Chapter.6 คุณลุง
เด็กน้อยมีอาการหวาดระแวงลอบมองคนขับอยู่ตลอดเวลา ในใจเฝ้านึกว่าลุงคนนี้คือใคร ทำไมถึงมีสิทธิ์ขับรถลุงภาคย์ของเธอ
“เหนื่อยมั้ย “อัครพลก็เช่นเดียวกัน เขารู้สึกประหม่าเมื่อได้อยู่ใกล้ลูก แวบแรกที่ได้เห็นหน้าลูก ทำให้เขานึกถึงใบหน้าของน้องสาวในวัยเด็ก เหมือนกันเป๊ะไม่มีผิด หากพ่อกับแม่ได้เห็นจะต้องร้องว้าวแน่นอน
“ถามใครคะ แม่ขา คุณลุงพูดกับใคร “รินรดาอยากขำดัง แต่พอเหลือบมองเจ้าของคำถามเธอก็ต้องเก็บอาการ สีหน้าของอัครพลเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน อยากเจอลูกจนแทบคลั่งไม่ทันได้ศึกษาว่าเด็กวัยนี้ต้องเริ่มบทสนทนาแบบไหน อย่างไร? เป็นพ่อที่เริ่มต้นด้วยความห่วยมาก!
“ไม่รู้สิ วันนี้สนุกมั้ยคะ “รินรดาก้มถามไถ่ความรู้สึกลูกสาวกับการไปเรียนครั้งแรกและอีกหลายเรื่องที่ผู้เป็นแม่ซักถาม อัครพลนั่งนิ่งเป็นคนขับที่ดี ที่จริงเขาพยายามเก็บเกี่ยวและเรียนรู้อยู่ต่างหาก
“พรุ่งนี้ลูกอินขอซื้อขนมไปฝากเพื่อนๆ ได้มั้ยคะ “เด็กน้อยในอ้อมกอดเอียงคอถาม อัครพลเริ่มกระตือรือร้นหากเขาเสนอตัวเป็นเจ้ามือเลี้ยงขนมเด็กวันพรุ่งนี้ ลูกอาจจะหันมามองเขาบ้าง
“ได้สิ อยากซื้ออะไรเต็มที่เลยนะ”
“นี่คุณ “รินรดาไม่ค่อยพอใจนักที่เขาจะใช้วิธีนี้ตีสนิทกับลูกของเธอ
“ผมแค่อยากซื้อขนมเลี้ยงเด็กๆ ผิดตรงไหน”
“คุณลุงจะเป็นคนเลี้ยงหรือคะ ดีจัง แม่จะได้สบาย “ความไร้เดียงสาของลูกอินทำให้อัครพลยิ้มเอ็นดู ลูกสาวของเขาน่ารักมาก ถ้าครอบครัวรู้คงดีใจไม่น้อยเหมือนเขาในตอนนี้
“เย็นนี้แม่จะพาไปซื้อร้านป้าตุ่นใกล้ๆ บ้านนะคะ”
“แต่ร้านป้าตุ่นไม่มีเยลลี่หมีนี่คะ”
“ทำไมต้องเยลลี่หมีด้วยคะ อย่างอื่นก็ได้นี่”
“ก็ใยไหมเลี้ยงเยลลี่หมีนี่คะ ลูกอินชอบ มันอร่อยมาก “รินรดานึกอยากตำหนิผู้ปกครองคนนี้มาก เด็กสามขวบไม่ควรกินขนมพวกนี้ คิดได้ยังไงซื้อเยลลี่มาเลี้ยงเด็กๆ
“เยลลี่ไม่เหมาะกับเด็กนะครับรู้มั้ย กินได้แต่ต้องพอประมาณ ทางที่ดีไม่กินดีกว่า “รินรดาเห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเป็นหมอย่อมรู้ดี แต่ลูกนี่สิทำท่าจะร้องไห้แล้ว
“แต่ว่า ลูกไม่อินไม่ได้ตั้งใจกินนะคะแม่”
“โถ ลุงไม่ได้ดุ อย่าร้องนะเด็กดี”
“ฮึก แม่ขา”
“คุณลุงแค่อธิบายให้ลูกอินเข้าใจค่ะ ไม่ได้ดุนะ” เด็กน้อยพยักหน้าแต่ก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่ทำให้ดวงใจของอัครพลกระตุกวูบ เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้ลูกสาวร้องไห้ เขาแค่เป็นห่วงอยากแนะนำลูกในฐานะหมอคนหนึ่งที่รักและเป็นห่วงลูกสาวก็เท่านั้น
“ที่นี่มีห้างสรรพสินค้าหรือเปล่า”
“มีค่ะ ขับตรงไปประมาณสามไฟแดง “รินรดาเงยหน้าตอบพลางกอดปลอบลูกที่กำลังสะอื้นไปด้วย อัครพลคงรู้สึกไม่ดีที่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกอินร้องไห้
ไม่นานรถยุโรปคันหรูก็เลี้ยวเข้าที่จอดวีไอพีของห้างดังกลางเมืองภูเก็ต คนขับดับเครื่องแล้วรีบเปิดประตูก้าวลงเดินอ้อมมาทางฝั่งคนนั่ง
“ไปครับคนเก่ง “พอเปิดประตูแล้วก็ยื่นมือพยักหน้าเชิญชวนเด็กเจ้าน้ำตา
“ไปไหนคะ”
“ซื้อขนมยังไงล่ะ อยากซื้อขนมไปเลี้ยงเพื่อนๆ อยู่มั้ย “สาวน้อยตาลุกวาวรีบขยับออกจากอ้อมกอดของแม่
“ลูกอินช้าๆ ลูก”
“ผมรับเอง มาครับลุงคอยรับอยู่ “ลูกสาวอ้าแขนหาผู้เป็นพ่อโดยที่ไม่รู้เลยว่าความรู้สึกของอัครพลตอนนี้เป็นเช่นไร เขาอยากร้องไห้แล้วพร่ำบอกคำว่าขอโทษกับลูกให้ได้ยิน
“คุณลุงใจดี จะพาลูกอินไปซื้อขนมจริงๆ ใช่มั้ยคะ”
“จริงสิ”
“แม่ขา ไปด้วยกันนะคะ “รินรดาไม่กล้าปฏิเสธลูกรัก หากงอแงขึ้นมาอีกยากจะเอาอยู่
“แป๊บเดียวนะคะ”
“ค่ะ”
อัครพลยิ้มกริ่มเมื่อได้ใช้เงินซื้อของมากมายให้ลูก คนเป็นแม่หน้าบูดและคอยปรามตลอด มีหรือที่เขาจะยอมฟัง
“คุณลุงลูกอินชอบตุ๊กตาตัวนี้ค่ะ”
“ไม่เอาแล้วลูก เกรงใจคุณลุงถือของเต็มมือไปหมดแล้ว”
“ให้ลูกอินช่วยถือมั้ยคะ “ลูกสาวแสดงความมีน้ำใจจนทำให้ผู้เป็นพ่อยิ้มกริ่มภูมิใจ
“ไม่เป็นไรครับ แก้มผมต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ช่วยเลือกหน่อยสิ” ซื้อของให้ลูกสาวเพลินจนลืมนึกถึงของตัว เสื้อ กางเกงแม้แต่ชั้นในก็ต้องซื้อใหม่ รินรดาผละเรื่องลูกแล้วต้องมาช่วยเขาเลือกเสื้อผ้ารวมถึงชั้นในนับสิบชุด
ความเคยชินเมื่อครั้งก่อนทำให้รินรดารู้ความต้องการและเนื้อผ้าที่อัครพลสวมใส่เป็นประจำ แค่เขานั่งรอคุยกับลูกเธอก็จัดการให้เสร็จสรรพ ลูกอินเริ่มมีอาการสัปหงกอัครพลชะโงกหน้ามองหาคนเป็นแม่แต่ก็ยังไร้วี่แวว
“ง่วงใช่มั้ย “เด็กน้อยพยักหน้าแล้วสัปหงกต่อ สายตาของเขาเหลือบไปเห็นรถเข็นว่างอยู่ไม่ไกล
ของทั้งหมดในมือถูกวางใส่รถ คราวนี้เขาก็อุ้มลูกอินขึ้นบ่าได้อย่างสบาย แก้มยุ้ยๆ ของลูกแนบซบกับไหล่กว้าง ช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนมีความสุขเสียจริง อ้อมกอดจากลูกแสนอบอุ่นและเป็นพลังวิเศษทำให้เขาหายเหนื่อยจากทุกเรื่อง พลังวิเศษน้อยๆ นี้ทำให้เขาอยากได้ครอบครัวกลับคืนมาสู้อ้อมอกโดยเร็วอีกครั้ง
อัครพลมั่นใจและแน่ใจเกินล้านว่าลูกอินคือลูกของเขา เขาต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ได้ลูกและเมียกลับคืนมา
“พ่อขอโทษนะลูก พ่อไม่รู้จริงๆ ว่าแม่มีหนู คนดีพ่อกลับมาแล้วนะ “ช่วงเวลากอบโกย เขาอยากอธิบายให้ลูกได้ยิน แต่ไม่ใช่ตอนที่ลูกตื่น ลูกอินในวัยสามขวบคงยังไม่รู้เรื่องของผู้ใหญ่มากนัก อาศัยจังหวะระหว่างลูกหลับพูดพร่ำไปพลางๆ แค่นี้ความสุขในใจก็เพิ่มเกินร้อย
“หลับหรือคะ ให้ฉันอุ้มดีกว่า”
“ปล่อยแกหลับต่อเถอะ ผละไปมาเกรงว่าจะตื่น ซื้อของเสร็จแล้วใช่มั้ย ทำไมไม่ใช้บัตรผม “อัครพลแปลกใจเมื่อเห็นถุงเสื้อผ้าหลายใบในมือ ทำไมเธอถึงไม่เดินมาขอบัตรเครดิต
“ไม่ต้องห่วง คุณได้ใช้หนี้ฉันแน่”
“แก้ม เอาบัตรผมไปใช้เลยมั้ย ผมยกให้หมดกระเป๋าเลย “เมื่อก่อนรินรดาก็เคยได้รับสิทธิ์ใช้บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินจากเขา โดนบ่นอยู่ประจำว่าใช้ไม่คุ้มเสีย
“ไม่ค่ะ”
“หมดไปเท่าไหร่”
“เสื้อผ้าคุณเกินหลักพันทุกครั้งที่ซื้ออยู่แล้ว เฉพาะชุดทำงานก็ปาไปครึ่งหมื่น ชั้นในชุดนอนนี่อีก “อัครพลดีใจที่เธอยังจำได้ นับเป็นสัญญาณที่ดี แม้จะเป็นน้ำเสียงออกแนวประชดแต่ก็ทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้
“ผมยังเหมือนเดิมแม้กระทั่งชั้นในที่ใส่ ในใจก็ยังมีแก้มเสมอ”
“พอเถอะค่ะ คุณไม่ควรพูดแบบนี้ ถ้าภรรยาคุณมาได้ยินเข้า เธอจะรู้สึกยังไง”
“ผมมีภรรยาแค่คนเดียว ทำไมผมจะไม่รู้ “นั่นสิ รินรดารู้ดีว่าภรรยาของเขาเป็นถึงแพทย์หญิงทายาทโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ต่างจากเธอราวฟ้ากับเหว เธอก็แค่ผู้หญิงขายตัวที่เขาเคยใช้บริการ คำหวานที่เขาเคยป้อนให้เธอยอมใจอ่อนมอบใจให้ไปทั้งหมดคือคำลวงทั้งนั้น
“ฉันอยากพาลูกกลับบ้านแล้ว “ลูกอินต้องพักผ่อน อีกอย่างเดินตากแอร์นานๆ เกรงว่าลูกจะไม่สบายติดเชื้อโรคได้ง่าย
ลูกอินยังไม่มีท่าทีจะตื่น อัครพลขับรถเข้ามาในซอยด้านข้างของบริษัท บ้านไม้สองชั้นดูร่มรื่นน่าอยู่ รอบๆ มีแปลงผักเล็กๆ และสวนดอกไม้หลากชนิดชูช่อเบ่งบานอวดความสวยงามแข่งกัน อัครพลรีบวิ่งอ้อมไปเปิดประตูแล้วรับลูกสาวมาอุ้มแทน
รินรดารีบไขกุญแจเปิดประตูบ้านแล้วเคลียร์โซฟาตัวยาวเตรียมไว้สำหรับลูก แม้จะไม่ค่อยเต็มใจแต่เธอก็ต้องพึ่งเขา ถุงกระดาษน้อยใหญ่ถูกลำเลียงลงมาจากรถจนครบ
“บ้านนี้ไม่มีน้ำเย็นให้ดื่มหรอกนะคะ”
“ไม่เป็นไร อ่อ ในถุงสีชมพูมีบลูเบอรี่ชีสพาย ลูกอินร้องอยากกินผมก็เลยซื้อมาให้ ถ้ากินไม่หมดใส่ตู้เย็นไว้นะ”
“ค่ะ “ของทุกอย่างเขาตั้งใจซื้อให้ลูกอิน ไม่ว่าจะเป็นของเล่น ขนมที่จะนำไปแจกเพื่อนๆ พรุ่งนี้ เสื้อผ้าอีกบ้างบางส่วน เธอปรามเท่าที่จะทำได้ ไม่ได้รังเกียจแค่เกรงใจในเมื่อเขาก็มีครอบครัว มีภรรยาส่วนเรื่องลูกนั้นเธอไม่รู้ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว
“ผมไปนะ พรุ่งนี้เจอกัน “แค่รู้ที่อยู่ ได้เห็นหน้า อัครพลก็มีแรงเดินไปข้างหน้า รู้สึกหวงทั้งแม่และลูก ที่อยู่อาศัยก็ไม่ได้ขี้เหร่ ภายนอกดูร่มรื่นมีพื้นที่กว้างพอให้ลูกอินได้วิ่งเล่น ภายในสะอาดสะอ้านเพราะรินรดารักความสะอาดและความเป็นระเบียบที่สุด แต่เอ.. เขาไม่ยักเห็นเครื่องปรับอากาศเลยสักตัว กลางคืนไม่ร้อนแย่เหรอ
