บท
ตั้งค่า

25 คนขี้โกง

วันนี้เงินเดือนออก ชายหนุ่มรู้ว่าทุกคนทำงานมาทั้งเดือนเหนื่อยแค่ไหน เขาจึงสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาให้เพราะรู้ดีว่ายังๆ คนงานก็ต้องนั่งดื่มฉลองเงินเดือนออกกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่มันคงจะดีไม่น้อยที่นั่งดื่มโดยที่เงินเดือนในกระเป๋ายังอยู่ครบ

ปุณณวิชญ์นั่งดูข่าวภาคค่ำอย่างไม่มีสมาธิ เขาพลิกดูนาฬิกาข้อมือและจับโทรศัพท์ขึ้นมาดูอยู่หลายรอบ จนเมษานึกขำ

“ถ้ากังวลขนาดนั้นทำไมไม่ไปรอที่ร้านเลยล่ะ”

“พี่ษาก็พูดไป ใครกังวลอะไรไม่มี้” เขาเสียงสูง

“เบื่อจริงเลย พวกปากกับใจไม่ตรงกัน ดูสินั่งกระสับกระส่ายดูนาฬิกากับโทรศัพท์สลับกันไปมาทุก 5 นาที” เมษามองน้องชายอย่างรู้ทัน

“น้าวิชญ์ชอบพี่โอปจริงๆ เหรอคะ” เสียงของหลานสาวแทรกขึ้นมา

“นั่นสิ พี่ว่าจะถามอยู่ เห็นเทียวรับเทียวส่ง ถ้าไม่มีใจก็อย่าให้ความหวัง ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น” เธอเตือนน้องชาย

“แล้วพี่คิดว่ายังไงถ้าผมจะลองคบหาเธอดู”

“พี่ไม่ว่าอะไรหรอกถ้าวิชญ์จะคบใครหรือไม่คบใคร มันอยู่ที่วิชญ์ว่ารู้สึกอย่างนั้นกับเธอจริงๆ หรือเพราะว่ารู้สึกเหงา”

“ครับ”

“ครับนี่คือชอบหรือไม่ชอบคะ” พิจิกาเซ้าซี้ อยากฟังคำตอบ

“แล้วหนูดีว่าพี่โอปของหนูดีเป็นยังไงบ้างล่ะ” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่เขาถามเธอกลับ

“ก็เป็นพี่สาวที่น่ารักที่สุดค่ะนิสัย ใจเย็น เข้าใจวัยรุ่นที่สำคัญหนูดียังไม่เคยเห็นพี่โอปมีแฟน”

“ถ้าอย่างนั้นวิชญ์ต้องทบทวนความรู้สึกของตัวเองดีๆ ถ้าจะคิดจริงจัง พี่ก็ดีใจด้วยหนูปอเป็นเด็กดี อย่าทำให้เธอผิดหวังหรือด่างพร้อย ถ้าจะให้ดีก็ไปบอกพี่กัลยาด้วยเข้าตามตรอกออกตามประตู” เมษาพูดกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจังกว่าทุกครั้ง

“ครับพี่ ผมจะหาโอกาสบอกน้ากัลยาแต่คงต้องบอกเจ้าตัวก่อน”

“นี่หนูปอยังไม่รู้เหรอ ว่าวิชญ์รู้สึกยังไงกับเธอ” พี่สาวคนเดียวของชายหนุ่มมีสีหน้าประหลาดใจ

“อย่ามัวชักช้านะคะน้าวิชญ์ หนูดีเห็นรูปวันงานกีฬาสีแล้วนะคะ พี่โอปสวยมากถ้าไม่รีบบอกระวังจะแห้ว เพราะครูที่โรงเรียนก็ยังโสดหลายคนนะคะ” พิจิกาหัวเราะคิก

“สงสัยต้องเร่งสปีดแล้ว” ชายหนุ่มดีดตัวลูกขึ้นจากโซฟา คว้ากุญแจเดินออกจากบ้านไปทันที

ปุณณวิชญ์ขับรถมายังร้านอาหารที่เธอบอกให้มารับ ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่มีทั้งนั่งรับประทานเป็นโต๊ะ หรือถ้าเป็นหมู่คณะก็มีห้องแยกเป็นส่วนตัว ชายหนุ่มดูป้ายหน้าร้านเมื่อทราบว่าเธอและเพื่อนครูอยู่ห้องไหนเขาก็เลือกนั่งบริเวณที่เห็นประตูทางออก ชายหนุ่มสั่งอาหารทานเล่นมาสามอย่างกับน้ำมะพร้าวปั่นอีกหนึ่งแก้ว จากนั้นก็นั่งอ่านเมลไปเรื่อยๆ โดยมองไปยังประตูเกือบทุกห้านาที

นั่งเพียงไม่นานกัลยณัฏฐ์ก็ส่งข้อความมาบอกว่าอีก 30 นาทีให้มารับได้เธอจะรอเขาที่ลานจอดรถ

ปุณณวิชย์นั่งทานอาหารต่ออีก 15 นาที ก็เรียกพนักงานมาเก็บเงินจากนั้นก็ไปเข้าห้องน้ำ จัดการโทรบอกมารดาของหญิงสาวว่าอีกสักครู่จะพาเธอกลับบ้าน พอกลับมาที่โต๊ะอีกทีประตูห้องจัดเลี้ยงที่เขานั่งเฝ้าอยู่ก็เปิดกว้าง เขามองไปในห้องก็ไม่เห็นมีใครอยู่สักคน

เขารีบไปยังลานจอดรถที่อยู่ด้านหลังของร้านทันที

“ช่วยด้วย... ช่วยด้วย ช่วย...” เสียงร้องหายไปเมื่อชายหนุ่มต่อยเข้าที่ท้องของหญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มตะโกนเรียกคนมาช่วย แค่เพียงหมัดเดียว หญิงสาวก็ฟุบลงกับพื้นคอนกรีต ชายคนเดิมพยายามช้อนตัวหญิงสาวขึ้น แต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่นัก แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมากระแทกปลายคาง เขาสลัดศีรษะอย่างมึนงง มือใหญ่ขยุ้มคอเสื้อ เขาลุกขึ้นไปตามแรงดึง จากนั้นหมัดหนักๆ ก็กระแทกปลายคางอีกครั้งจนร่างเซถลา ก่อนล้มลงไม่ห่างจากหญิงสาวเมื่อครู่

“น้าวิชญ์ ฮือ... ฮือ..” กัลยณัฏฐ์พยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เขารีบเข้าไปพยุงเธอให้ลุกขั้น เธอโผเข้ากอดเขาทันที ร่างเล็กๆในอ้อมกอดสั่นเทา

“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว” น้ำเสียงทั้งอบอุ่นและห่วงใย เขามองไปยังคู่กรณีเมื่อครู่ก็หายไปจากลานจอดรถแล้ว

“เจ็บมากไหม ไปหาหมอก่อนดีกว่า”

เธอส่ายหัว แต่ยังกอดเขาไวแน่นอย่างคนเสียขวัญ

“ไม่เป็นไรค่ะไม่เจ็บเท่าไหร่ค่ะ แค่จุกๆ ค่ะ ปออยากกลับบ้าน” เสียงสะอื้นเบาๆ

“เรื่องมันไม่จบแค่นี้แน่ ผมจะแจ้งความ” ชายคนเดิมขับเบนซ์ มายังจุดที่เขายืนอยู่แล้วเปิดกระจกออกมาตะโกนอย่างหัวเสีย

“ผมก็กำลังจะไปแจ้งความเหมือนกัน”

“ผมไม่ได้ทำอะไร แต่แผลบนหน้าผมนี่สิหลักฐาน” เข้าชี้หน้าตัวเองที่ยังมีรอยเลือดเกรอะกรัง

“ผมก็ว่าดีนะ เดี๋ยวผมไปขอภาพจากล้องวงจรปิดของทางร้านให้เอง จะได้รู้ว่าทำไมผมถึงต่อยคุณ” ปุณณวิชญ์พูดอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า เพราะตอนที่เขาเดินเข้ามานั้นชายหนุ่มคนนี้กำลังฉุดกระชากหญิงสาวขึ้นรถ ก่อนที่จะต่อยไปยังท้องจนเธอทรุดลงไปกองที่พื้น เขาไม่อยากคิดเลยว่าถ้าหากเขามาช้าสักนาที จะเกิดไรขึ้นเพราะลานจอดรถเวลานี้ไม่มีคนอื่นอยู่เลย

“เตรียมหาที่ทำงานใหม่ได้เลย” หนุ่มเจ้าของรถเบนซ์ตะโกนอย่างหัวเสียแล้วรีบขับรถออกไปทันที เสียงล้อรถเบียดถนน ดังเอี๊ยด แต่ปุณณวิชญ์ก็ไม่ใส่ใจ

“ผมขอโทษนะ” เขาหันมามองหน้าเธออย่างสำนึกผิดที่ทำให้เธอมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานและผู้ชายคนนั้นยังเป็นถึงหลานชายของเจ้าของโรงเรียนที่เธอสอนอยู่อีกด้วย

“น้าวิชญ์ไม่ได้ทำไรผิดค่ะ” เธอคลายมือจากตัวเขาอย่างอายๆ เพราะพึ่งนึกได้ว่ากำลังกอดเขาอยู่

“ถ้าผมมาเร็วกว่า คงไม่เกิดเรื่องขึ้น” ความรู้สึกผิดยังเกาะกินใจ

“อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ ปอเองก็มีส่วนผิดค่ะ พอดีงานเลิกเร็วกว่าที่คิด ครูท่านอื่นจะไปร้องเพลงกันต่อที่ร้านคาราโอเกะเลยรีบออกจากร้านพร้อมๆ กัน ปอออกมาแล้วไม่เห็นน้าวิชญ์เลยว่าจะเดินมาดูที่ลานจอดรถ แต่นึกไม่ถึงว่าจะเจอครูหนุ่ยที่นี่” เธอหยุดเล่า ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ

“ผมมาถึงนานแล้วครับ แต่ไปเข้าห้องน้ำและโทรบอกน้ากัลยาว่ากำลังจะกลับ พอเดินกลับมาที่หน้าห้องจัดเลี้ยงก็เห็นประตูเปิดกว้างพอมองไปข้างใน ไม่เห็นใครสักคนเลยรีบมาดูที่รถ” เขาอธิบายให้เธอฟัง

“ขอบคุณนะคะ” ปุณณวิชญ์พยุงเธอเดินไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก

“ตกใจมากไหม ผมว่าไปหาหมอก่อนดีกว่าแล้วค่อยไปแจ้งความสีหน้าดูไม่ดีเลย”

“แค่ตกใจค่ะไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องไปแจ้งความได้ไหมคะ ปอไม่อยากให้แม่รู้ หมอก็ไม่ต้องไปหาตอนนี้ปอไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

“งั้นเรากลับกันเถอะ น้ากัลยาคงกำลังรอ”

“เรื่องนี้ปอไม่อยากให้แม่รู้” เธอย้ำเขาอีกครั้งพร้อมเขย่าแขนเขาเบาๆ

“ถ้าไม่อยากให้ท่านรู้ ผมก็จะไม่บอก”

“แต่ปอกลัวว่าจะโดนไล่ออก”

“เรื่องแค่นี้เอง อย่ากังวลไปเลยผู้ใหญ่ที่ต้องปกครองคนเป็นจำนวนมาก คงไม่เอาเรื่องแค่นี้มาไล่ออกหรอกครับ คุณไม่ได้ทำอะไรผิด อย่าลืมสิครับคนที่ต่อยหลานชายเขาคือผมนะครับ”

“แต่ปอเป็นต้นเหตุ”

“เรื่องมันยังไม่เกิด อย่าพึ่งคิดมากเลย” เอาเอื้อมมือมาจับมือน้อยๆ ที่ตอนนี้เย็นเฉียบ

“ค่ะ”

“หาไรอุ่นๆ ดื่มก่อนเข้าบ้านไหม เผื่อจะดีขึ้น” เขาจอดรถหน้าร้านสะดวกซื้อ

“ไม่เป็นไรค่ะ ปอกลัวแม่จับได้ ปอโกหกไม่เก่ง” เธอถอนหายใจอีกครั้ง

“เอาอย่างนี้ก็ดีไหม ผมส่งคุณที่บ้านแล้วไปโฮมสเตย์คนเดียว ถ้าแม่คุณถามผมก็จะบอกว่าคุณตากแดดมาทั้งวันเลยเพลียแล้วฝากให้ผมมาบอกว่าจะเข้านอนเลย ดีไหมดูจากสภาพคุณตอนนี้แล้วท่านคงถามแน่ๆ” กางเกงเธอมีคราบดินเกาะเป็นหย่อมๆ

“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเห็นด้วยกับเขา

“แต่ผมไม่ได้ช่วยฟรีๆ นะ”

“จะให้ปอทำอะไรปอยอมทุกอย่าง ขอแค่ไม่ให้แม่รู้เรื่องก็พอค่ะแต่ต้องไม่ยากมากนะคะ”

“ไม่ยากอะไรเลย” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไม่กล้ารับปากเลยค่ะ มองหน้าน้าวิชญ์แล้วเปลี่ยนใจทันไหมคะ”

“ไม่ทันแล้วครับผมถือว่าคุณตกลงแล้วนะครับ” เขาจอดรถหน้าบ้านหลักเล็กๆ ของเธอแล้วหันมาพูดด้วยใบหน้าจริงจัง

“น้าวิชญ์ดูสีหน้าจริงจังจนปอชักจะกลัวๆ แล้วค่ะ” เธอยิ้ม

ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูรั้ว เดินนำเธอไปยังประตูบ้าน

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ผมอยากให้คุณเรียกผมว่า ‘พี่’ แทนคำว่าน้าได้ไหม”

“โธ่! ... เรื่องแค่นี้เอง ไม่มีปัญหาเลยค่ะ” เธอบอกด้วยเสียงที่สดใสเหมือนลืมความกังวลใจเมื่อครู่ไปแล้ว เธอเองก็อยากเรียกชายหนุ่มว่าพี่อยู่เหมือนกัน แต่ก็กลัวเขาจะว่าเมื่อเขาขอมาอย่างนี้เธอก็รีบตอบตกลง

“แล้วถ้าจะขอไปรับไปส่งที่โรงเรียนล่ะครับ”

“ก็ได้บ้างนะคะ ถ้าน้าวิชญ์ เอ้ย...พี่วิชญ์ว่าง” เธอยังไม่คุ้นกับการเรียกเขาว่าพี่

“ขอพักโอบรักโฮมสเตย์ฟรี 1 คืน”

“ได้ค่ะ” เธอไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก เขาช่วยเหลือเธอมากกว่าค่าที่พักเสียอีก

“ขอส่วนลดอีก 20 เปอร์เซ็นต์”

“ได้ค่ะ”

“ขอมาทานข้าวด้วยบ่อยๆ”

“ได้ค่ะ”

“ขอเป็นแฟน”

“ได้ค่ะ”

“ตามนั้น ผมไปล่ะ ฝันดีนะ” ปุณณวิชญ์ได้คำตอบที่ต้องการแล้วเดินตัวปลิวออกไป โดนไม่ฟังคนที่พยายามตะโกนไล่หลัง

“พี่วิชญ์ เดี๋ยวค่ะ ข้อสุดท้ายพี่วิชญ์ขี้โกง” กัลยณัฏฐ์ตะโกนไล่หลังชายหนุ่มออกไป พอเขาเดินลับตาไปแล้วเธอก็เดินเข้าบ้านด้วยหลากหลายความรู้สึก ชายหนุ่มขอเธอเป็นแฟนเขาพูดจริงหรือแค่ต้องการให้เธอสบายใจหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ มา

หญิงสาวอาบน้ำชำระล้างร่างกายแล้วนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel