บทที่ 2
“แกว่านางแปลกๆ ไหม” เสียงกระซิบของนาขวัญ ทำให้แป้งร่ำยิ้มออกมาตรงมุมปาก เพราะเมื่อครู่ต่อให้เธอไม่ได้มองแต่หูก็ได้ยินเพื่อนสนิททั้งสองคนคุยกันทุกประโยค
“อืม...นางทำตัวบอบบางผิดรูปร่างแบบนี้ คงมีอย่างเดียวแหละ”
“อ่อยผู้” นาขวัญดีดนิ้วทันทีที่นึกออก ก่อนจะหันไปมองแวนโก๊ะที่ตอนนี้หายไปแล้ว พอกวาดสายตามองก็เห็นว่าไปยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง
“ถ้าเดาไม่ผิดตอนนี้นางน่าจะเข้าไปประชิดเป้าหมายแล้ว” แม้จะไม่ได้หันไปมองแต่แป้งร่ำก็เดาใจแวนโก๊ะออก
“อ่อยแรงแถมได้ผู้ตลอดด้วย สกิลการอ่อยของนางเก่งกว่าฉันกับแกรวมกันเสียอีก อ่อยปุ๊บเหยื่อติดปั๊บ หรือว่านางแอบไปสักสาริกาลิ้นทองมา” คำพูดของนาขวัญทำให้แป้งร่ำขำ
“ไม่รู้สิ” แป้งร่ำที่อยู่ในชุดออกกำลังกายตัวโปรดแถมยังเป็นสีเหลืองที่ชอบมากส่ายหน้าไปมา ก่อนที่ทั้งคู่จะมองไปยังแวนโก๊ะที่เวลานี้ยืนคุยกับหนุ่มปริศนาด้วยความสนิทสนมเกินเบอร์คนพึ่งรู้จัก
ภาพที่เห็นทำเอานาขวัญถึงกับเบ้ปากให้คนเจ้าเสน่ห์ ซึ่งพอหันมาดูเธอกับแป้งร่ำที่ตอนนี้ยังขึ้นสเตตัสโสดสนิทก็ได้แต่คอตก เธออยากมีแฟนส่วนแป้งร่ำน่าจะยังไม่อยาก...มั้ง
“แล้วนี่แกให้คำตอบพี่นิดไปหรือยัง” เพราะทำงานที่เดียวกัน นาขวัญถึงรู้เรื่องงานชิ้นใหม่ที่ปรีณาอยากให้แป้งร่ำรับไปดูแล
“ให้แล้ว”
“ให้ว่าอะไรตกลงหรือปฏิเสธ”
“ไม่เชิงตกลง เพราะฉันโก่งค่าตัวไปเยอะเพื่อให้อีกฝ่ายปฏิเสธ แกก็รู้ว่าฉันไม่อยากทำงานนี้สักเท่าไหร่” นาขวัญรู้ว่าเพราะอะไรแป้งร่ำถึงไม่อยากรับงานชิ้นนี้
สาเหตุน่าจะมาจากเมื่อสามปีก่อน ที่เธอและแป้งร่ำเคยไปดูแลไอดอลนายแบบที่ชื่อว่าฮันบิน ซึ่งก็คือลูกค้าคนที่แป้งร่ำอาจต้องไปเทคแคร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก่อนที่จะเจอตัวจริงแป้งร่ำนั้นปลื้มฮันบินอยู่ก่อนแล้ว เธอชื่นชอบผลงานชายหนุ่มมาก ถึงขนาดมีโปสเตอร์แปะไว้ในห้องนอน ตามเก็บผลงานทุกอย่างก็ว่าได้
แต่พอได้เจอตัวจริง เจอในฐานะลูกค้าที่เวลานั้นแป้งร่ำแค่เฉียดเข้าไปดูแล ขนาดแค่เฉียดยังรับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของไอดอลคนนี้ ถ้าให้เธอเดาสิ่งที่แป้งร่ำไม่ชอบฮันบินมากที่สุดก็คงเป็นความเจ้าชู้หูตาแพรวพราวของเขา เพราะขนาดเพื่อนเธออึนๆ มึนๆ ใส่ อีกฝ่ายก็ยังหว่านเสน่ห์ไม่เลิกรา แต่สุดท้ายก็แห้วไปจ้ะเพราะเพื่อนเธอไม่เล่นด้วย
เมื่อแป้งร่ำได้เบิกเนตรเห็นตัวตนที่แท้จริงของ ฮันบินไอดอลที่ปลื้ม ทันทีที่กลับมาถึงบ้านทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับชายหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารที่เขาไปขึ้นปก โปสการ์ดพร้อมลายเซ็นที่กว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น ซีดีเพลงที่เขาร้องประกอบซีรีส์ แม้กระทั่งของ แรร์ไอเทมหายากยิ่งกว่าการลงไปงมเข็มในมหาสมุทร
ทุกสิ่งอย่างมันถูกโยนเข้ากองไฟ!
จ้ะ...เพื่อนเธอเอามาเผาจนหมด หมดแบบไม่มีเหลือแม้แต่เศษกระดาษ
และเพราะไม่ชอบคนประเภทนั้นแป้งร่ำจึงออกห่างและหลีกเลี่ยงที่จะไปร่วมงาน เรียกได้ว่ามีฮันบินที่ไหนต้องไม่มีแป้งร่ำที่นั่น แต่สุดท้ายก็เหมือนต้องร่วมงานกันอยู่ดี เหมือนคำโบราณที่ว่าเกลียดสิ่งไหนได้สิ่งนั้น
ส่วนเธอนั้นเกลียดคนหล่อไม่ปลื้มคนรวย ไม่ชอบคนสายเปย์ เกลียดๆ แต่ก็ยังไม่ได้สักที สงสัยคำโบราณจะใช้กับเธอไม่ได้ผล
“เปลี่ยนเป็นฉันไหมอะ ฉันติ่งเกาหลีที่แท้ทรูเลยนะ รับรองว่าถ้าได้งานนี้ลูกค้าต้องประทับจิตประทับใจกลับไปแดนกิมจิแน่นอน” นาขวัญเสนอตัวเอง เพราะผู้ชายลุคแบดๆ ร้ายๆ แบบฮันบินคือความท้าทายของเธอ แต่น่าแปลกที่ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะมองหรือว่าเธอไม่มีเสน่ห์พอ ชิ
“ถามพี่นิดดูสิ”
“ถามแล้ว พี่นิดบอกแกเหมาะกว่าเพราะแกพูดเกาหลีได้ เฮ้อ...รู้งี้ไปเรียนภาษาเกาหลีให้คล่องๆ แบบแกก็ดี” เอ่ยจบก็แกล้งห่อไหล่เหมือนเสียดาย แต่ใช่ว่านาขวัญจะไม่มีลูกค้าหล่อล่ำให้ชื่นใจ เพราะลูกค้าที่เธอกำลังจะไปเทคแคร์ก็งานดีไม่หยอก
ถ้ารู้ว่าเข้ามาทำงานที่บริษัทของปรีณาแล้วเจริญหูเจริญตาแบบนี้เธอสมัครมาเป็นพนักงานนานแล้ว ไม่เสียเวลาไปเป็นเลขาอยู่ตั้งนานสองนาน
“แต่เหมือนไอดอลคนนั้นจะพูดไทยได้นะ เห็นว่าหัดพูดเพราะอยากสื่อสารกับแฟนคลับ” แป้งร่ำเอ่ยถึงฮันบินด้วยโทนเสียงนิ่งๆ ไม่ได้แสดงท่าทางตื่นเต้นใดๆ
“ว้าว! ผู้ชายอะไรเพอร์เฟค”
“เปลือกมากกว่า” คำพูดของแป้งร่ำทำเอาคนฟังชะงักไปเล็กน้อย จนถึงตอนนี้เพื่อนสนิทก็ไม่มีท่าทีญาติดีกับไอดอลคนนั้น
เสียงโทรศัพท์มือถือของแป้งร่ำที่ดังขึ้น ทำให้บทสนทนาพวกเขาต้องหยุดลงก่อนชั่วคราว เธอคว้ามาดูจึงเห็นว่าเป็นสายจากปรีณา
“แป๊บนะแก พี่นิดโทรมา”
“อื้อ”
“ค่ะพี่นิด” เมื่อกดรับสาย แป้งร่ำก็เอ่ยทักขึ้นพร้อมกดหยุดแล้วเดินลงมาจากลู่วิ่ง
“ทางนั้นคอนเฟิร์มมาแล้วนะแป้งว่าโอเค” ปรีณาเอ่ยบอกแต่แป้งร่ำกลับไม่ได้รู้สึกดี ออกแนวตกใจเสียมากกว่า เพราะไม่คิดว่าลูกค้าจะยอมจ่าย
“หา! ทำไมถึงโอเคละคะ ทั้งๆ ที่แป้งเรียกค่าตัวมากกว่าปกติไปตั้งเยอะ”
“งานด่วนจ้ะ เพราะถ้าไม่ยอมงานก็คงรันต่อไม่ได้ คราวนี้คงเสียหายมากกว่าค่าตัวที่แป้งเรียกเสียอีก” น้ำเสียงของปรีณาฟังดูเหนื่อยๆ จนแป้งร่ำรับรู้ได้
แม้จะเหนื่อย แต่ปรีณาก็อยากทำงานที่เธอสร้างมาเองกับมือให้ดีที่สุด แม้สุขภาพในตอนนี้ยังไม่เอื้อเท่าความมุ่งมั่น จึงต้องฝากไว้ที่มือขวาอย่างแป้งร่ำและนาขวัญ ทั้งสองเป็นพนักงานคนสำคัญของเธอและของบริษัทก็ว่าได้
“ถ้าเขารับได้ แป้งก็ไม่มีอะไรจะปฏิเสธค่ะ”
“ขอบใจมากนะแป้ง ขอบใจที่ยอมรับงานชิ้นนี้ไปดูแล พี่ต้องขอโทษจริงๆ ที่ลงไปดูแลเองไม่ได้” นั่นเพราะปรีณาเองก็รู้ข้อแม้ของแป้งร่ำว่าจะไม่รับงานชิ้นไหน แต่ครั้งนี้จำเป็นจริงๆ
“พี่นิดต้องพักรักษาตัวนี่คะ เอาเป็นว่าแป้งจะทำเต็มที่เผื่อพี่นิดด้วย”
“ขอบใจจ้ะ”
“ดูแลสุขภาพนะคะ ว่างๆ แป้งจะไปเยี่ยม”
“จ้ะ” ปรีณาเอ่ยรับแล้วกดวางสายไป ซึ่งทันทีที่เห็นแป้งร่ำลดโทรศัพท์ลง นาขวัญที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยถามขึ้น
“พี่นิดว่าไงบ้าง”
