22 เชื่อแล้วว่าเธอไม่ใช่เด็ก
“อะไรนะคะครูโบว์” กัลยณัฏฐ์กำลังคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
“ครูฟังไม่ผิดหรอกค่ะ เด็กคนที่ต้องใส่ชุดไทย ท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อเช้าผู้ปกครองโทร. มาแจ้งว่าคงมาเดินพาเหรดไม่ได้”
“แล้วจะให้ใครใส่ชุดนี้ล่ะคะ ป่านนี้ทุกคนคงไปทำหน้าที่ของตัวเองกันหมดแล้ว” หญิงสาวถามครูโบว์ที่ดูสีหน้าไม่เดือดร้อนอย่างที่ควรจะเป็น
“มีคนใส่แทนแล้วค่ะ” เธอยิ้มให้กัลยณัฏฐ์
“เฮ้อ....โล่งอกไปที” เธอถอนหายใจแล้วนั่งมองลูกศิษย์คนอื่น ที่นั่งนิ่งให้ช่างแต่งหน้าปัดแก้ม เขียนคิ้ว ทาลิปสติกอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องนาฏศิลป์
“น้องคนไหนใส่ชุดนี้คะ” ช่างแต่งหน้าถือชุดไทยจักรีเดินมาเข้ามา
กัลยณัฏฐ์มองไปยังครูโบว์แล้วถามขึ้น “นักเรียนที่จะใส่ชุดนี้ยังไม่มาเหรอคะครูโบว์” เมื่อครู่ครูโบว์บอกแล้วว่าหาคนมาใส่ชุดนี้ได้แล้ว แต่เธอยังไม่เห็นใครสักคน
“ก็ครูปอไงคะ”
“อะไรนะคะ” กัลยณัฏฐ์ถามเสียงดังลั่นห้อง
“เบาๆ สิคะครู นักเรียนตกใจกันใหญ่แล้ว”
ครูโบว์เดินมาใกล้ๆ แล้วกดบ่าให้เธอเบาๆ ให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม
“อุ๊ย! คุณน้องเป็นครูหรอกเหรอคะ เจ๊นึกว่าเป็นนักเรียน ดูสิหน้าเด็กเชียว ผิวพรรณก็ดี มาค่ะ เจ๊จะแต่งให้เริด เอาให้ใครเห็นก็ต้องตะลึง ตามหากันให้ควักว่าใครกันนะที่ใส่ชุดไทยจักรี ประหนึ่งว่าเจ้าชายตามหาซินเดอเรลล่าเลยล่ะคะ” ช่างแต่งหน้าชายที่ใจเป็นหญิง จับใบหน้าเธอหันซ้ายหันขวา
“จะดีเหรอคะครู” เธอหันไปถามเพื่อนร่วมงาน
“ดีสิคะครู เราไม่มีเวลาแล้วเชื่อฝีมือเจ๊เมนี่เถอะคะ” ครูโบว์รีบบอกเพราะตอนนี้ดูแล้วก็ใกล้จะถึงเวลาเริ่มขบวนแล้ว
เจ๊เมนี่หรือชื่อเดิมคือแมนยกกล่องอุปกรณ์แต่งหน้าทำผมมาวางตรงหน้ากระจกที่เธอนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“เร็วเถอะคะคุณน้องขา.... คนอื่นๆ ออกไปเตรียมตัวกันแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันนะคะ”
เหมือนตกกระไดพลอยโจน กัลยณัฏฐ์นั่งถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้เวลาผ่านไป 30 นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย
“เร็วมากเลยค่ะ นี่ครูออกไปไม่ถึงชั่วโมง กลับมาอีกที่สวยคนจำครูปอคนเดิมแทบไม่ได้เลย” ครูโบว์เดินเข้าห้องมาอีกครั้ง
“หน้าคุณน้องดีอยู่แล้ว ไม่ต้องโบกอะไรมากแค่รองพื้น เติมนั่นนิดเติมนี่หน่อยก็สวยแล้วค่ะ”
กัลยณัฏฐ์ยืนมองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ภาพหญิงสาวในชุดไทยสีเทาเงิน ห่มสไบ เปิดไหลขาวเนียนตรงหน้าใช่เธอจริงเหรอ ใบหน้าที่คุ้นตายามส่องกระจกตอนนี้ถูกแต่งแต้มด้วยปลายพู่กันของช่างแต่งหน้าทำให้เธอดูเป็นใครก็ไม่รู้ ที่เธอไม่คุ้นเคย
“สวยมากค่ะ ครูปอ” ครูโบว์ชมอีกครั้งเมื่อเธอยืนขึ้นและเดินไปใกล้ๆ กระจก
“ขอบคุณค่ะครูโบว์ แต่ปอไม่มั่นใจเลย” หญิงสาวหมุนตัวหน้ากระจกอีกรอบ
“ท่องไว้ค่ะ เราสวย เราสวย” เจ๊เมนี่พูดพลางเดินมาจับชายผ้าถุงให้เข้าที่อีกครั้ง
ปุณณวิชญ์ขับรถออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้มีนัดคุยกับอาธร เมื่อขับผ่านมาถึงหน้าโรงเรียนก็เห็นขบวนพาเหรดกีฬาสี มีนักเรียนบางส่วนเดินเข้าไปในรั้วโรงเรียนบ้างแล้ว ด้านหน้ารถติดยาวหลายร้อยเมตร ชายหนุ่มจอดรถแล้วนั่งรอให้ขบวนผ่านไปช้าๆ สีสุดท้ายที่กำลังจะถึงรั้วโรงเรียนเป็นขบวนของนักกีฬาสีฟ้า นักเรียนแต่งชุดประจำชาติที่เขาเดาว่าน่าจะเป็น 10 ชาติอาเซียน ดูสวยงาม แต่ละชาติมีทั้งชายและหญิงเดินคู่กันมา
เขาเห็นครูผู้ชายคนหนึ่งถือน้ำมายื่นให้เด็กสาวที่แต่งชุดไทย เขาจำได้ทันทีว่านั่นคือครูหนุ่ย คนที่เขาเคยเจอ พอมองไปยังเด็กสาวที่รับขวดน้ำไปนั้นก็แสนจะคุ้นตา เขาลดกระจกลง เสียงดนตรีจากวงโยธวาทิตยังดังกึกก้อง เข้ามาในรถ แต่ชายหนุ่มไม่สนใจเลยสักนิด สองตาสีดำจ้องไปยังเด็กสาวในชุดไทย ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ นั่นต่างหากที่เขาสนใจ
‘โอปอ’ ชายหนุ่มพูดอย่างคนละเมอ ยามที่เขาเจอเธอปกตินั้นเธอเป็นเด็กสาวที่น่ารัก สดใส แต่ในยามนี้เธอสวยสะพรั่ง ทุกท่วงท่าที่เดิน ทุกรอยยิ้มที่มอบให้กับบรรดาผู้ปกครองและประชาชนที่มาชมขบวนพาเหรด ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ เขาอยากวิ่งไปดึงเธอออกมาจากขบวน เขาไม่อยากให้ใครเห็นว่าครูปอในยามนี้สวยเพียงใด
ตลอดทั้งวันปุณณวิชญ์แทบไม่มีสมาธิทำงาน พอทานข้าวกลางวันเสร็จเขาจึงขับรถไปรอเธอที่โอบรักโฮมสเตย์
กัลยณัฏฐ์ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาแต่ไกล เธอคิดว่าคงเป็นแขกที่พัก แต่พอเดินเข้ามาถึงบริเวณห้องโถงกว้างก็เห็นชายหนุ่มตัวโตกำลังนั่งคุยกับบิดามารดาอย่างออกรส
“สวัสดีค่ะพ่อ แม่ น้าวิชญ์” เธอยกมือไหว้พร้อมกล่าวทักทาย
“มาแล้วเหรอเหนื่อยไหมกีฬาสีวันแรก” กัลยาขยับให้ลูกสาวนั่งข้างตัวเอง
“ทั้งเหนื่อยทั้งสนุกค่ะ แม่”
“ทานข้าวกันเลยไหม วันนี้วิชญ์มาขอทานข้าวเย็นกับเราด้วย”
“ค่ะแม่ ปอหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวอยู่แล้วค่ะ” หญิงสาวใช้ทัพพีตักข้าวใส่จานแล้วยื่นให้ทุกคน
“ทำไมของผมเยอะกว่าทุกคนล่ะครับ” ชายหนุ่มองจานข้าวของตัวเองเปรียบเทียบกับของคนอื่นๆ
“ก็น้าวิชญ์ตัวโตต้องทานเยอะๆ ตักทีเดียวไปเลยจะได้ไม่ต้องเติมให้เสียเวลา” หญิงสาวจำได้ว่าวันที่ไปทานข้าวที่บ้านของเมษาเขาเติมข้าวตั้ง 2 รอบ
“แล้วถ้าทานหมดแล้วยังไม่อิ่มอีกล่ะ ตักเพิ่มได้ไหม” เขาแกล้งถาม ชายหนุ่มรู้สึกว่าการได้พูดคุยกันระหว่างทานอาหารเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกับครอบครัวของเขาเองที่มีหลานสาวกับพี่สาวหรือครอบครัวของกัลยณัฏฐ์ก็ตาม
“ได้ตามสบายเลย น้าหุงข้าว ทำกับข้าวเยอะแยะ วิชญ์มาทานด้วยกันที่นี่ทุกวันยังได้เลย” กัลยาบอกชายหนุ่มที่เขาเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน
“ขอบคุณครับน้ากัลยา ระหว่างที่บ้านยังไม่เสร็จผมคงได้มารบกวนบ่อยๆ แน่นอนครับ” ปุณณวิชญ์ดีใจที่ได้รับการต้อนรับจากครบครัวนี้อย่างดี ไม่แปลกใจเลยที่พี่สาวและหลานสาวของเขาจะสนิทสนมกับครอบครัวนี้มานาน
หลังทานอาหารเย็น ทุกคนก็ย้ายมานั่งดูข่าวภาคค่ำ หญิงสาวเล่าให้ทั้งสามคนฟังว่า วันนี้เธอไปทำอะไรมาบ้าง รวมถึงเรื่องที่เธอต้องสวมชุดไทยแทนนักเรียนที่ท้องเสีย
“แม่เสียดายจัง ปอมีรูปไหม”
เธอยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปที่ครูโบว์ช่วยถ่ายให้บิดาและมารดาดู
“ลูกแม่ก็สวยเหมือนกันนะ” กัลยาเอ่ยชมลูกสาว
“สวยเหมือคุณตอนสาวๆ ไง” ปองพลมองหน้าลูกสาวและภรรยาสลับกันแล้วยิ้ม
ชายหนุ่มมองภาพนั้นแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจกับท่าทีที่ปองพลแสดงต่อหน้าภรรยาและลูก คนนอกอย่างเขาได้แต่มอง เขาอยากถามเหลือเกินว่าน้ากัลยาและกัลยณัฏฐ์ทำผิดอะไร บกพร่องตรงไหน ปองพลถึงยังไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น เขาเบือนหน้าหนีเพราะไม่อาจทนมองภาพความอบอุ่นที่ปองพลเสแสร้งได้
“แม่ละอยากเห็นกับตาจริงๆ ว่าจะสวยเหมือนในรูปไหม” เสียงของน้ากัลยาดึงสติเขาให้กลับมายังการสนทนาตรงหน้าอีกครั้ง
“สวยครับ สวยจนครูผู้ชายบางคนเดินตามติดตลอดทางเลยครับ” เมื่อพูดไปแล้วทั้งสามคนที่เหลือก็หันมามองเขาเหมือนจะต้องการคำตอบว่าเขารู้ได้อย่างไร เพราะเขายังไม่ได้ดูรูปเลยด้วยซ้ำ
“น้าวิชญ์ ยังไม่ได้ดูรูปเลยนะคะ” กัลยณัฏฐ์ท้วง
“ไม่เห็นต้องดูเลยนี่ครับ ก็เมื่อเช้าผมเห็นกับตา”
“จริงเหรอ แล้วครูผู้ชายที่ว่าคือใครกัน” ปองพลสวมบทพ่อที่หวงลูกสาวขึ้นมาทันที
“นั่นสิคะ ปอไม่เห็นจะมีใคร แล้วปอก็ไม่เห็นน้าวิชญ์ด้วยค่ะ”
“ก็ครูที่ชื่อหนุ่ยไง ผมเห็นเขาเอาแต่เดินตาม ไม่สนใจจะดูแลคนอื่นเลย”
“ปอว่าก็ปกตินะคะ อยู่สีเดียวกันครูเค้าก็ดูแลสีฟ้าทั้งขบวนนั่นแหละค่ะ น้าวิชญ์อาจเห็นแค่ตอนที่เค้าอยู่ใกล้ๆ ปอก็ได้” เธอรีบแก้ตัวออกไปเพราะไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด
“ครูหนุ่ย ที่หนูบอกว่าเค้าจะมาส่งที่บ้านวันก่อนนะเหรอ เค้ามาจีบลูกสาวแม่หรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะแม่ เราแค่อยู่สีเดียวกันค่ะ”
“อ๋อ แล้วถ้าเขามาจีบละ” กัลยาถามขึ้น
“ปอไม่ชอบหรอกค่ะ” กัลยณัฏฐ์รีบปฏิเสธ
“หล่อไหมล่ะลูก” ปองพลถามบ้าง
“ไม่รู้สิคะ แต่ครูคนนี้เป็นขวัญใจสาวๆ ที่โรงเรียนค่ะ เพราะเป็นหลานชายของเจ้าของโรงเรียน”
“อ๋อ อย่างนี้เอง แล้วหนูไม่สนใจบ้างเหรอลูกเค้าเป็นถึงหลานชายเจ้าของโรงเรียนเลยนะ”
“แม่ค่ะ เราไม่ได้อยู่กันสามคนนะคะ” เธอหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ
“วิชญ์ก็คนกันเอง ไม่ต้องอายหรอก”
“ก็...” เธอกำลังลำดับความคิด
“อ้าวพ่อกับแม่รอฟังอยู่นะลูก”
