บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 ต้นเหตุมาจากเขา

ระหว่างการทำงานพนักงานฝ่ายผลิตยืนจัดเรียงสินค้ากันอย่างแข็งขัน เพชรน้ำหนึ่งปวดขาร้าวถึงหลังเมื่อยคอบ่าไหล่ต้องฝืนทนให้ช่วงเวลายากลำบากผ่านพ้นเมื่อร่างกายคุ้นเคยอาการปวดคงจะทุเลาลง

หลังเลิกงาน

เพชรน้ำหนึ่งสวมชุดยูนิฟอร์มหน้าซีดเดินลากเท้าเนือย ๆ มายังตึกใหญ่ซึ่งพนักงานต่างมองด้วยความสงสัยเพราะพนักงานในโรงงานจะไม่เข้ามาในตึกนี้ เพชรน้ำหนึ่งเดินผ่านทุกสายตาไปอย่างเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเหวี่ยงวีนแล้วขึ้นไปยังชั้นผู้บริหาร

ภายในห้องทำงานของพสุธา

พสุธากลับมายังห้องทำงานหลังจากประชุมยาวนานหลายชั่วโมง เพียงเปิดประตูห้องแอร์เย็นเฉียบก็ปะทะกายหนาพร้อมกับเสียงกรนเบา ๆ เขาชะงักก่อนจะหันไปหายุพิน

“วันนี้กลับบ้านได้เลยครับ ส่วนกำหนดงานวันพรุ่งนี้ส่งข้อความมาถ้ามีอะไรเพิ่มเติมผมจะทักไปหาเอง”

“ได้ค่ะ คุณพสุธา” ยุพินรับคำเจ้านายก่อนจะหันหลังเดินไป พสุธาเข้ามาภายในห้องทำงานปิดประตูลงเบา ๆ ไม่รบกวนคนกำลังนอนหลับบนโซฟารับแขก กายหนาค่อย ๆ ย่องไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานหยิบเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเบามือแล้วเหลือบมองเธอเป็นระยะก่อนจะหยุดชะงักเมื่อหางตาเห็นเธอเขยิบตัวส่งเสียงรำคาญปรือตามองมาทางเขา

“มาแล้วเหรอนายตัวดี แกล้งให้ฉันทำงานหนักปวดเมื่อยทั้งตัว” น้ำเสียงแหบแห้งงัวเงียบ่นพึมพำทันทีที่เห็นหน้าคู่กรณี

“เลิกงานแล้วอุตส่าห์เดินมาบ่นผมที่ตึกนี้แสดงว่ายังไหวอยู่” คิ้วเข้มยักขึ้นอย่างยียวน

“ไหวอะไร เหนื่อยจะแย่ขับรถกลับไม่ไหวเลยมานอนงีบก่อนสักครึ่งชั่วโมง”

“ผมกำลังจะกลับบ้านไม่มีเวลานั่งเฝ้าคุณหรอกนะ”

“กลับไปเถอะฉันไม่รบกวนเวลานายหรอก ขอนอนต่ออีกนิดเดียวก็กลับ” สิ้นเสียงเถียงของคนตัวเล็กเปลือกตาสวยก็ปิดลงนอนหลับอย่างอ่อนเพลีย พสุธานั่งมองนิ่งเวลาเธอหลับปากไม่เก่งก็น่าทะนุถนอมไปอีกแบบแต่ถ้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่แทบอยากเอาผ้ามัดปากไม่ให้พูดทันที

เวลาผ่านไปจนมืดค่ำ

เพชรน้ำหนึ่งยังคงนอนหลับลึกอยู่ท่าเดิม พสุธาหันมองทางหน้าต่างท้องฟ้ามืดสนิทก่อนจะลุกเดินไปปลุกเพชรน้ำหนึ่งให้กลับบ้าน

เพียงแค่กายหนาโน้มลงจะสะกิดแขนเรียวสายตาคมเผลอมองดวงหน้าสวยแล้วนิ่งงันไปเกือบหนึ่งนาที กายหนาหย่อนลงนั่งบนโซฟากวาดสายตาสำรวจหญิงสาวสวยราวกับภาพวาดไม่ว่าจะผิวพรรณรูปร่างเพอร์เฟคเป็นที่ใฝ่ฝันของเหล่าสาว ๆ ที่อยากมีอย่างเธอ นิ้วแกร่งเกลี่ยไล้บนหน้าผากมนของคนหลับใหลเคลื่อนขึ้นบนไรผมสีดำสนิทมีรอยบุ๋มและนูนขึ้นเล็กน้อยคิ้วเข้มขมวดครุ่นคิดก่อนจะออกแรงกดปลายนิ้วบริเวณนั้นอย่างแรง

“โอ๊ย!” หญิงสาวร้องเสียงหลงเจ็บจนสะดุ้งตื่น กายหนาผงะรีบลุกพรวดหน้าเสียหูตาแดงคลอด้วยน้ำใส

“เจ็บนะ!” เธอตะคอกเสียงแข็งพลางแตะนิ้วลงบริเวณที่เขากดเป็นจุดเซ้นซิทีฟที่ไม่ว่าใครก็โดนไม่ได้เพราะจะเจ็บแปลบที่ร่องรอยแผลเก่า

“ขอโทษ” เสียงทุ้มสั่นเครือกำมือรีบเดินหนีออกไปจากห้องทำงาน เพชรน้ำหนึ่งนิ่วหน้ามองตามสงสัยว่าเขานึกยังไงถึงมานั่งใกล้เธอและทำท่าไหนนิ้วถึงโดนแผลเป็นที่มีไรผมปกปิดอยู่น้อยคนที่จะรู้ว่าเธอมีรอยแผลเป็นอยู่ตรงนี้.....

ด้านพสุธาหอบหายใจแรงเดินลิ่วไปยังบันไดหนีไฟสองมือสั่นเทาลูบหน้าตัวเองแรง ๆ รู้สึกกระอักกระอ่วนหายใจไม่ทั่วท้อง พยายามหายใจเข้าออกลึก ๆ ตั้งสติ

ภาพเก่าในวันวานย้อนเข้ามาในความทรงจำ

เด็กหญิงสองคนสวมชุดกระโปรงลูกไม้หน้าตาเหมือนกันอีกคนรวบผมมัดตึงส่วนอีกคนปล่อยผมยาวสยายกำลังวิ่งเล่นอยู่ด้วยกันภายในสวน

“พี่ดินมาเล่นด้วยกันสิคะ” เด็กหญิงมัดผมตะโกนเรียกเสียงสดใส เด็กชายเดินยิ้มซ่อนมือไว้ข้างหลัง

“พี่ทำมงกุฎมาฝาก” เด็กชายยื่นมงกุฎดอกหญ้าให้กับเด็กหญิงมัดผมแววตาสดใส

“ขอบคุณค่ะ น่ารักมากเลย” มือน้อย ๆ รับมงกุฎมาวางบนศีรษะตัวเองยิ้มหวานชอบของที่ได้รับ

“ทำไมมีอันเดียวล่ะ” เด็กหญิงผมยาวสยายหน้างอหงุดหงิดที่ไม่ได้ของฝาก

“เดี๋ยวพี่ไปทำให้อีกอัน”

“รีบไปทำมาสิ เอาให้สวยกว่าอันนี้ด้วย” เด็กหญิงผมยาวสยายเสียงเหวี่ยงพลางเหล่มองมงกุฎดอกหญ้าบนหัวฝาแฝด

“ครับ” เด็กชายก้มหน้ารับเอื่อย ๆ ก่อนจะหันหลังวิ่งไปเก็บดอกหญ้ามาทำมงกุฎให้กับแฝดอีกคนตามคำสั่ง

“ว้าย ! คุณหนู” ไม่นานนักเสียงกรีดร้องของสาวรับใช้ก็ดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก เด็กชายรีบวิ่งมาดูได้ยินเสียงร้องไห้และเห็นฝาแฝดทั้งสองคนเลือดไหลจากหน้าผากลงมาข้างแก้ม

“ฮือ ๆ ๆ” ฝาแฝดน้ำตาไหลผสานเสียงกันระงม พี่เลี้ยงสองคนรีบพากันอุ้มวิ่งไปยังบ้านหลังใหญ่ ร้องเรียกให้คนขับรถพาคุณหนูไปส่งที่โรงพยาบาล เด็กชายมองตามหน้าเสียไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่รู้สึกกังวลว่าต้นเหตุมาจากเขา

ปัจจุบัน

พสุธาหน้าซีดหมองเศร้าน้ำตารื้นทรุดตัวนั่งเอนพิงขอบบันไดหนีไฟอย่างไร้เรี่ยวแรง....

รุ่งเช้าวันต่อมา

เพชรน้ำหนึ่งสวมชุดยูนิฟอร์มปล่อยผมสีหน้าอิดโรยเดินอ่อนแรงมาสแกนนิ้วเข้างานที่โรงงาน

“รีบเดินหน่อยสีดา พวกเราต้องเข้าไลน์ผลิตก่อนเริ่มงานสิบนาทีแล้วอย่าลืมใส่หมวกคลุมผมด้วยถ้าไม่อยากถูกผู้จัดการตักเตือน” แป้งรีบเดินจ้ำตามหลังหายใจกระหืดกระหอบ

“คุณแม่สร้างกฎอะไรเยอะแยะ”

“พูดกับแป้งเหรอ?”

“เปล่า เราบ่นไปเรื่อยเปื่อย” เพชรน้ำหนึ่งยิ้มแห้งรีบเดินเร็วให้ทันเพื่อน สักพักบัววิ่งตามมาข้างหลังเพื่อไปเก็บของในล็อกเกอร์เช่นกัน

“วันนี้มากินข้าวด้วยกันนะแป้ง สีดา พี่ตำน้ำพริกปลาร้ามานัวมาก”

“แป้งต้มไข่มากินด้วยแซ่บบักคัก”

“โอ๊ย น้ำลายสอเน้อ” บัวกรีดนิ้วเช็ดขอบปากน้ำลายสอกับแป้ง เพชรน้ำหนึ่งเก็บของเข้าล็อกเกอร์พลางกดส่งข้อความในโทรศัพท์ก่อนเก็บเข้ากระเป๋าแล้วหันมายิ้มหน้าเจื่อนกับเพื่อนร่วมงานไม่รู้ว่าน้ำพริกปลาร้ารสชาติเป็นยังไงแล้วจะกินได้ไหมแต่อยากกินด้วยเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ

ภายในลิฟต์

พสุธากำลังพูดคุยกับรินรดาเรื่องต่างนานา สักพักเสียงข้อความก็ดังขึ้น

ข้อความจากเพชรน้ำหนึ่ง “กลางวันนี้ฉันกินข้าวกับเพื่อนนะ”

หน้าคมตึงขึ้นก้มหน้าอ่านข้อความที่เธอส่งมาให้สั้น ๆ แต่วนอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก

“งานเข้าแต่เช้าเหรอ หน้าเครียดเชียว” รินรดาเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน พสุธาทำเพียงส่งยิ้มอ่อนไม่ตอบแล้วยืนนิ่งเงียบขรึมสีหน้าบึ้งตึงไปในทันที รินรดาหน้าเหวอเหลือบมองสงสัยเมื่อครู่เขายังพูดคุยสนุกสนานแค่เพียงมีเสียงข้อความเข้ามาเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ท่าทางของเขาเปลี่ยนไป...........

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel