ใต้อาณัติเสน่หา

61.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
37
บท
4.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาหล่อ เขาร้าย เขาชอบหว่านเสน่ห์ แต่เธอคือสาวซึน มึนขนาดไอดอลโอปป้าหุ่นล่ำ แก้ผ้าอยู่ตรงหน้า ก็ยังไม่แสดงอาการใดๆๆ เอ้!..หรือว่าเธอจะตายด้านกันนะ

นิยายรักโรแมนติกประธานจอมมารพระเอกเก่งจีบเมียเก่าเศรษฐีเลือดร้อน

บทที่ 1

สองแสนบาทถ้วน!

คือค่าตัวที่สูงลิ่ว เมื่อเทียบกับเวลางานที่ต้องทำเพียงแค่สิบสี่วันเท่านั้น แต่เธอมีเหตุผลเพราะไม่อยากทำงานชิ้นนี้แป้งร่ำจึงเรียกค่าตัวให้สูงเข้าไว้ เพราะคงไม่มีลูกค้าคนไหนบ้าดีเดือดกล้าจ่ายเงินค่าจ้างแพงๆ เนื่องจากมองยังไงก็ไม่คุ้ม

“ถ้าลูกค้าจ่ายไหว แป้งก็รับงานนี้ค่ะพี่นิด” คนฟังส่ายหน้า เพราะปรีณาเดาออกว่าแป้งร่ำไม่อยากทำงานชิ้นนี้สักเท่าไหร่ แต่ในบริษัทเธอก็เห็นมีเพียงแค่ลูกน้องสาวตรงหน้าคนเดียวเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนพอที่จะรับงานชิ้นนี้ไปดูแลได้

“โอเค ตกลงตามนี้จ้ะ” ปรีณาเอ่ยรับอย่างไม่ลังเล เพราะต่อให้ลูกค้าสู้ราคาค่าตัวแป้งร่ำไม่ไหวเธอก็มีวิธีรับมือ นั่นเพราะที่นี่คือบริษัทที่เธอเปิดมาเพื่อรับดูแลลูกค้าระดับวีไอพีแบบครบวงจร

สำหรับลูกค้าที่จ่ายไหว ทุกอย่างต้องเพอร์เฟคที่สุด ไล่มาตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่เพื่อสร้างความประทับใจแบบพิเศษ หากมาอยู่ในการดูแลของบริษัทเธอครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งที่สองสามสี่หรือมากกว่านั้นก็จะตามมา ลูกค้าบางรายถึงกับจองคิวข้ามปีเพื่อล็อคตัวพนักงานที่ต้องการให้มาดูแลตัวเอง

โดยพนักงานในบริษัทของเธอมีทั้งหญิงชายและเพศทางเลือก ทุกคนแม้จะไม่สวยที่สุดหล่อที่สุดแต่ต้องดูดีที่สุดในแบบของตัวเอง นั่นก็เพื่อดึงเสน่ห์ความเป็นตัวตนของคนคนนั้นออกมา เพราะในฐานะเจ้าของบริษัทเธอนั้นอยากให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความจริงใจและวางใจ

ความลับของลูกค้าก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะลูกค้าหลายๆ รายก็เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ทั้งวงการบันเทิง กีฬาและอื่นๆ ทุกคนล้วนต้องการความเป็นส่วนตัว หาที่พักผ่อนเงียบๆ ไร้เหล่าปาปารัสซี่

“แป้งขอถามหน่อยได้ไหมคะ ว่าทำไมต้องเป็นแป้ง” คำถามของแป้งร่ำทำให้ปรีณายิ้มรับออกมา นั่นเพราะเธอเล็งเห็นคุณสมบัติบางอย่างในตัวแป้งร่ำ

หนึ่งเธอไม่ได้บ้าไอดอลเกาหลี เรียกง่ายๆ ว่าไม่ใช่ติ่ง

สองคือเธอเรียนภาษาเกาหลีมา สื่อสารกันได้ชัวร์

และสามเธอมีไหวพริบ ไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบนโลกเธอจะอาศัยความไหวพริบที่มีเอาตัวรอดได้แน่นอน

“เพราะทุกคนในบริษัทไม่มีคิวว่างเลยนะสิ” คำตอบของปรีณาทำให้คนฟังหน้างอเล็กๆ เพราะดูเหมือนเจ้านายจะตอบไม่ตรงคำถามสักเท่าไหร่

“พี่นิด แป้งถามจริงจังนะคะ”

“พี่ก็ตอบจริงจัง”

“ก็ทีแรกเหมือนพี่นิดรับงานชิ้นนี้ไปดูแลเองแล้วนี่คะ”

“ใช่...แต่ร่างกายพี่มันประท้วง เลยต้องไปนอนให้คีโมสักระยะ พี่เลยต้องให้แป้งช่วย” คำตอบของปรีณาทำให้แป้งร่ำชะงักไปเล็กน้อย

แม้เธอจะอยากช่วยแต่เธอก็เรียกค่าเหนื่อยไปแบบสุดโต่งเพื่อให้อีกฝ่ายลังเลที่จะตอบรับเช่นกัน นั่นเพราะวีรกรรมของว่าที่ลูกค้าคนนี้ที่เคยสร้างไว้ก็ใช่ย่อย จนได้ฉายาจากพวกเธอว่า’คนเยอะปีสองพัน’ไปครอง ซึ่งฉายานี้ไม่ได้มอบให้ใครง่ายๆ

“ค่ะ...เอาเป็นว่าแป้งจะรอคำตอบจากลูกค้าแล้วกัน”

“จ้ะ”

“แล้วนี่อาการพี่นิดเป็นยังไงบ้างคะ” แป้งร่ำเอ่ยถามถึงอาการป่วยของเจ้านาย เพราะทุกคนในบริษัทรู้ว่าตอนนี้ปรีณากำลังเผชิญกับเรื่องสุขภาพ

เพราะเมื่อหกเดือนก่อนปรีณาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งที่โพรงจมูก การรักษามีมาต่อเนื่องทั้งกินยา ฉายแสงและให้คีโม รวมถึงการดูแลร่างกายและอาหารก็สำคัญ

“ยังทรงตัวอยู่จ้ะ แต่หลังจากให้คีโมรอบนี้ ผลค้างเคียงก็คงมากหน่อย นี่พี่ตั้งใจจะซื้อวิกผมสวยๆ มาสักสองสามอัน แป้งพอจะมีร้านแนะนำไหม”

“มีค่ะ” แป้งร่ำเอ่ยรับ เธอรู้สึกจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เพราะเธอเองก็เสียแม่ไปด้วยโรคมะเร็งเช่นเดียวกัน แป้งร่ำหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหาร้านวิกผมในไอจี จากนั้นก็ยื่นไปให้เจ้านายได้ดู

“แบบผมบ็อบสั้นก็สวยดีนะแป้ง เพราะพี่ไว้ผมยาวมาตลอดไม่เคยตัดสั้นขนาดนี้เลย” เมื่อได้ยินแบบนั้น แป้งร่ำก็ลองเอาวิกผมขึ้นมาเทียบกับโครงหน้าของปรีณา

“ผมสั้นก็เข้ากับพี่นิดดีนะคะ”

“จริงเหรอ งั้นสั่งมาเลย”

“แบบนี้ล่ะคะ ผมลอนยาวมีหน้าม้าซีทรูนิดๆ กำลังฮิต” แป้งร่ำแนะนำวิกอีกอันให้ปรีณาได้ดู

“เอาด้วยจ้ะ หลังให้คีโมรอบนี้พี่คงไม่มีอะไรทำไปอีกพักใหญ่ๆ จะนั่งเปลี่ยนวิกผมเล่นทั้งวันให้สนุกไปเลย” คำพูดของเจ้านายทำให้แป้งร่ำยิ้มออก เพราะรับรู้ได้ถึงสภาพจิตใจของคนตรงหน้าที่ยังดีเยี่ยม

“ค่ะ พี่นิดต้องหายนะคะ อย่ายอมแพ้กับมันเด็ดขาด”

“จ้ะ” ปรีณาเอ่ยรับ จากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันเลือก วิกผมและผ้าโพกศีรษะสวยๆ อีกหลายผืน ก่อนที่แป้งร่ำจะกลับออกไปนั่นเคลียร์งาน เพราะตอนนี้เธอยังคงมีลูกค้าในมือที่ต้องดูแลอยู่นั่นเอง

แม้จะอยากให้ปรีณาได้เงินจากงานชิ้นล่าสุดที่ติดต่อเข้ามา แต่อีกใจแป้งร่ำก็อยากให้ฝ่ายนั้นปฏิเสธด้วยเหตุผลค่าจ้างที่สูงลิ่วจนเกินไป แต่ดูเหมือนอะไรๆ จะไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการเสียแล้ว

วันหยุด แป้งร่ำและแก๊งเพื่อนที่สนิท ประกอบด้วยนาขวัญซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยและแวนโก๊ะที่เจอกันในบริษัทก็นัดแนะกันไปฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย ทั้งสามมาชดใช้กรรมให้บรรดาอาหารคาวหวานที่กินมาทั้งอาทิตย์

ปกติทั้งสามคนก็ออกกำลังกายที่บ้านเป็นประจำอยู่แล้ว แต่การนัดเจอกันแบบนี้ก็ยิ่งทำให้การออกกำลังกายนั้นยิ่งสนุก นั่นเพราะมีเพื่อน พอออกกำลังเสร็จก็ไปหาอะไรกินต่อจากนั้นก็ชอปปิ้งตามแต่สภาพคล่องของเงินในกระเป๋าจะอำนวย

“แก”

“ว่า” นาขวัญเอ่ยรับคนเรียก

“เปิดขวดน้ำให้หน่อยสิ ฉันไม่มีแรง” บอกเสร็จ แวนโก๊ะที่วันนี้ยังไม่ได้เริ่มออกกำลังก็ยื่นขวดน้ำดื่มมาให้นาขวัญ แต่ทว่าสายตากลับมองผ่านเพื่อนไป

“ถึกแบบแกเนี่ยนะไม่มีแรง” ขณะรับขวดน้ำมาก็เอ่ยไปด้วย

“เออนะ ช่วยมองว่าฉันอ้อนแอ้นบอบบางหน่อยก็ได้ นะๆ ช่วยเปิดขวดน้ำให้หน่อย” แวนโก๊ะทำตาปิ๊งๆ แต่ในสายตาของคนมองกลับไม่ได้ดูน่ารักออกจะน่าถีบเสียด้วยซ้ำไป

“อ้อนแอ้น บอบบาง ตรงไหนยะ” นาขวัญแย้งกลับมา แต่ในมือก็ยังคงถือขวดน้ำของแวนโก๊ะอยู่

“ทั้งตัว สรุปเปิดขวดน้ำให้ยัง ฉันหิวจนคอแห้งแล้ว”

“เอาไป” เอ่ยจบนาขวัญก็ยื่นขวดน้ำที่เปิดฝาขวดเสร็จแล้วคืนให้แวนโก๊ะ ที่วันนี้เกิดอยากเป็นสาวน้อยผู้บอบบาง อ้อนแอ้น ทั้งๆ ที่ลักษณะทางกายภาพนั้นคือผู้ชายร่างถึกที่สูงถึงร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร แถมกล้ามยังแน่นเพราะชอบเข้าฟิตเนสเป็นชีวิตจิตใจ เธอจึงมองหาความอ้อนแอ้นบอบบางเมื่อครู่นี้ไม่เจอ จากนั้นก็เดินไปหาแป้งร่ำที่เวลานี้เดินอยู่บนลู่วิ่ง