5ตัดใจ
Chapter 5
“ร้องไห้เสียให้พอ แล้วกลับบ้านไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น ตอนนี้มันอาจจะทำใจยาก แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเราเอง พราวต้องผ่านมันไปให้ได้นะ”
“พราวเจ็บจังพี่ชมพู่ ที่ผ่านมาพราวไม่เคยรู้เลยว่าเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว พราวไม่เคยรู้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคู่หมั้นพี่ไคเลอร์ พราวเจ็บจังเลยพี่ชมพู่ พราวเจ็บจังเลย ฮือ ๆ”
“พี่ก็เคยเจ็บ พี่ก็เคยเสียใจ ของพราวยังเป็นแค่แฟนมีคู่หมั้น พราวยังมีโอกาสถอนตัวทัน แต่ของพี่ปลูกต้นรักกับแฟนมาตั้งหลายปี ไม่เคยระแคะระคายเลยว่าผู้ชายของตัวเองมีลูกมีเมียอยู่แล้ว กว่าพี่จะรู้ความจริง ก็วันที่พี่กับเขาแต่งงาน” ชมพู่ว่าแล้วถอนหายใจออกมาแรง ๆ นัยน์ตาคู่สวยสั่นระริก ขอบตาร้อนผ่าว คล้ายจะหลั่งน้ำตาประจานความอ่อนแอออกมา
“พี่ชมพู่ ฮึก”
“ผู้หญิงคนนั้นอุ้มท้อง จุงแขนลูกวัยสามขวบมาทวงสามีของเธอคืน พี่แทบล้มทั้งยืน การเป็นมือที่สามคือสิ่งที่พี่เกลียดที่สุด แต่พี่กลับเป็นเสียเอง กว่าจะทำใจได้ก็ผ่านมาหลายปี” ชมพู่ยิ้มเศร้า พราวนภากุมมือชมพู่เอาไว้แล้วบีบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ ขนาดเธอยังไม่ถลำลึกมาเท่าไหร่ยังเจ็บมากขนาดนี้ ถ้าเธอต้องอยู่ในเหตุการณ์คล้ายกับชมพู่ เธอคงเจ็บปวดยิ่งกว่านี้ “กลับมารักตัวเอง อย่าเป็นมือที่สาม อย่าทำลายความสุขของคนอื่น ถึงเราจะเป็นคนจนไม่มีอะไร แต่เราต้องมีศักดิ์ศรี เราต้องไม่เป็นมือที่สามของใคร”
“ค่ะพี่ชมพู่” พราวนภาร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หน้าคาเฟ่ โดยมีชมพู่คอยพูดปลอบประโลม พอร้องไห้จนสาแก่ใจพราวนภาก็กลับบ้าน แล้วนอนร้องไห้อยู่บนเตียง
ผ่านไปอีกสามวัน
“เหี้ยเอ้ย ไม่รู้ว่าใครมาทุบรถ กูเจอก่อนกูจะจัดการมัน” เกรียงไกรพูดอย่างโมโห มาจอดรถที่ตลาดแค่แป๊บเดียว รถถูกทุบกระจกพังยับ เสียงเงินซ่อมตั้งหมื่นกว่า จอดมาหลายปีไม่เคยเจอเชี่ยอะไรแบบนี้ ทำไมวันนี้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ หนำซ้ำจับมือใครดมก็ไม่ได้ กล้องที่ตลาดก็เสีย แจ้งตำรวจแล้ว แต่ไม่รู้จะมีอะไรคืบหน้าหรือเปล่า
“ไอ้เกรียง มึงไปดูเมียมึงหน่อย เมียมึงโดนรถเฉี่ยว” ป้าข้างบ้านรีบมาบอก เกรียงไกรหน้าตาตื่น รีบละล่ำละลักเอ่ยถาม
“ที่ไหนป้า?”
“ที่หน้าร้านเสริมสวย เอ็งรีบไปเลย อีทองน่าจะเจ็บมากอยู่”
“ครับ ๆ” เกรียงไกรพยักหน้า “มันเรื่องเหี้ยอะไร เกิดเหี้ยอะไรกับชีวิตกูนี่” เกรียงไกรบ่นอุบแล้วรีบขับรถไปที่หน้าร้านเสริมสวย พราวนภาที่ได้ยินเสียงป้าแมวป้าข้างบ้านที่มาบอกกับเกรียงไกรเรื่องแม่ของเธอ ก็รีบลงจากบ้าน แล้วรีบไปถามป้าแมว
“ป้า แม่พราวเจ็บมากไหมป้า?”
“น่าจะเจ็บมากอยู่นะพราว” พราวนภาร้อนใจ กำลังจะเดินไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ แต่ข้อความโทรศัพท์ของเธอก็เด้งขึ้น
(“ถ้าเธอไม่เลิกกับลูกชายฉัน เธอกับครอบครัวต้องเจอมากกว่านี้ นี่มันแค่น้ำจิ้ม จำเอาไว้”) พราวนภามือสั่น แม่ของไคเลอร์เริ่มที่จะทำตามคำขู่แล้ว พราวนภารู้ว่าตัวเองไม่สามารถจะสู้กับคนมีเงินอย่างแม่ของไคเลอร์ได้ การที่ครอบครัวต้องเจอเรื่องแย่ ๆ บวกกับเธอนอนคิดเรื่องต่าง ๆ มาหลายวัน มันถึงเวลาที่เธอต้องตัดสินใจเด็ดขาดเสียที
เธอส่งข้อความไปบอกเลิกไคเลอร์ เลือกที่จะตัดช่องทางการติดต่อกับไคเลอร์ทุกอย่าง เพื่อจบปัญหาที่มันเกิดขึ้น ถึงครอบครัวของเธอจะไม่ใช่ครอบครัวที่ดีพร้อม แต่เธอก็ไม่อยากให้คนครอบครัวของเธอ ตอนประสบพบเจอกับเรื่องแย่ ๆ
“แม่งเอ้ย!” ไคเลอร์สบถออกมาอย่างหงุดหงิด ผ่านมาเกือบสองเดือนที่เขาพยายามติดต่อพราวนภา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เธอส่งข้อความมาบอกเลิกแล้วตัดช่องทางการติดต่อ เฟสไลน์ไอจีก็ปิดหมด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงบอกเลิกเขา เขาไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไร เธอถึงทำแบบนี้
เขาส่งข้อความให้น้องชายไปจับตามองพราวนภา เธอก็ใช้ชีวิตปกติ ไปเรียนไปทำงาน แต่ใบหน้าหมองเศร้า คล้ายกับมีเรื่องทุกข์อยู่ในใจ
มันเกิดอะไรขึ้น
เขาอยากจะกลับไปหาพราวนภาอยู่ตลอด แต่เพราะเขาเรียนแล้ว ทำให้เขาไม่อยากจะทิ้งการเรียนไป เธอบอกเลิกเขา เขาก็แทบคลั่งอยู่แล้ว มาติดต่อไม่ได้แบบนี้ เขาก็ยิ่งแทบบ้า
“มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?” ไคเลอร์สบถออกมาอย่างหงุดหงิด ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพราวนภาถึงได้ตัดเยื่อใยกับเขาได้ขนาดนี้
—-
“พราว เป็นอะไรหรือเปล่า?” ไทเลอร์เอ่ยถามอย่างห่วงใยเมื่อเห็นพราวนภาโก่งคออาเจียนอยู่ข้างทาง หลายวันที่ผ่านมาพราวนภามีอาการคลื่นเหียนอาเจียน จนเธอต้องนอนซมอยู่หลายวัน พออาการดีขึ้นแล้วไปโรงเรียน ได้กลิ่นเหงื่อกลิ่นน้ำหอม เธอก็เวียนหัวจนหน้ามืดหลายต่อหลายครั้ง
“เปล่าหรอก พราวแค่ไม่สบาย” ว่าแล้วหยิบทิชชูเปียกมาเช็ดปากตัวเอง ไทเลอร์เดินเข้ามาใกล้ พราวนภาก็รีบถอย เพราะกลิ่นโคโลญกับกลิ่นน้ำหอมในตัวเขา มันทำให้เธอคลื่นเหียนจนอยากจะอาเจียนออกมาอีกระลอก
“แล้วไปหาหมอหรือยัง?”
“ไปมาแล้ว” หล่อนพูดปด ที่จริงไม่ได้ไปหาหมออะไรหรอก แต่ที่มีอาการแบบนี้มันอาจจะเพราะบางสิ่งบางอย่างที่แอบสงสัยอยู่ก็เป็นได้ “แค่เป็นโรคกระเพาะ บวกกับนอนน้อย ก็เลยมีอาการแบบนี้”
“อ๋อ งั้นก็รีบกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวเราไปส่งบ้าน”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพราวกลับเอง” พราวนภาหยิบยาดมออกมาดม แล้วก้าวฉับ ๆ เดินหลบเลี่ยงที่หลังตึก พราวนภาหยิบชุดที่เตรียมมาใส่ทับชุดนักเรียนมัธยมปลาย เพื่อหลบเลี่ยงสายตาคนที่จะมองอย่างสงสัย แล้วเดินไปที่ร้านขายยา
“ซื้อที่ตรวจครรภ์สองชุดค่ะ” พราวนภาเอ่ยเสียงสั่น ก้มหน้ามองมือตัวเอง ดีที่เธอใส่แมส ทำให้เภสัชกรสาวไม่ได้สังเกตหรือสนใจเธอ
“330บาทค่ะ”
“นี่ค่ะ” พราวนภายื่นธนบัตรสีแดงสี่ใบให้ พอรับเงินทอนเธอก็รีบเอาถุงที่ตรวจครรภ์ยัดใส่กระเป๋า แล้วเดินกลับบ้าน
มือเรียวเล็กสั่นเทา มองที่ตรวจครรภ์สองชิ้นที่มันขึ้นสองขีดเหมือนกันอย่างตกใจ จนร่างบอบบางทรุดไปนั่งที่พื้นห้องน้ำ
พราวนภาเรียนแค่มอหกเพิ่งจะ18ปีเมื่อสองเดือนที่แล้ว เธอจะทำอย่างไรดีกับสิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เธอยังเรียนไม่จบ ส่วนพ่อของลูกก็เพิ่งเลิกราไป เธอคิดไม่ตกเลยว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ประตูถูกเคาะถี่ ๆ หลายครั้ง พราวนภารีบเก็บที่ตรวจใส่กระเป๋าแล้วรีบเปิดประตูออกมา
“มึงเป็นห่าอะไรอีพราว เข้าห้องน้ำตั้งนานสองนาน” เกรียงไกรเอ่ยเสียงห้วน มองลูกเลี้ยงตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วขบกรามเบา ๆ ลูกเลี้ยงของเขานับวันยิ่งสวย ถ้ามีโอกาสเขาจะเอามาเชยชมให้สมใจแน่นอน
“ขะ…ขอโทษค่ะ พราวท้องเสียนิดหน่อยเลยเข้านาน” พราวนภาเอ่ยแล้วรีบเดินออกจากห้องน้ำ โดยไม่ได้สังเกตเห็นสายตาหื่นกามของเกรียงไกรเลยแท้แต่น้อย
วันต่อมา
วันนี้เป็นวันเสาร์ พราวนภานอนอยู่บนที่นอนพลางคิดไม่ต่าง ๆ นา ๆ ในหัวมีแต่เรื่องลูกกับเรื่องของไคเลอร์ เธอควรจะบอกเขาเรื่องลูกแล้วมาหาทางออกเรื่องนี้ด้วยกันดีไหม หรือเธอจะหาทางออกของเรื่องนี้เอง
“พราว” น้ำผึ้งเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยเรียก จนร่างบอบบางของพราวนภาสะดุ้งโหยงตกใจ ปกติน้ำผึ้งก็ทะเล่อทะล่ามาแบบนี้อยู่เป็นประจำ เสาร์อาทิตย์จะชอบมาเล่นด้วย แล้วทำโน่นทำนี่กินกัน
“น้ำผึ้ง”
“ปกติก็มาแบบนี้ ทำไมครั้งนี้ดูตกใจมากกว่าทุกครั้ง”
“ปะ…เปล่า พราวแค่คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ เลยตกใจ”
“อ๋อ แล้วที่ไม่สบายเป็นไงบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
“ยังเลย” พราวนภาล้มตัวลงนอนบนที่นอน น้ำผึ้งจึงเดินไปนั่งใกล้ ๆ “หน้าซีดแบบนี้ ไปหาหมออีกไหม?”
“ไม่ไปหรอก” พราวนภาส่ายหน้า
“แล้วได้คุยกับพี่ไคเลอร์บ้างไหม?” น้ำผึ้งเองก็รู้ว่าเพื่อนกับแฟนเลิกรากัน ไคเลอร์พยายามโทรหาพราวนภาผ่านเธออยู่หลายครั้ง แต่เธอเลือกที่จะไม่ช่วยเหลือด้วยการเป็นสื่อกลาง
“ไม่หรอก พราวเลิกกับพี่ไคแล้ว พราวไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก”
“มีเรื่องอะไร เธอก็ควรบอกเขานะพราว”
“เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว พราวพูดอะไรไม่ได้หรอก พราวไม่อยากเป็นมือที่สาม สร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวใคร”
“อีพราว!”
“อีพราว!”
“อีพราว!” เสียงของมารดาดังขึ้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังตึก ๆ เข้ามาใกล้จนกระทั่งร่างระหงของทองประกายโผล่เข้ามาในห้อง “อีพราว นี่ที่ตรวจครรภ์มึงใช่ไหม!?” น้ำเสียงนั่งห้วนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พราวนภามองมารดาอย่างอึ้ง ๆ เธอแอบเอาไปทิ้งในขยะแล้ว ทำไมท่านยังเจอมันอยู่
“มะ…ไม่ใช่ค่ะ” พราวนภารีบปฏิเสธ แต่ก็ถูกสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ จนเธอต้องหลบสายตาของท่าน
“มึงอย่ามาโกหกกู กูสงสัยมาหลายวันแล้วอีลูกเวร! อาการโอกอากที่มึงเป็น มันเหมือนอาการที่กูเคยเป็นเมื่อ18ปีที่แล้ว มึงบอกกูมาอีพราว มึงท้องกับไอ้ผู้ชายที่มาติดพันมึงใช่ไหม?!”
“ไม่ใช่! พราวไม่ได้ท้อง แม่ได้ยินไหมว่าพราวไม่ได้ท้อง”
“อีลูกเชี่ย!” ทองประกายพุ่งเข้าตบลูกสาว แต่ก็ถูกน้ำผึ้งขวางเอาไว้
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะน้าทอง ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากัน”
“มึงจะให้น้าใจเย็นได้ยังไงอีผึ้ง มึงดูสิ อีลูกสาวตัวดีของกูท้องตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น หน็อย อีลูกไม่รักดี!”
“อย่าทำพราวเลยนะน้า”
“หลบไปอีผึ้ง! กูจะไปจัดการมัน กูจะพามันไปลากตัวพ่อของเด็กในท้องมันมารับผิดชอบ”
