าฮันบินกลับไม่ได้ทำตามคำสั่งของผู้จัดการส่วนตัว
ชายหนุ่มโบกมือทักทายแฟนคลับที่ตามมาส่ง พวกเขายังคงตามถ่ายคลิปและรูปภาพฮันบินไว้ โดยรูปภาพอาจจะมีหลายร้อยหลายพันรูปเพื่อเอาไปอัปโหลดลงในกลุ่ม แต่บางครั้งฮันบินก็ส่งรูปที่เขาถ่ายด้วยตัวเองให้ประธานแฟนคลับเหล่านั้นบ้างตามโอกาส
ฮันบินยืนโพสต์ท่าอยู่หน้าประตู นั่นก็เพื่อให้บรรดาแฟนคลับและนักข่าวได้ถ่ายรูปและถ่ายคลิปได้อย่างสะดวก ก่อนจะโค้งให้เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องเข้าไปในสนามบินแล้ว แต่ก็ยังมีคนตามถ่ายรูปและคลิปด้านในอีก ฮันบินจำบ้านแฟนคลับของเขาได้ เมื่อเห็นจึงส่งยิ้มให้พร้อมเอ่ยทักทาย
“สวัสดีครับ สบายดีไหมครับ” ประโยคคำถามเพียงสั้นๆ แต่ทว่ามันกลับทำให้เหล่าแฟนคลับหัวใจพองโตเป็นอย่างมาก และคลิปนี้ก็ถูกอัปโหลดขึ้นโซเชียลจนเป็นกระแสทันที ยิ่งเขาใช้ของที่แฟนคลับส่งให้ด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นที่พูดถึง
ฮันบินจริงใจกับเหล่าแฟนคลับของเขาเสมอ แม้ลึกๆ จะรู้สึกผิดเพราะตัวตนบางอย่างของเขานั้นก็ไม่อาจเปิดเผยได้ หวังว่าสักวันเขาจะกล้าพอที่จะพูดมันออกไป
หลังจากนั่งมาเครื่องห้าชั่วโมงนิดๆ ทั้งหมดก็เดินทางถึงเมืองไทย และคนที่มารอต้อนรับเขาคือ...แป้งร่ำพร้อมทีมงานของเธอ หญิงสาวอยู่ในชุดสูททำงานที่ดูทะมัดทะแมง รองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ช่วยให้ขาของเธอดูยาวขึ้น และเธอยังคงผมสั้น ใส่แว่นเหมือนก่อนไม่มีผิด
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อแป้งร่ำ เป็นทีมงานที่จะเข้ามาดูแลคุณฮันบิน” เพราะไม่อยากพูดภาษาเกาหลี ทำให้แป้งร่ำเอ่ยแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษไปก่อน
“สวัสดีครับคุณแป้งร่ำ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับ” แทโอที่จำแป้งร่ำได้เช่นกันเอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษกลับไป แม้สำเนียงจะไม่เป๊ะแต่ก็จับใจความได้
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งเช่นกัน รถอยู่ทางนี้ เชิญค่ะ” แป้งร่ำผายมือเชื้อเชิญ ซึ่งคนแรกที่เดินตามเธอมานั้นคือโจทย์เก่าที่สวมแว่นกันแดดยี่ห้อดังบนใบหน้า เขายังคงดูหล่อในแบบฉบับของตัวเองที่แป้งร่ำไม่มีทางหลงเข้าไปปลื้มอีกเป็นอันขาด
แม้จะออกทางออกวีไอพี แต่ก็ยังมีบรรดาแฟนคลับที่ตามมาให้กำลังใจฮันบินส่งเสียงกรีดร้องต้อนรับ ชายหนุ่มโบกมือทักทาย กลุ่มคนเหล่านั้นก็ยิ่งส่งเสียงอย่างดีใจ
แป้งร่ำเดินเร็วๆ นำมายังรถซึ่งจอดอยู่ ทันทีที่เปิดประตูรถออกแอร์เย็นฉ่ำก็ลอยมาปะทะร่างกาย ฮันบินโบกมือให้แฟนคลับอีกครั้งก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งข้างใน ข้างๆ เขาคือแทโอผู้จัดการส่วนตัว ในขณะที่แป้งร่ำนั่งคู่กับคนขับด้านหน้า ส่วนทีมงานคนอื่นๆ ก็ขึ้นรถที่เตรียมไว้รอด้านหลัง จากนั้นขบวนรถก็เคลื่อนตัวไปยังที่พักที่ยังคงถูกปิดเป็นความลับ
แม้จะเข้ามานั่งในรถแล้ว แต่ฮันบินก็ยังไม่ได้ถอดแว่นกันแดดออก ชายหนุ่มใช้โอกาสนั้นมองแป้งร่ำผ่านเลนส์สีดำ แม้จะเห็นแค่เพียงด้านข้างก็ตาม แต่แล้วจู่ๆ หัวใจเขาก็เต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุหรือว่าเขาพักผ่อนน้อยเกินไป
“ไม่ได้เจอกันนาน คุณแป้งร่ำสบายดีไหมครับ” แทโอเอ่ยถามขึ้นเป็นภาษาเกาหลี เพราะรู้จากปรีณาว่าแป้งร่ำนั้นสามารถพูดและฟังภาษาเกาหลีได้ ในขณะที่ ฮันบินก็แอบฟังคำตอบอยู่เงียบๆ
“สบายดีค่ะ” แป้งร่ำเอ่ยตอบสั้นๆ ก่อนที่แทโอจะหันไปคุยกับฮันบินต่อ เธอจึงโล่งอกที่เขาไม่ได้ถามอะไรอีก รถเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงที่พักที่เป็นเพนต์เฮาส์สุดหรู ฮันบินเคยพักที่นี่มาแล้วและเขาก็รีเควสที่จะพักอีก ซึ่งกว่าที่แป้งร่ำจะดิวได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อมาถึงที่พัก อาหารจากโรงแรมห้าดาวก็ถูกนำมาเสิร์ฟให้ชายหนุ่มถึงในห้อง ส่วนทีมงานคนอื่นๆ แยกไปกินในห้องรับรองแทน โดยมีอาหารคาวหวานทั้งอาหารไทยและเทศให้เลือกกิน ซึ่งสิ่งที่ฮันบินชอบมากที่สุดคือยำวุ้นเส้นโบราณของไทย แต่เขาก็เจาะจงไปในรายละเอียดว่าไม่ชอบให้เชฟใส่อะไรบ้าง เช่น หอมแดงซอย
“นี่อะไร” ฮันบินเอ่ยถามเป็นภาษาเกาหลีขึ้น แป้งร่ำลังเลว่าเธอควรจะตอบเขาเป็นภาษาอะไร ระหว่างไทย อังกฤษหรือเกาหลี สุดท้ายจึงเลือกอย่างหลัง
“ยำวุ้นเส้นโบราณค่ะ” แป้งร่ำที่ต้องอยู่ดูแลฮันบินบอกชื่อเมนู แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะถามทำไม ทั้งๆ ที่เป็นคนสั่งเมนูนี้เองไม่ใช่เหรอ
“เชฟคนไหนทำ”
“เชฟเกริก เชฟประจำของโรงแรมห้าดาวที่รับผิดชอบบดูแลเรื่องอาหารของคุณกับทีมงานค่ะ”
“โอเค ผมชอบรสชาติอาหารของเชฟคนนี้ แต่คุณจะไม่มีเมนูท้องถิ่นอะไรมาต้อนรับผมหน่อยเหรอ” เอ่ยจบฮันบินก็ถอดแว่นกันแดดออกและนั่นก็ทำให้ทั้งสองได้สบตาอีกฝ่ายตรงๆ
