บทย่อ
คนที่เป็นแค่เงา ย่อมเจ็บปวดเสมอ *************************** “ลงไปน้ำหนึ่ง!” “นายเคยถามว่าจะทนให้รักคนอื่นมากกว่าแล้วมองฉันเป็นตัวสำรองตอนรู้สึกขาดได้ไหม” แววตาสวยสั่นไหวค่อย ๆ เคลื่อนฝ่ามือเล็กประคองกรอบหน้าคมคาย “..............” “ฉันทนได้ ฉันยอมไร้ค่าในสายตาใครก็ได้ยกเว้นนาย ถึงจะเป็นแค่ตัวสำรองแต่ถ้ามันทำให้นายเห็นฉันบ้าง ฉันก็อยากเป็น” หน้าสวยแดงก่ำน้ำตารื้นเกินอดทนกับความเหินห่างยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขามองเห็นเธออยู่ในสายตา “คุณมีค่ามากกว่านั้น อย่าลดตัวลงมาทำเรื่องไร้ค่า” เขาขบกรามข่มความรู้สึกฝืนกลั้นไม่ให้ตัวเองทำเกินเลยหากพลาดพลั้งไปแล้วจะไม่มีทางหวนคืน “สำหรับฉันช่วงเวลานี้มีค่าที่สุด” ดวงตาสวยจ้องมองริมฝีปากหนาพลางเกลี่ยปลายนิ้วลูบไล้แผ่วเบาแล้วค่อย ๆ มองใบหน้าหล่อไล่จากปลายจมูกไปยังดวงตาเข้มที่กำลังจ้องมองการกระทำวาบหวามของเธอกวาด “คุณจะเสียใจกับสิ่งที่ทำคืนนี้” “ชีวิตฉันสูญเสียมาเยอะจนใจเจ็บ ถ้าเสียตัวให้นายแล้วต้องเจ็บอีกมันจะสักเท่าไหร่กันเชียว” ************************************************************* พสุธารู้สึกตัวลืมตาช้า ๆ มองหญิงสาวตรงหน้ากำลังยิ้มหวานมีความสุขให้กับเขา “เสียใจไหม?” คำแรกที่เอ่ยถามคือสิ่งที่เขาไม่มั่นใจว่าเธอรู้สึกยังไงที่ถูกคนต่ำต้อยกว่าครอบครอง “ไม่เลย แต่ฉันอยากรู้ว่าเมื่อคืนนายคิดว่ามีอะไรกับฉันหรือพี่เพชร” “เพชร” เขาตอบกลับทันควันแทบไม่ยั้งคิด เพชรน้ำหนึ่งอึ้งไปสักพักก่อนจะฉีกยิ้มน้ำตาคลอ
ตอนที่ 1 บทนำ+แต่งงานกับเด็กกำพร้า
บทนำ
โรงอาหารของโรงงาน
ควันดำโขมงลอยขึ้นสูงเปลวไฟแดงเผาส่วนหลังที่เป็นบริเวณครัวปรุงอาหาร พนักงานต่างวิ่งหนีตายออกมาจากโรงอาหารกันชุลมุน พสุธาร้อนใจสีหน้าหวาดกลัวพยายามมองหาเพชรน้ำหนึ่งแล้วเดินดุ่มเข้าไปใกล้เหล่าพนักงานที่จับกลุ่มคุยปลอบใจกัน ทว่าเขาก็ยังไม่เจอเธอ
“เพชร! เพชร!” เขาส่งเสียงเรียกลั่นแข่งกับเสียงผู้คนกำลังอื้ออึงกวาดสายตาด้วยใจกระวนกระวายก่อนจะวิ่งพุ่งตรงไปยังโรงอาหาร
“อันตราย อย่าเข้าไป!” พนักงานชายกระชากตัวเขาไว้ไม่ให้เข้าไปในโรงอาหารที่กำลังร้อนระอุมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยกำลังช่วยกันดับไฟ
“ออกมาหมดหรือยัง! คนข้างในออกมาหมดหรือยัง!”
“ไม่รู้ว่าข้างในมีกี่คน!” พนักงานตะโกนตอบพลางออกแรงรัดตัวพสุธาที่กำลังออกแรงดิ้นรั้นจะเข้าไปให้ได้
“เพชร!” เสียงตะโกนสั่นเครือหวาดหวั่นแววตาสิ้นหวังมองเข้าไปในกลุ่มควันที่มองไม่เห็นใคร
“นายดิน!” น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นราวแสงสว่างสาดส่อง หน้าคมหันมองเชื่องช้าเห็นเพชรน้ำหนึ่งยืนนิ่งมองเขา กายหนาผละออกจากคนงานเดินหน้าเศร้าโซเซไปหาเธอ แขนขาแกร่งอ่อนเรี่ยวแรงเต็มทีก่อนจะรวบร่างบางที่ห่วงหวงมาโอบกอดแน่นซุกหน้าเครียดซบไหล่ของเธอ เพชรน้ำหนึ่งนิ่งอึ้งตกใจกับการโอบกอดที่เธอไม่เคยได้รับ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เสียงทุ้มอ่อนเรี่ยวแรงน้ำตาร่วง
“ไม่เป็นไร” แววตาสวยวูบไหวรู้สึกดีกับอ้อมกอดอุ่นแม้จะแน่นแทบหายใจไม่ออกก็ยินดี หน้าสวยเปื้อนรอยยิ้มจาง ๆ ค่อย ๆ ยกแขนขึ้นโอบกอดกายหนาลูบหลังเขาปลอบใจ
“พี่เป็นห่วงเพชรแทบบ้า” พสุธาตัวสั่นเทาสะอื้นอยู่ข้างหู เพชรน้ำหนึ่งชะงักหน้าถอดสีสายตาแข็งขึ้นเมื่อได้ยินชื่อคนที่เขาเป็นห่วง
“ฉันไม่ใช่หยาดเพชร” เพชรน้ำหนึ่งกดเสียงขุ่นเคือง พสุธานิ่งงันรู่ว่าเรียกผิดเขากลืนน้ำลายเหนียวลงคอค่อย ๆ คลายอ้อมกอดผละมองดวงตาสวยที่กำลังแข็งกร้าวคลอไปด้วยน้ำตา
“คนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือน้ำหนึ่ง เลิกพร่ำเพ้อถึงคนที่ตายไปแล้วสักที!” หน้าสวยแดงก่ำถลึงตาเกรี้ยวกราด
“คนที่คุณพูดถึงคือคนที่ผมไม่มีทางเลิกรัก” พสุธาเสียงเศร้าก้มหน้าลงยอมรับว่าเขาไม่มีทางลืมรักแรกรักเดียวที่ฝังใจ
“นายมันบ้า!” เธอแว้ดเสียงแหลมต่อว่าแรง ๆ กลบความเสียใจที่กำลังถาโถม เขาเงียบนิ่งไม่แสดงท่าทางอาการได้แต่เดินผ่านตัวเธอไปคล้ายไม่มีตัวตน เพชรน้ำหนึ่งมองแผ่นหลังแกร่งอย่างปวดร้าวน้ำตาไหล
“ฉันไม่เหมือนพี่เพชรตรงไหน....ทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้ ทำไม...นายรักฉันบ้างไม่ได้” เสียงสั่นเครือของคนปวดร้าวดังอยู่ไกลเกินกว่าคนที่เขาจะได้ยิน หน้าสวยหม่นเศร้ากัดริมฝีปากขยี้ตัดพ้อน้อยใจความรักของชายมากมายที่เข้าหาไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเท่าเศษใจของเขาที่พอจะเผื่อแผ่มาให้เธอบ้าง..................
ตอนที่ 1 แต่งงานกับเด็กกำพร้า
เสียงรถกู้ชีพดังก้องทั่วสวนผลไม้ตรงเข้ามายังคลองบัวขนาดใหญ่ ผู้คนมากมายมุงดู ชายสองคนเนื้อตัวเปียกโชกกำลังปั๊มหัวใจผู้ชายวัยกลางคนกับหญิงสาววัยรุ่นที่นอนแน่นิ่ง พยาบาลรีบวิ่งเข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้นท่ามกลางเสียงร้องไห้สะอื้นสุดเสียงของผู้หญิงสองคนและญาติๆ ก่อนจะนำร่างของคนทั้งสองที่ยังไม่ได้สติส่งโรงพยาบาล
ภายในห้องพักผู้ป่วยโรงพยาบาล
หทัยชนกเดินลากขาห่อไหล่ไร้เรี่ยวแรงสีหน้าแววตาเลื่อนลอยกับความจริงที่เจ็บปวดปางตาย
“คุณพ่อกับพี่เพชรเป็นยังไงบ้างคะ”
“หมอยื้อไว้ไม่ได้ คุณพ่อกับเพชรจากพวกเราไปแล้วลูก” หทัยชนกเสียงสั่นเครือน้ำตาไหลพรากโศกเศร้ากับการจากไปกะทันหันของสามีและลูกสาวคนโต
“คุณพ่อ พี่เพชร” เพชรน้ำหนึ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นหน้าแดงก่ำเสียใจที่สุดในชีวิตอยู่บนเตียงผู้ป่วย ภายนอกห้องพสุธาแอบฟังอยู่หน้าประตูห้องทรุดฮวบร่วงลงพื้นเมื่อรู้ว่าสูญเสียหญิงที่รักไม่มีวันกลับ น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบหน้าแดงก่ำร้องไห้ปานจะขาดใจทุบหน้าอกตัวเองแรง ๆ ซ้ำ ๆ อย่างคนใจสลาย
สิบสามปีต่อมา
เพชรน้ำหนึ่งหญิงสาวรูปร่างบอบบางสูงระหงสวมเสื้อคลุมและกางเกงขายาวสีเข้มสวมรองเท้าผ้าใบมัดผมรวบสูงทะมัดทะแมงขมวดคิ้วสีหน้าบึ้งตึงรีบเดินไปกดปุ่มลิฟต์ซ้ำ ๆ เพื่อไปให้พ้นจากห้องพักผู้ป่วยวิกฤตด้วยความโมโหจะเลี่ยงไปสงบสติอารมณ์หลังจากคุยกับผู้เป็นแม่กำลังป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายแต่แม่ไม่บอกเพราะห่วงว่าเธอจะไม่มีสมาธิเรียนเลยปิดเป็นความลับจนเวลาล่วงเลยมาสามเดือนอาการทรุดหนักถึงติดต่อให้เธอรีบเดินทางกลับจากต่างประเทศเพื่อมาดูใจ
ทันทีที่เจอหน้าแม่น้ำตาก็ไหลพรากเมื่อเห็นสภาพร่างกายแม่ห่อเหี่ยวซูบผอมแขนเล็กเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเธอรีบเข้าไปสวมกอดร้องไห้เสียใจตัดพ้อตัวเองทำหน้าที่ลูกบกพร่องไม่ได้ดูแลในยามป่วยหนัก
“จดทะเบียนสมรสกับดินให้เสร็จภายในวันนี้” สิ่งที่แม่เอ่ยขึ้นกระชากอารมณ์ของคนกำลังโศกเศร้าให้ตกใจ กายบางผละห่างมองใบหน้าเหี่ยวย่นของแม่อย่างขุ่นเคืองช่วงเวลานี้มันเหมาะที่จะพูดเรื่องงานมงคลสมรสนักหรือไง
“แม่เรียกหนูกลับมาเพื่อบังคับให้แต่งงานกับเด็กกำพร้า?”
“ใช่ ลูกต้องจดทะเบียนกับดิน” หทัยชนกห่อตัวลงน้ำเสียงแหบแห้งและขาดช่วงเหนื่อยที่ต้องออกแรงพูดยาว ๆ
“หนูกับดินไม่ได้รักกันและหนูก็มีแฟนแล้วด้วย”
“แม่ขอร้อง ถือว่าทำให้แม่ก่อนตาย”
“ยังไงคุณแม่ก็ไม่เป็นอะไรหนูจะหาหมอเก่ง ๆ มารักษาคุณแม่เอง” เพชรน้ำหนึ่งปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนเลี่ยงการปะทะ
“ถ้าไม่จดทะเบียนกับดินแม่ก็ไม่รักษา ปล่อยให้แม่นอนตายตาไม่หลับเถอะ!” หทัยชนกกระแทกเสียงดึงแขนตัวเองออกจากมือลูกสาวแล้วทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ขุ่นเคือง เพชรน้ำหนึ่งสลดขบริมฝีปากเม้มขยี้เต็มไปด้วยความเครียดก่อนจะสะบัดหน้าหันเดินหนีออกนอกห้องเพื่อตั้งสติกับเหตุการณ์ที่เธอไม่ทันตั้งตัว
เพชรน้ำหนึ่งยืนกอดอกอยู่หน้าประตูลิฟต์ที่กำลังเปิดออกกว้างเธอเดินพุ่งพรวดเข้าลิฟต์ไม่ได้มองว่ามีคนกำลังจะเดินออกมาจากลิฟต์ทำให้เธอเกือบชนชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่
“ขอโทษค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนจะเงยมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าผิวเข้มใบหน้าหล่อคมคายที่คุ้นเคยแต่นั่นกลับทำให้สีหน้าแววตาของเธอเปลี่ยนไป
“ฉันไม่แต่งงานกับเด็กกำพร้าแน่ จำไว้!” น้ำเสียงแข็งทื่อกับสายตาขุ่นเคืองไม่ได้ทำให้พสุธารู้สึกสะท้านสะเทือนคำพูดของเธอสักนิด
“น่าสงสารคุณหทัยมีลูกดื้ออย่างคุณ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นกระตุกมุมปากเหยียดหยันก่อนจะเดินเลี่ยงผ่านตัวเธอออกจากลิฟต์อย่างไม่แยแส
“คุณแม่อุตส่าห์ส่งเสียเลี้ยงดูให้เรียนสูง ๆ มีหน้าที่การงานดีเลยลืมกำพืดตัวเอง ถึงได้มาอวดดีกับลูกสาวผู้มีพระคุณแบบนี้”
“ถ้าอยากพูดเรื่องบุญคุณ คุณควรเคารพคนที่เคยช่วยชีวิตมากกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะผมคุณไม่มีโอกาสมายืนเชิดหน้าแว้ดเสียงแหลมใส่ผมแน่” รอยยิ้มมุมปากหนากระตุกขึ้นอย่างยียวนกระตุ้นให้คนหัวเสียยิ่งหงุดหงิด
“นายไม่ได้ต้องการช่วยฉัน!”
“กรุณาลดเสียงลงนะคะ” พยาบาลส่งเสียงดุปรามญาติคนไข้ที่กำลังส่งเสียงดังรบกวน เพชรน้ำหนึ่งกับพสุธารีบขอโทษก่อนจะคุยกันเบา ๆ แทบกระซิบแต่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดในแววตา
“อยากช่วยหรือไม่ คุณก็รอดมาได้เพราะผม”
“อย่าหวังเอาหนี้บุญคุณมาบังคับให้ฉันแต่งงานกับนาย”
“ผมไม่เคยคิดทวงบุญคุณแต่ต้องยอมทิ้งอิสระฝืนใจแต่งงานกับคุณเพื่อให้คุณหทัยสบายใจแล้วคุณล่ะทำอะไรให้แม่ตัวเองบ้าง”
“ถ้าลำบากใจนักก็ไม่ต้องแต่ง ฉันมีคนรักที่จะเป็นลูกเขยให้คุณแม่วางใจว่าเขาดูแลฉันได้ ไม่ต้องพึ่งพาคนกระจอกอย่างนาย” หน้าสวยเชิดมั่นอกมั่นใจพยายามกลบเกลื่อนความน้อยใจลึก ๆ ที่เขาไม่ได้ต้องการและไม่เคยเห็นค่าในตัวเธอ
“แต่คุณหทัยเลือกให้ผมเป็นลูกเขยไม่ใช่ใครก็ได้ ที่ผมยอมทำเพราะไม่อยากรอให้ทุกอย่างสายเกินไป อย่าให้ถึงกับต้องไปเคาะโลงบอกท่านว่าเราจะทำตามที่ท่านต้องการเพราะตอนนั้นท่านคงไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว คุณเองก็เห็นว่าร่างกายท่านไม่ไหวถ้ายังพอมีสำนึกความเป็นลูกอยู่บ้างก็อย่าทำให้ท่านจากไปทั้งที่ยังห่วง” สายตาคมสบดวงตาสวยที่กำลังคลอด้วยน้ำตา เขาจึงหันหลังเดินเลี่ยงไปให้เธอได้มีเวลาไตร่ตรองสิ่งที่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องถูกผูกมัดด้วยคำว่าภรรยาของเด็กกำพร้าต่ำต้อยที่แม่ของเธอรับอุปการะไว้
เพชรน้ำหนึ่งมองแผ่นหลังแกร่งกำลังห่างออกไปแล้วน้ำตาหยดตัวเธอเองก็อยากทำเพื่อแม่แต่ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองไม่เคยอยู่ในสายตาของพสุธาเลยสักนิดอีกทั้งในใจเขาก็ไม่เคยเหลือที่ว่างไว้สำหรับเธอ
พสุธาเข้าไปเยี่ยมดูอาการของหทัยชนกผู้หญิงที่รับอุปการะเลี้ยงดูเขาตั้งแต่ตอนเธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย หทัยชนกพบเจอเด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมเดินหาของกินในถังขยะข้างทางจึงเข้ามาพูดคุยซื้ออาหารให้หนูน้อยกินถึงได้รู้ว่าเด็กชายจรจัดนอนป้ายรถเมล์พ่อแม่ถูกจับคดียาเสพติดไม่มีญาติพี่น้อง หทัยชนกยังเป็นนักศึกษาฐานะปานกลางไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กชายได้จึงให้ญาติทำเรื่องวิ่งเต้นพาเด็กชายได้เข้าไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ เมื่อเรียนจบมีงานทำจึงได้รับเป็นแม่อุปถัมภ์ส่งเสียค่าใช้จ่ายและค่าเลี้ยงดูให้เด็กชายเติบโตขึ้นและเรียนเก่งสามารถสอบชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศซึ่งมีหทัยชนกและสามีคอยอนุเคราะห์ช่วยเหลือเสมอ พสุธาซาบซึ้งในบุญคุณของหทัยชนกและสามีที่เมตตาเขาจึงรักและเทิดทูนหทัยชนกยิ่งกว่าแม่และพร้อมปกป้องดูแลแม่รวมถึงลูกสาวของแม่สุดกำลัง
“น้องมาแล้ว แต่ไม่ยอมตามคาด” หทัยชนกพยายามส่งเสียงพูดคุยลูกเลี้ยงที่รักและไว้ใจ
“ผมจัดการคุณน้ำหนึ่งได้แน่ คุณหทัยไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“แม่ไว้ใจดินที่สุด อย่าทิ้งน้องนะลูก” น้ำเสียงเนือยสั่นเครือน้ำตาร่วงลงหางตา พสุธาหน้าตาแดงมือไม้สั่นฝืนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่ผมจะปกป้องไม่ให้ใครหรืออันตรายใด ๆ มาทำร้ายคุณน้ำหนึ่งได้ ผมสัญญาว่าเธอจะปลอดภัย” เขาเน้นย้ำหนักแน่นกับคำสัญญาที่ออกมาจากใจการรับปากครั้งนี้สำคัญยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ นิ้วแกร่งเคลื่อนซับน้ำตาบนใบหน้าเหี่ยวย่นของผู้มีพระคุณช่างอยากเหลือเกินที่น้ำตาจะไม่ให้รินไหลเพราะรู้ดีว่าคงไม่พ้นสามวันต้องเสียท่านไปตลอดกาล
ช่วงแรกนางเอกจะเหวี่ยงวีนหน่อยเพราะปมในใจและยาหลอนประสาทจ้า

