ตอนที่ 4 น่าจะปล่อย
ช่วงสายเพชรน้ำหนึ่งนั่งซึมมองไปนอกหน้าต่างห้องพักผู้ป่วย ร่างกายยังคงอ่อนเพลียใบหน้าซูบซีดขอบตาบวมคล้ำไม่เปล่งปลั่งเช่นเคย ด้านพสุธาเดินถือถุงอาหารเข้ามาภายในห้องวางถุงอาหารบนโต๊ะกำลังจะแกะใส่จานพลางเอ่ยทักภรรยาในนามอย่างเป็นมิตร
“เนี่ยนะคนที่บอกว่าดูแลตัวเองได้ไม่ต้องการคนกระจอก ๆ อย่างผมแล้วเป็นไง ผมไม่อยู่แค่สี่วันก็โดนเล่นงานซะล่ะ”
“สะใจที่เห็นฉันมีสภาพแบบนี้นักหรือไง”
“สมน้ำหน้ามากกว่า ปากเก่งปากกล้าทั้งที่ตัวเองอ่อนแอไม่รู้ทันเหลี่ยมคนที่กำลังจ้องทำร้ายตัวเอง”
“ฉันไม่แน่ใจว่าคนที่ตั้งใจทำร้ายฉันคือคนในครัวหรือคนนอกอย่างนาย” ดวงตาสวยหรี่ลงจ้องมองด้วยความสงสัย
“ก็เป็นซะอย่างนี้ ไม่น่าช่วยจริง ๆ” พสุธาเหล่หางตาพลางส่ายหน้าเอือมระอา
“การกระทำของนายมันทำให้ฉันคิด นายอาจจะอ้างว่าไปคุยงานต่างจังหวัดเพื่อให้ฉันตายใจว่าไม่มีทางทำอะไรฉันได้ แต่จริง ๆ แล้วนายคือคนวางแผนทั้งหมด”
“ผมจะทำเพื่อ?”
“เพื่อสมบัติของฉันไง เด็กกำพร้าอย่างนายไม่เคยมีสมบัติมากมายเลยโลภอยากได้อยากมี ถ้าฉันตายนายจะได้ฮุบทุกอย่างไว้คนเดียว” เสียงแหบแห้งพยายามส่งเสียงแว้ดออกอาการงอนมากกว่าขุ่นเคือง พสุธาชะงักหันมองเชื่องช้าสีหน้าเรียบเฉย
“ผมน่าจะปล่อยให้คุณหลอนยาฆ่าตัวตายในบ้านตั้งแต่เมื่อคืนให้มันจบ ๆ ไม่น่าช่วยให้เหนื่อยแต่ถูกมองเป็นผู้ต้องสงสัย”
“นายชอบตัดสินใจช่วยผิดมาตลอดอยู่แล้วนี่ ถ้าตอนจมน้ำนายเลือกช่วยไม่ผิดคน คนที่ตายเมื่อสิบสามปีก่อนก็คงเป็นฉัน!”
“เสียดายวันนั้นผมคว้าข้อมือผิดคน”
“คนเลว” หน้าซีดเซียวมองตัดพ้อไม่เคยได้ยินคำพูดปลอบประโลมให้สบายใจจากคนที่อยากให้พูดมากที่สุด
“ชอบให้พูดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ อยู่กันดี ๆ ไม่ได้ต้องรื้อฟื้นเรื่องเก่ามาพูดเราสองคนต่างก็มีปมจากอุบัติเหตุในวันนั้นคุณกับผมก็เสียใจไม่ต่างแล้วจะขุดคุ้ยมันขึ้นมาอีกทำไม”
“เพราะนายเป็นสามีฉันแต่มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในใจนาย!”
“คุณก็หัดทำตัวให้ผมอยากได้เป็นเมียหน่อย ไม่ใช่เอะอะอะไรก็โวยวาย ชอบยัดเยียดว่าผมรักคนอื่น เลิกคิดเองเออเองแล้วมองปัจจุบันสักที” พสุธาเสียงแข็งหงุดหงิดคนขี้โวยวายชอบหาเรื่องทะเลาะให้อารมณ์เสีย
“ใช่สิฉันมันไม่ดีนี่หลังเปิดพินัยกรรมก็หย่ากันไปซะ”
“ไม่หย่า! คุณหทัยขอให้ผมปกป้องคุณจนกว่าจะแน่ใจว่าคุณปลอดภัยเอาตัวรอดจากปากเสือที่จ้องขย้ำได้ ถ้าอยากรีบหย่าคุณก็ต้องรีบฉลาดระวังตัวรู้ทันคนเร็ว ๆ ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาดูแลคุณนาน เราจะได้หย่าตัวผมก็หมดภาระกับคนไม่เอาไหนอย่างคุณ”
“ไม่ต้องเอาคุณแม่มาอ้างดูก็รู้ว่านายจดทะเบียนสมรสกับฉันหวังประโยชน์จนตัวสั่น ถึงจะเสแสร้งหลอกคุณแม่ตอนป่วยหนักได้ แต่นายหลอกฉันไม่ได้ ฉันไม่โง่และไม่มีทางเชื่อใจนาย!” หน้าซีดขึงขังตะคอกคอเป็นเอ็น พสุธาขบกรามแน่นเดินหน้าตึงเครียดเข้ามาใกล้พร้อมกับชี้หน้าตะคอกลั่น
“คุณน่ะ โง่ งี่เง่า ดักดาน เอาแต่ใจที่สุดในโลก” สายตาคมดุดันอยากจับคนพยศมาฟาดก้นให้หายมันเขี้ยว เพชรน้ำหนึ่งโมโหตาแดงก่ำปัดมือเขาออกอย่างฉุนเฉียวเสียหน้าที่โดนชี้หน้าต่อว่า พสุธาจ้องมองนิ่งรู้สึกตัวว่าพูดแรงเกินเหตุ
“ขอโทษ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องผู้ป่วยทิ้งจานชามและอาหารไว้ไม่ทำต่อ เพชรน้ำหนึ่งหน้างอน้ำตารื้นได้อยู่กับใกล้เขาก็รู้สึกดีติดที่ตัวเองชอบปากร้ายตัดพ้อเรื่องเก่าทำให้ทะเลาะเข้าหน้าไม่ติด
เกือบครึ่งวันที่พสุธาหายหน้าไป
พยาบาลเข้ามาดูแลเพชรน้ำหนึ่งแทนญาติ ระหว่างวันเธอเฝ้ามองไปทางประตูห้องเผื่อจะเห็นว่าพสุธากลับมาซึ่งก็ไร้วี่แววทำใจดวงน้อยห่อเหี่ยวไม่น่างี่เง่าหาเรื่องทะเลาะให้เขาหายไป
ช่วงค่ำ
ภายในห้องพักผู้ป่วยเปิดไฟสว่างทั่วห้อง เพชรน้ำหนึ่งนอนคลุมโปงไม่กล้าโผล่หน้ามองรอบห้องกลัวว่าจะเจอสิ่งลี้ลับกลัวตกใจช็อกไม่มีใครช่วยเหลือ
ไม่นานนักเสียงประตูห้องเปิดออก เสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับกลิ่นดอกไม้ที่เธอโปรดปรานโชยอ่อนแทรกผ้าห่มให้เธอได้กลิ่น เพชรน้ำหนึ่งโผล่ดวงตาออกมามองนอกผ้าห่มเห็นพสุธากำลังวางดอกไม้ข้างหัวเตียงผู้ป่วย
“ซื้อมาฝากฉันเหรอ?”
“เปล่า ผมสงสารเด็กเดินขายหน้าโรงพยาบาลเลยช่วยซื้อแต่ไม่มีที่วางเลยเอามาวางตรงนี้” น้ำเสียงและสีหน้าของเขาเรียบนิ่งเดายากว่ากำลังรู้สึกนึกคิดอะไร
“ก้าวหน้านะเนี่ย เดี๋ยวนี้เด็กขายดอกไม้เมืองไทยขายดอกลิลลี่ซะด้วย” ร่างบางเขยิบยันตัวนั่งโผล่พ้นจากผ้าห่ม อมยิ้มน้อย ๆ มองดอกลิลลี่ที่ชื่นชอบช่อใหญ่เกินกว่าที่เด็กขายดอกไม้จะถือมาขายได้เพราะช่อดอกลิลลี่แบบนี้น่าจะหลักพัน
“ถึงจะเกิดมาฐานะไม่ดีแต่เด็กก็รู้จักมีความคิดพัฒนาตัวเอง คนโปรไฟล์ดีเรียนต่างประเทศอย่างคุณอย่าน้อยหน้าเด็กแล้วกัน”
“นายฉลาดแค่ไหนถึงชอบว่าฉันโง่”
“ก็คุณโง่มองคนไม่ออก ไม่เคยรับรู้ว่าใครหวังดีหรือร้าย ฉลาดอยู่อย่างเดียวคือเองเออเองว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันใช่ที่สุด”
“ฉันถูกเลี้ยงมาดีสปอยจนคิดว่าโลกสวย เลยไม่คิดว่าจะมีใครหวังร้ายกับฉัน” หน้าซีดหม่นเศร้าหลังจากโดนยาอันตรายเลยพึ่งรับรู้ได้ว่าโลกไม่ได้สวยอย่างที่เธอเคยเห็น พสุธาหย่อนกายนั่งข้างขอบเตียงคนไข้พลางยื่นฝ่ามือหนาวางลงบนแก้มเล็กขาวซีด
“คุณเป็นคนจิตใจดีไม่คิดร้ายกับใครเลยไม่คิดว่าจะมีใครคิดร้ายกับคุณ โลกนี้มันเลวร้ายเมื่อก่อนมีคุณหทัยสยายปีกปกป้องแต่ตอนนี้คุณต้องดูแลฝ่าฟันทุกอย่างด้วยตัวเอง”
“นายจะไม่ทิ้งฉันตอนอ่อนแอใช่ไหม?” ดวงตาสวยมองสบสายตาคมอย่างออดอ้อนเหมือนเด็กน้อย
“ถ้าไม่เจ็บหนักหรืออายุสั้นตายไปซะก่อน คุณจะเห็นผมอยู่ข้าง ๆ เสมอ”
“ขอโทษที่ฉันปากพล่อยชอบหาเรื่อง ฉันจะพยายามปากเสียให้น้อยลง”
“ผมก็ขอโทษที่ชอบพูดไม่ถนอมน้ำใจคุณ” แววตาคมวูบไหวเป็นห่วงและสงสารคนที่ไม่เคยสัมผัสความลำบากไม่เคยดิ้นรนต้องเข้มแข็งให้ได้ภายในเวลารวดเร็วเพื่อที่ผ่านพ้นเรื่องแย่ ๆ ด้วยตัวเองให้ได้ หากเป็นอย่างนี้เขาคงไม่สามารถปล่อยเธอไว้เพียงลำพัง............
