26 ขออนุญาต
“สวัสดีครับน้าพล น้ากัลยา” ปุณณวิชญ์ยกมือไหว้
“อ้าวโอปอล่ะ” ปองผลถามชายหนุ่มที่บอกว่าจะไปรับลูกสาวของเขา แต่กลับเดินมาคนเดียว
“ผมเห็นเธอนั่งสัปหงกมาในรถสงสัยจะเพลีย เลยแวะส่งที่บ้านแล้วอาสามาบอกน้าทั้งสองให้ครับ”
“น้าขอบใจมากนะ ที่เป็นธุระให้” กัลยาบอกชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไรครับ” เขานั่งลงตรงข้ามเจ้าของโฮมสเตย์แล้วตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ เรื่องที่จะขอศึกษาดูใจกับลูกสาวของคนทั้งสอง สีหน้าของกัลยาแปลกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดออกมาตรงๆ แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ส่วนปองพลก็นั่งนิ่งเหมือนใช้ความคิด
“เรื่องนี้น้าอยากให้เราคุยกันเอง เรื่องหัวใจเราบังคับใครไม่ได้” กัลยาตัดสินใจพูดออกไป
“ครับ”
“ลูกสาวผมอายุยังน้อยยังไม่ประสากับเรื่องนี้ ต่างจากคุณที่คงผ่านอะไรมาเยอะถ้ารักกันจริงก็อย่าใช้ความได้เปรียบตรงนั้นมาทำให้เธอเสียใจ” ปองพลที่นั่งฟังอยู่นานก็พูดขึ้นมาบ้าง
“ครับ ผมจะไม่ทำให้เธอเสียใจไม่ว่าจะตอนนี้หรือแม้จะผ่านไปกี่ปีก็ตาม” เขาให้คำมั่น
พอเข้ามาอยู่คนเดียวในห้องก็ส่งข้อความหาเธอ ชายหนุ่มเดาได้ว่าเธอคงยังไม่นอนเพราะถ้าเป็นตัวเองแล้วเจอเรื่องอย่างเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาก็คงนอนไม่หลับเหมือนกัน
ติ๊ง ติ๊ง เสียงจากแอปพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้นกัลยณัฏฐ์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือหน้าเดิมมา 20 นาทีแล้วก็รีบหยิบขึ้นมาดู
‘นอนหรือยังครับ’
‘ยังค่ะ’
‘เจ็บท้องอยู่ไหม มียาทาหรือเปล่า’
‘ก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย คงไม่ต้องทายาหรอกคะ พรุ่งนี้คงหาย’
‘พรุ่งนี้ผมจะไปรับหนูดีแต่เช้า ไปด้วยกันไหม’
‘ไม่ดีกว่าค่ะ ปอจะช่วยแม่ดูแลแขก’
‘ครับ แล้วจะรีบพาหนูดีมาหาคุณคงอยากได้เพื่อนคุย’
‘ขอบคุณอีกครั้งนะคะ’
‘ผมรู้ว่าคุณคงนอนไม่หลับ แต่ก็อยากให้พยายามนอนพรุ่งนี้จะได้สดชื่น อย่าลืมว่าผมบอกน้ากัลยาไว้ว่าคุณรีบเข้านอน ถ้าพรุ่งนี้คุณตาดำเป็นแพนด้าท่านจะสงสัยได้’
‘ค่ะ เดี๋ยวปอกินยาลดน้ำมูก คงพอช่วยได้’
‘ใจจริงก็อยากห้ามเพราะมันไม่ดีเท่าไหร่ แต่วันนี้ยอมให้หนึ่งวัน ฝันดีนะครับ’
‘ค่ะ’
ปุณณวิชญ์ตื่นนอนแต่เช้าแม้จะนอนดึกแต่ก็รู้สึกสดชื่นกว่าทุกๆ วัน พอออกมาจากห้องพักก็เห็นแขกผู้เข้าพักท่านอื่นกำลังใส่บาตรกันอยู่ชายหนุ่มจึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง
“ใส่บาตรไหมคะ” เสียงหวานดังไล่หลังเขามา
“ผมไม่ได้เตรียมของมาเลย” เขาหันไปยังเจ้าของเสียง ใบหน้าสวยหวานนั้นดูสดชื่นกว่าเมื่อวานมาก
“นี่ค่ะ แม่เตรียมให้แขกที่มาพัก แต่น้าวิชญ์ เอ้ย... พี่วิชญ์คงยังไม่รู้เพราะไม่เคยค้างที่นี่คืนวันศุกร์”
“ครับ” ชายหนุ่มรับถุงอาหารแห้งในมือหญิงสาวจากนั้นเดินไปยังระเบียงที่ติดริมน้ำที่ตอนนี้มีเรือของพระเทียบท่าอยู่ เขารอคนก่อนๆ ใส่บาตร แล้วเขาก็เป็นคนสุดท้าย พอจะหันมาขอบคุณเจ้าของถุงอาหารก็ไม่เจอเสียแล้ว ปุณณวิชญ์ไปเอารถที่จอดไว้หน้ารั้วบ้านหลังเล็กตั้งแต่เมื่อคืน เจ้าของบ้านคงอยู่ที่ไหนสักที่ในโฮมสเตย์เพราะประตูรั้วถูกล็อคจากทางด้านนอก ชายหนุ่มเข้าแอปพลิเคชั่นไลน์ เพื่อส่งข้อความไปบอกเธอ
‘ขอบคุณสำหรับของใส่บาตร ผมไปรับหนูดีก่อนนะครับแล้วจะรีบมา’
ชายหนุ่มขับรถผ่านบ้านของตนเองกับพี่สาวที่ตอนนี้เสร็จไปแล้วเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครอยู่สักคนคงเพราะยังไม่ถึงเวลาทำงาน
“ปอมาทานข้าวก่อนไหมลูก”
“ค่ะแม่” หญิงสาวเดินมานั่งข้างๆ มารดาอย่างว่าง่าย แล้วจัดแจงตักข้าวให้บุพการีทั้งสอง
“ปอ เมื่อคืนวิชญ์เข้ามาขออนุญาตแม่คบหากับลูก ปอจะว่ายังไง”
“อะไรนะคะ” มือที่กำลังจะตักข้าวใส่ปากชะงัก หญิงสาวตกใจไม่น้อย เมื่อคืนที่เขาขอเธอเป็นแฟนเธอคิดว่าเขาไม่ได้จริงจังอะไร เมื่อเช้าเจอกันเขายังมีทีท่าปกติเหมือนทุกครั้ง
“ตกใจอะไร นี่ยังไม่คุยกันอีกเหรอ” ปองพลถามลูกสาวที่นั่งทำหน้าตกใจยู่ตรงหน้า
“พูดแล้วค่ะแต่ปอก็คิดว่าเค้าพูดเล่น” กัลยณัฏฐ์คิดอย่างนั้นจริงๆ
“คงไม่เล่นแล้วล่ะลูก วิชญ์เค้าเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่ได้พูดเล่นกับเรื่องแบบนี้ แล้วหนูคิดว่าเค้าเป็นคนยังไง”
“ปอก็พึ่งรู้จักยังไม่นานไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเค้าเป็นคนนิสัยใจคอเป็นยังงัย แต่เท่าที่ได้คุยก็นิสัยดีอยู่นะคะ”
“อย่าปิดกั้นตัวเอง ปอก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแม่ไม่ว่าอะไรถ้าจะลองศึกษากันไปก่อน ถ้ามันไม่ใช่ก็แค่ถอยออกมา แม่รู้ว่าลูกสาวของแม่ฉลาดพอที่จะรู้ว่าใครดีหรือไม่ดีใช่ไหม”
“ค่ะแม่ แล้วจะเป็นอะไรไหม ถ้าปอจะลองเปิดใจศึกษากับเค้าดูถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่ ปอก็คงจะถอยอย่างที่แม่บอก ดีไหมคะ”
“แม่กับพ่อตามใจลูกเสมอ เพราะเชื่อว่าหนูจะติดสินใจอย่างมีสติ” กัลยามองหน้าลูกสาวแล้วดึงเข้ามากอด อดใจหายไม่ได้ นี่ลูกเธอโตพอที่จะมีความรักแล้วหรือ
“ปออายุ 23 ย่าง 24 แล้วคุณวิชญ์อายุเท่าไหร่กัน”
“หนูดีเคยบอกว่า 32 ค่ะ” กัลยณัฏฐ์ตอบไปคามที่ตัวเองได้รู้มา
“พ่อนึกว่าเค้าอายุเยอะกว่านี้ เห็นหนูเรียกว่าน้า”
“ก็เรียกตามหนูดีค่ะ” เธอไม่กล้าบอกว่าพึ่งรับกับเขาไปว่าจะเรียกว่าพี่
“แม่ว่า ลองเปลี่ยนมาเรียกพี่ดีกว่าไหม อายุไม่ต่างกันถึงขนาดต้องเรียกว่าน้า ใครได้ยินคงคิดว่าปอมีแฟนแก่ทั้งๆ ที่ไม่ใช่อย่างนั้นเลย” กัลยาอยากให้ลูกสาวใช้คำที่เหมาะสมกับปุณณวิชญ์
“ค่ะแม่” เธอยิ้มดีใจที่บิดามารดาไม่ว่าอะไรที่เธอจะเปิดใจคบหากับผู้ชายคนนี้
กัลยามองลูกสาวที่เดินไปต้อนรับแขก แม้จะยังไม่อยากให้ลูกสาวมีใคร แต่พอเมื่อคืนปุณณวิชญ์เข้ามาขออนุญาตคบกับกัลยณัฏฐ์เธอก็ไม่คิดจะห้าม เพราะกลัวว่าถ้าห้ามไปแล้วทั้งสองคนอาจจะแอบคบหากัน ซึ่งนั่นคงจะไม่ดีเท่าไหร่ เมื่อชายหนุ่มกล้าที่จะเดินมาบอก เธอก็กล้าที่จะให้เขาได้ศึกษาดูกับลูกสาวของเธอ
“เตรียมชุดไปค้างสักคืนนะหนูดี” ปุณณวิชญ์มาถึงบ้านตั้งแต่เช้า หลังทานอาหารเช้าเขากับพี่สาวก็นั่งคุยสัพเพเหระระหว่างรอหลานสาวจัดเสื้อผ้า
“ค่ะ น้าวิชญ์”
“วิชญ์คุยกับแม่ของโอปอแล้วใช่ไหม” เมษาถามเมื่อลูกสาวเดินเข้าไปเก็บของในห้อง
“บอกแล้วครับ”
“พี่กัลยาว่ายังไงบ้าง”
“ก็ไม่ว่าไรนะครับ เธอไม่ได้ห้ามแต่บอกว่าอย่าทำให้ลูกสาวเธอเสียใจ”
“แล้วหนูปอล่ะ วิชญ์บอกเธอไปหรือยังว่ารู้สึกยังไงกับเธอ”
“ผมไม่ได้บอกว่ารู้สึกยังไงกับเธอ ผมแค่ขอเธอเป็นแฟน” พูดจบฝ่ามือของพี่สาวก็ฟาดลงบนต้นแขนจนเขาต้องรีบหลบ เพราะกลัวจะมีครั้งที่สองตามมา
“อะไรกัน ขอเป็นแฟน แต่ไม่บอกว่ารู้สึกยังไง แล้วผู้หญิงเค้าจะรู้ไหมว่าคิดยังไงกับเขา” เมษาต่อว่าน้องชาย
“ก็ผมเคยจีบใครซะที่ไหน พี่ก็รู้” เขาพูดความจริง เพราะที่ผ่านมามีแต่ผู้หญิงเข้ามาจีบตลอด
“ย่ะ พ่อคนเสน่ห์แรง ระวังจะเจอคู่แข่งคารมดีเข้าสักวัน แล้วจะหาว่าไม่เตือน เบื่อนักเชียวพวกชอบให้ผู้หญิงเดาความรู้สึกเอง” เมษาสะบัดหน้าใส่น้องชายแล้วเดินเข้าห้องนอนตามพิจิกาไป
ปุณณวิชญ์นั่งคิดตามที่พี่สาวบอก เขาไม่รู้ว่าจะบอกยังไงว่าเขาชอบเธอ มันคงดูแปลกๆ ที่อยู่คนเราจะเดินไปบอกว่าชอบใครหรือรักใครสักคน เขาไม่ใช่วัยรุ่นเสียด้วยสิ สำหรับชายหนุ่มวัย 32 แล้วการกระทำเท่านั้นที่จะแสดงให้หญิงสาวรับรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้กับเธอ
ทั้งสามคนแวะซื้อชุดสังฆทานและ น้ำส้มอีก10 ขวด จากนั้นปุณณวิชญ์ก็ขับรถตรงไปยังตลาดน้ำอัมพวาทันที
“โอ้โห ไม่มาแค่สิบกว่าวัน บ้านของเราเสร็จไปเยอะแล้ว” พิจิกาตื่นเต้นกว่าตอนที่น้าชายเอารูปให้ดูเสียอีก
“ชอบไหมครับ”
“ที่สุดเลยค่ะน้าวิชญ์ แล้วชั้นล่างเป็นห้องอะไรบ้างคะ หนูดีดูในแบบหลายทีแล้วแต่ก็มองไม่ค่อยออกค่ะ”
“ก็ห้องรับแขก ตรงนี้ห้องครัว ส่วนที่ยื่นออกไปเป็นห้องทำงานน้าเอง” เขาอธิบายให้หลานสาวฟังพร้อมชี้ให้ดูเพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงัก
“ไปกันเลยไหม หนูปอคงกำลังรอเราอยู่เดี๋ยวไหว้พระเสร็จพี่ว่าจะเข้าสวนสักหน่อย เมื่อวานคนเฝ้าสวนบอกว่าส้มโอบางส่วนเริ่มเก็บได้แล้ว”
“ค่ะแม่” พิจิกาเดินนำทั้งสองตรงไปโอบรักโฮมสเตย์
“ไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอคะพี่กัลยา” เมษาเอ่ยชวนอีกครั้งหลังจากที่ปุณณวิชญ์และกัลยณัฏฐ์ชวนไปแล้วหนึ่งรอบ
“ตามสบายกันเลย แล้วจะขับรถไปหรือนั่งเรือไปกันล่ะ”
“นั่งรถไปน่าจะไวกว่าครับ จะได้ไม่เสียเวลามาก” ชายหนุ่มเป็นคนตอบคำถาม
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ งานที่นี่ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น”
“ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
กัลยามองตามลูกสาวตัวเองที่เดินเคียงคู่ไปกับชายหนุ่ม เธอภาวนาให้ทั้งสองเปิดใจเรียนรู้กันและกันอย่าให้มีอะไรมาทำให้ลูกสาวคนเดียวของเธอต้องเสียใจเลย
