บท
ตั้งค่า

27 ขอทำให้เต็มที่ก่อน

บริเวณวัดยามบ่ายผู้คนเริ่มบางตา หลังจากถวายสังฆทานเสร็จก็พากันมานั่งพักร้อนใต้ต้นโพ ชายหนุ่มเดินตามมาทีหลังแล้วก็สวนทางกับผู้หญิงนุ่งขาวห่มขาวคนหนึ่ง

“ป้าจันทร์ สวัสดีครับ” ปุณณวิชญ์ยกมือไหว้ทักทายผู้หญิงคนหนึ่ง ผมสีขาวของเธอเกล้าไว้อย่างเรียบร้อย เธอพยายามเพ่งสายตามองคนตรงหน้า

“ผมวิชญ์น้องพี่เมษาครับ” เขาแนะนำตัวแล้วกวักมือเรียกให้ กัลยณัฏฐ์เดินมายังจุดที่เขายืนคุยอยู่ เธอยกมือไหว้ผู้หญิงสูงวัยตรงหน้า ชายหนุ่มแนะนำให้เธอรู้จักป้าจันทร์ แม่ของดวงใจเพื่อนสมัยเรียนของเขา

“แฟนเหรอพ่อคุณ หน้าตาสะสวย เหมาะสมกันมาก พยายามเข้าใจกันให้มากหน่อยนะช่วงนี้อุปสรรคมันเยอะ แต่ถ้าจับมือกันผ่านไปได้ก็อยู่กันจนแก่จนเฒ่า เราสองคนเป็นคู่แท้”

ทั้งสองคนมองหน้าป้าจันทร์แต่ไม่ได้พูดอะไร

“หนูมาใกล้ๆ ป้าหน่อยสิ ขอป้าดูหน้าชัดๆ อีกที”

หญิงสาวก้าวขาไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ

“คนเราพออายุมาก ความสุขอาจไม่ใช่การอยู่ด้วยกัน หากแต่ความสุขอยู่ที่ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไรแล้วสบายใจมากกว่า อย่ายืดติด อะไรที่มันเกิดขึ้นแล้ว มันยากต่อการแก้ไข คนเรารักกันมานานพอมาถึงจุดหนึ่งความรักอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอให้ใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ถือว่าเค้าสองคนทำบุญร่วมกันมาแค่นี้ บอกท่านให้ปล่อยวางแล้วจะพบความสุขที่แท้จริง”

กัลยณัฏฐ์ยืนฟังแล้วนิ่ง พยายามคิดตามว่าที่ป้าจันทร์พูดหมายถึงใคร ตอนแรกเธอคิดว่าหมายถึงตัวเธอกับชายหนุ่มตรงหน้า แต่ประโยคสุดท้ายนี่สิ ‘บอกท่านให้ปล่อยวาง’ ป้าจันทร์หมายถึงใคร

“อย่าไปฟังป้าจันทร์แกมากเลยคุณ ผมเคยเจอป้าแกตั้งแต่เด็กๆ ป้าแกก็ทักไปเรื่อยแหละ” เขาไม่อยากให้เธอคิดมากจึงพูออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าป้าจันทร์เหมือนมีพลังพิเศษที่หยั่งรู้ เรื่องระหว่างเขากับเธอที่ป้าจันทร์พูดนะนั้น ไม่น่าหนักใจเท่าเรื่องที่ป้าจันทร์ พูดกับหญิงสาว

“ผมขอตัวก่อนนะครับป้าจันทร์” ปุณณวิชญ์รีบพาหญิงสาวออกมา

“พี่เข้าสวนก่อนนะวิชญ์” เมษาเตรียมหมวกปีกกว้างพร้อมเสื้อแขนยาวเดินหายเข้าไปในสวนทันทีที่กลับมาจากวัด

“เย็นนี้เราไปเดินตลาดกันนะคะ” พิจิกาชวนน้าชาย

“ได้สิ จะไปตอนไหนก็โทรบอกนะ น้าขอไปตรวจงานอีกสักครู่” เขาบอกหลานสาวแต่สายตาจับจ้องที่ใบหน้าเนียนสวย พร้อมส่งยิ้มให้

“ค่ะน้าวิชญ์” พิจิกาเอาแต่ก้มมองโทรศัพท์จึงไม่เห็นสองหนุ่มสาวส่งสายตาให้กัน

กัลยณัฏฐ์และพิจิกาเดินมาโอบรักโฮมสเตย์กันตามลำพัง

“จบแล้วจะเรียนต่อที่ไหนล่ะหนูดี คิดไว้หรือยัง”

“หนูดีอยากเรียนที่เดิม แต่แม่กับน้าวิชญ์อยากให้ลองไปสอบเข้าโรงเรียนในกรุงเทพฯ หนูดีไม่อยากไปเลย ต้องอยู่หออีกคงเหงาน่าดู”

“ช่วงแรกๆ ที่พี่ไปอยู่หอพักก็เหงามากเหมือนกัน อยากกลับก็กลับไม่ได้ทั้งเรียน ทั้งกิจกรรม บางคืนก็นอนร้องไห้”

“แล้วพี่โอปทำยังไงคะ”

“ก็ได้เพื่อนร่วมห้อง คอยช่วยปลอบ บางทีก็พากันร้องไห้แต่มันก็ผ่านมาได้”

“หนูดีคงคิดถึงแม่”

“พี่ไปเรียนตอนอยู่ปีหนึ่งยังเหงาขนาดนั้นแต่หนูดีพึ่งจะขึ้นม. 4 ก็น่าเห็นใจ ลองคุยกับแม่อีกทีก็ได้ อย่าพึ่งคิดไปเอง ท่านอาจแค่ให้ไปลองสอบวัดความรู้ว่าอยู่ระดับไหน แต่พอถึงเวลาที่ต้องเลือกเรียนจริงๆ ก็คงเป็นหนูดีที่ตัดสินใจเอง”

“ค่ะพี่โอป” เด็กสาวรู้สึกสบายใจมากขึ้นที่ได้ยินพี่สาวคนสนิทแนะนำ

เช้าวันอาทิตย์หลังจากช่วยกันทำความสะอาดห้องพักของแขกที่เช็คเอาท์ไปจนครบทุกห้องแล้วพิจิกาก็ขอตัวกลับ โดยมีกัลยณัฏฐ์นั่งรถไปด้วย ส่วนเมษากลับไปตั้งแต่เมื่อวานเย็นโดยติดรถไปกับสิงหนาทที่ต้องเข้าไปซื้อของพอดี

ก่อนที่จะออกจากโอบรักโฮมสเตย์ปุณณวิชญ์เข้าไปขออนุญาตครูกัลยาเพื่อพากัลยณัฏฐ์ไปดูหนังหลังจากที่ส่งพิจิกาแล้ว

“พี่วิชญ์จะไปไหนคะ” เมื่อออกจากบ้านพิจิกา ชายหนุ่มขับรถไปทิศทางตรงกันข้ามกับทางไปตลาดน้ำอัมพวา

“ไปดูหนังครับ” เขาตอบเสียงเรียบ

“ไปดูหนังปอไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ปอต้องรีบกลับ ป่านนี้แม่คงเป็นห่วงแล้วค่ะ” สีหน้าวิตกกังวลจนคิ้วเรียวสวยขมวดติดกัน

“อย่าทำหน้าเครียดอย่างนั้นสิครับสิ เดี๋ยวแก่เร็วจะหาว่าผมไม่เตือนไม่ได้นะ”

“ไม่เห็นจะกลัวเลยนี่คะ เพราะบางคนแถวนี้แก่ไปก่อนแล้ว” เธอหัวเราะเมื่อได้พูดย้อนเขาไปแบบนั้น

“อย่างผมเค้าไม่ได้เรียกแก่ เค้าเรียกคนมากประสบการณ์” เขาแก้ตัวอย่างไม่จริงจังนัก

“ชวนคุยนอกเรื่องอีกแล้วพี่วิชญ์เนี่ย ปอกลัวแม่เป็นห่วงจริงๆ นะคะ ปอขอโทรศัพท์ไปบอกท่านก่อนได้ไหม”

“ผมขออนุญาตท่านไว้แล้วครับ ตั้งแต่ก่อนออกมา” ในที่สุดเขาก็บอกความจริงกับเธอไป

“ร้ายนักนะคะ แล้วแม่ว่ายังไงบ้าง” กัลยณัฏฐ์รู้สึกดีที่ชายหนุ่มเข้าตามตรอกออกตามประตู

“ท่านไม่ว่าอะไร แค่อย่ากลับดึกมากเพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน”

“ค่ะ แล้วทำไมไม่ดูที่นี่ล่ะคะ” เธอหมายถึงในตัวเมือง

“ไปดูกรุงเทพฯ ดีแล้ว ผมว่าจะให้คุณไปช่วยเลือกหนังสือให้หนูดีด้วย” เขาแค่หาข้ออ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วเขาอยากใช้เวลาอยู่กับเธอให้นานๆ มากกว่า

“อ๋อ แอบหลอกใช้งานด้วยนี่เอง” น้ำเสียงไม่ได้จริงจังเท่าไหร่

“ปอ ยังเจ็บท้องอยู่ไหม” เขาถามขึ้นมาเห็นว่าอีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะผ่านหน้าโรงพยาบาล

“ถ้าไม่ขยับตัวเร็วๆ หรือยกของหนักก็แทบไม่รู้สึกแล้วค่ะ”

“ถ้าเปลี่ยนใจจะแจ้งความก็บอกผมได้นะครับ ผมได้เทปจากกล้องวงจรปิดมาแล้ว”

“พี่วิชญ์ไปเอามาได้ยังไง แล้วไปเอาตอนไหนคะ” เธอถามรัวๆ

“เมื่อเช้าเสาร์ ก่อนไปรับหนูดี ผมไปขอพบผู้จัดการร้านอธิบายเหตุผล เค้าเลยให้เทปมาครับ”

“ขอบคุณพี่วิชญ์อีกครั้งนะคะ ปอคงไม่แจ้งความหรอกค่ะ ไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว”

“ครับ คนประเภทนี้ ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงแต่ถ้าต้องทำงานร่วมกันจริงๆ ก็คงต้องมีคนกลาง”

“ค่ะ ปอคงไม่กล้าอยู่ใกล้ไม่รู้ว่าที่เค้าทำไปเพราะเมาหรือเพราะนิสัยเค้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ”

“ถ้ามันลำบากใจมาก ปอก็ออกมาทำงานกับผมก็ได้นะ” เขาอยากให้เธอมาทำงานกับเขา จะได้มีโอกาสอยู่ใกล้กันทุกวัน

“ปออยากเป็นครูเหมือนแม่ ถ้าปีนี้ปอสอบได้ก็คงดี จะได้ไม่ต้องสอนที่เดิม”

“แล้วจะไปสอนที่ไหนล่ะ” เขาไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่เลยต้องถามไปตรงๆ

“ก็คงโรงเรียนรัฐบาล ตามที่เค้ากำหนด”

“แล้วถ้ามันไกลมากล่ะ ปอจะไม่คิดถึงผมเหรอ” เอาอ้อน แต่เหตุผลจริงๆ ที่ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอสอบผ่าน เพราะรู้ว่าทันที่ที่เธอสอบผ่านและได้บรรจุเป็นข้าราชการ ครอบครัวของเธอจะเป็นไปในทิศทางใด

“พี่วิชญ์อย่ามาทำเป็นปากหวานหน่อยเลยค่ะ ขี้คร้านจะดีใจที่ไม่ต้องเจอปอบ่อยๆ มีเวลาไปจีบสาวอีกตั้งเยอะ”

“ผมเคยจีบใครที่ไหน ถามหนูดีกับพี่ษาได้เลย” เขาแกล้งยื่นโทรศัพท์ให้เธอ

“ปอจะเชื่อก็ได้ แต่ถ้าปอเห็นว่ามันไม่เป็นอย่างที่พูดปอก็คงถอยเพราะปอไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ พี่วิชญ์คงเข้าใจนะคะ” กัลยณัฏฐ์บอกชายหนุ่มไปแบบตรงๆ

“ผมเข้าใจดีเลยล่ะและสัญญาได้เลยว่ามันไม่มีทางเป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะตอนนี้หรืออีกกี่สิบปีข้างหน้า” สีหน้าคนพูดดูจริงจังจนหญิงสาวอดยิ้มให้กับคำพูดของเขาไม่ได้

“ปอคงไม่เลือกไปสอบที่ไกลๆ หรอกค่ะ ห่วงพ่อกับแม่ คงเลือกไม่ไกลมาก แต่ก็ต้องดูอีกทีว่าปีนี้เขตใกล้ๆ มีที่ไหนรับบ้าง พอสอบเสร็จก็ต้องรอเรียกถ้าใครที่ทำคะแนนดีๆ อยู่ลำดับต้นๆ ก็อาจจะโดนเรียนมาบรรจุก่อน ส่วนที่เหลือก็รอเรียกตามลำดับ ถ้าภายในสองปีแล้วยังเรียกไม่ถึงลำดับที่เราสอบได้ ปีต่อไปก็ต้องสอบใหม่” เธออธิบายให้เขาฟัง ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่ ที่จะได้บรรจุเป็นข้าราชการครูอย่างที่เธอตั้งใจแต่เธอเองก็ไม่เคยท้อ

“ยุ่งยากเหมือนกัน กว่าจะได้เป็นครูอย่างพี่ษากับน้ากัลยา ผมเอาใช่ช่วยนะขอให้สอบได้ตามที่ตั้งใจ แต่ก็ไม่อยากให้เครียดสอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตัวเล็กแค่นี้ผมเลี้ยงได้สบายมาก” เขากระชับมือเธอแน่น

“ขอบคุณพี่วิชญ์นะคะ ปอว่าจะให้เวลาตัวเองสัก 2 ปี ถ้าทำเต็มที่แล้วยังสอบไม่ผ่านก็คงต้องทำงานที่โรงเรียนเอกชนอย่างเดิม”

“ทำไมไม่ลองเปิดโรงเรียนกวดวิชาล่ะ ผมเคยไปส่งหนูดีที่โรงเรียนคนเยอะมาก”

“ก็เป็นความคิดที่น่าสนใจ แต่คงต้องหาประสบการณ์ให้มากกว่านี้ วิชาภาอังกฤษคนเริ่มสนใจเรียนเยอะแต่ส่วนใหญ่ก็จะนิยมเรียนกับครูต่างชาติหรือไม่ก็คนที่จบจากต่างประเทศ”

“ปอคิดจะไปเรียนต่างประเทศไหม” เขาเริ่มเห็นช่องทาง ถ้าหญิงสาวไปเรียนภาษาเพิ่มเติมสักปี ระหว่างนั้นเขาจะหาโอกาสคุยกับพ่อของเธอ ชายหนุ่มหวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก่อนเธอกลับมา

“ไม่คิดค่ะที่บ้านไม่มีเงินขนาดนั้นเราแค่พอกินพอใช้” อาชีพชาวส่วนและเจ้าของโฮมสเตย์ทำให้เธอกับครอบครัวมีกินมีใช้อย่างไม่ลำบากแต่ถ้าจะต้องไปเรียนต่างประเทศเธอคงไม่กล้าขอเงินจากท่าน นอกจากจะได้ทุนไปเรียนแต่นั่นก็ไกลเกินกว่าที่เธอจะคิดถ้าปีนี้เธอสอบได้แล้วโรงเรียนที่เธอได้ทำงานมีทุนให้ไปเรียนเธอก็คงหาโอกาสสักครั้ง

“แล้วถ้าผมให้ทุนไปเรียนล่ะ”

“นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ค่ะ ปอคงไม่กล้ารบกวนพี่วิชญ์ขนาดนั้น” เธอรีบปฏิเสธออกไปโดยไม่ต้องคิด

“รบกวนที่ไหนคนเค้าเต็มใจ พอกลับมาก็มาเปิดโรงเรียนกวดวิชาเดี๋ยวป๋าวิชญ์จัดการหาตึกทำเลดีๆ ให้” เสียงหัวเราะของทั้งสองประสานกันทันทีที่เขาพูดจบ

“ไม่คุยเรื่องนี้แล้วค่ะปอง่วงถึงแล้วปลุกด้วยนะคะ” เธอหลับตาแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel