บทที่ 1
“ปวดหัวจังเลยโว้ย!” เสียงของคนที่อยู่ในอาการ ‘เมาค้าง’ ที่ดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ริมหน้าต่างขยับยิ้มให้กับคนที่ริอาจแอบดื่มเหล้า ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองคออ่อนแค่ไหน
“นาย! ทะ...ทำไมกล้วยมานอนอยู่ในห้องนายอีกแล้ว!” กวินตราตวาดขึ้น เมื่อเห็นว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องนอนของตัวเอง (อีกแล้ว) มันพานทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของห้องตัวจริงอย่างกล่าวหา เดือดร้อนคนถูกจ้อง ต้องรีบแก้ต่างให้ตัวเองเป็นการด่วน
“จะตกใจอะไรนักหนา ทำอย่างกับไม่เคยตื่นมาบนเตียงฉัน” ไอ้เคยมันก็เคยอยู่หรอก แถมยังเคยบ่อยด้วย แต่นั่นมันตอนที่เธออายุแค่แปดขวบ ไม่ใช่โตเป็นสาวจนนมตั้งเต้าแล้วแบบนี้นี่ นี่เขาไม่รู้สึกเลยรึไงว่าเธอโตเป็นสาวแล้ว อีกอย่างผู้หญิงกับผู้ชายนอนด้วยกันทั้งคืนขืนมีใครรู้เข้า มีหวังได้ตั้งวงสุมหัวนินทาหาว่าเธอคิดจะจับเขาแน่
“ถึงยังไงมันก็ไม่เหมาะอยู่ดี นายควรพากล้วยไปส่งที่ห้อง” ห้องเธอถึงก่อนห้องเขาอีกทำไมต้องลากเธอขึ้นมานอนบนนี้ด้วย
“น้อยๆ หน่อย หน้าอย่างแกแก้ผ้านอนอ้าขารออยู่บนเตียงฉันยังไม่มีอารมณ์เลยจะบอกให้!”นั่นปากเหรอ คนอะไรปากร้าย
“ปากมะ…”
“อย่าแม้แต่จะคิดด่าฉัน! เรื่องเมื่อคืนฉันยังไม่ได้จัดการ เป็นบ้าอะไร จู่ ๆ ถึงได้ไปตั้งวงเหล้ากับพวกคนงานแบบนั้น” ซ้ำยังเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวในกลุ่มด้วยอีก ถึงแม้ว่าเขาจะค่อนข้างมั่นใจว่าคนงานในไร่คงไม่มีใครกล้า ‘แตะต้อง’ คนในปกครองของเขาก็เถอะ แต่อย่างไรหล่อนก็ไม่ควรไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะพวกผู้ชาย!
เกิดพวกมันเมาจนไม่ได้สติ แล้วเห็นยัยนี่สวยขึ้นมาจะว่าไง!
“กล้วยแค่นอนไม่หลับ ก็เลยไปแจมกับพวกพี่เขาเฉยๆ ว่าแต่นายเถอะ ทำไมเมื่อคืนถึงอยู่ติดบ้านได้! ผีเข้ารึไง!” ปกติแล้วทุกวันศุกร์จะรู้กันดีในหมู่คนงานว่าเจ้านายผู้สูงศักดิ์จะออกไปสำเริงสำราญกับสาวๆ ที่เล้าเจ๊ศรีในเมือง ไม่ผิดที่เธอจะตกใจเพราะๆ นานจะได้เห็นเขาอยู่บ้านในคืนวันศุกร์ แถมยังเป็นคืนที่เธอหนีเที่ยว
“เรื่องของฉันเถอะ ตื่นแล้วก็ลุกไปอาบน้ำ จะได้ออกไปทำงาน!” จ๊ะพ่อ สั่งได้ก็สั่งใหญ่ ทำเหมือนว่าตัวเองขยันตายล่ะ!
กวินตราทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยของเจ้าของไร่ ผู้ซึ่งไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ เขาก็มักจะชอบโยนให้เธอทำแทนเสมอ จึงไม่แปลกที่เธอจะเป็นคนรับหน้าที่แจกเงินเดือนให้คนงานแทนเขา ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหนเพราะวันนี้ทั้งวันเธอยังไม่เห็นเขาเลย
“จะว่าไปกล้วยนี่ก็หน้าตาน่ารักอยู่นะ สนใจประกวดธิดาป่าโศกรึเปล่าล่ะ เดี๋ยวเจ๊เป็นแม่ดันให้” คำถามที่มาพร้อมคำชมทำตกใจ เพราะไม่บ่อยที่จะมีใครสักคนมองเห็นความสวยในตัวเธอ
โดยเฉพาะเจ๊แตน ผู้ซึ่งเป็นแม่ดันให้นางงามประจำตำบลมาหลายเวทีและการที่อีกฝ่ายทักแบบนี้ มันทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
“หนูเนี่ยนะเจ๊ ไม่ไหวหรอก”
“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกนะ หน้าเราน่ะสวยเก๋จะตายไป จับแต่งหน้าแต่งตาเข้าหน่อย ขี้คร้านผู้ชายทั้งตำบลจะวิ่งตามเป็นฝูงหมา ถ้าเปลี่ยนใจอยากลองประกวดดู ก็โทรหาเจ๊ได้ตลอดเวลา เดี๋ยวเจ๊จัดให้! รับรองชนะใสๆ” เธอเพียงแต่ยิ้มรับก่อนจะก้มมองนามบัตรที่อีกฝ่ายยื่นมาให้อย่างชั่งใจ สุดท้ายก็พับเก็บทุกๆ ความคิดไว้ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายต่อไป
กว่ากวินตราจะได้เจอผู้เป็นเจ้านายอีกครั้งก็ได้เวลาเลิกงานพอดี โชคดีที่เขายังสำนึกได้ว่าทิ้งให้เธอทำงานอยู่คนเดียวมาทั้งวัน ถึงได้แวะรับเธอกลับบ้านด้วย ซ้ำยังสั่งให้เธอหุงหาอาหารให้ทันทีที่กลับมาถึง ส่วนพ่อก็หนีขึ้นไปอาบน้ำก่อนจะกลับลงมาก็ตอนที่ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้แล้วเสร็จ
“นะ…นาย” เพราะคำชักชวนของเจ๊แตนที่ยังคงดังก้องอยู่ในหู มันทำให้เธอตัดสินใจเอ่ยถามคนที่กำลังตักข้าวเข้าปากขึ้นมา
“อะไร”
“นายว่าหน้าอย่างกล้วยเนี่ย พอจะลงประกวดธิดาป่าโศกประจำปีกับเขาได้ไหม”ถามไปแล้ว ก็รู้สึกคันยุบยิบในใจแปลกๆ
“วันนี้ไปวิ่งหกล้มหัวกระแทกที่ไหนมารึเปล่า! ไม่มีใครเขารับลิงเข้าประกวดหรอกนะจะบอกให้ อย่างแกมันต้องวิ่งควาย รับรองว่าวิ่งเตลิดเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกแน่! ถ้าสนใจไว้เดี๋ยวฉันจะพาไปสมัคร” คนปากมอมว่าก่อนจะหัวเราะชอบใจ โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของตัวเองนั้น มันกำลังส่งผลตรงต่อหัวใจอีกคนอย่างรุนแรง
สุดท้ายกวินตราก็คิดได้ว่าเธอควรทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนความคิดของเจ้านายปากมอม หลังจากจ้องนามบัตรในมืออย่างชั่งใจ สุดท้ายจึงตัดสินใจทำบางสิ่งที่ใครก็คงไม่มีทางคาดถึง
“เจ๊แตนเหรอคะ เจ๊ยังสนใจอยากให้กล้วยประกวดธิดาป่าโศกอยู่ไหมคะ ใช่ค่ะ! กล้วยตัดสินใจแล้ว กล้วยจะลงประกวด!” หลังจากแยกตัวออกมาจากคนปากร้ายได้ เธอก็ตัดสินใจโทรไปยังเบอร์ที่ได้รับมา ก่อนจะบอกถึงความต้องการของตัวเองออกไปทันที
ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากปลายสาย ไม่บอกก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายดูมั่นอกมั่นใจเหลือเกิน ว่าเธอจะต้องชนะการประกวด แต่สำหรับเธอแล้ว แค่ทำให้คนปากมอมเปลี่ยนคำพูดได้ก็ถือว่าชนะแล้ว เธอจะทำให้อีตาบ้านั่นเปลี่ยนคำพูดให้ได้ คอยดูสิ!
