21 รู้สึกประทับใจ
นอกจากกัลยาและลูกสาวแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าคืนนี้เขาพักที่นี่ ช่างประจวบเหมาะเสียจริง กลางดึกทุกอย่างเสียบสงัด ชายหนุ่มค่อยๆ ออกมาจากห้อง เขานั่งรออย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก น้าปองพลเดินออกมาจากห้องนอนด้านในสุด แล้วตรงไปยังห้องริมประตูทางเข้า แล้วหายเข้าไปในห้องนั้น เขานั่งรออยู่นานกลัวว่ากัลยาจะตื่นออกมาเขาจะได้หาทางถ่วงเวลา ไม่ใช่เพราะจะช่วยคนทำผิดแต่ไม่อยากให้ใครต้องเสียใจ น้าปองพลหายเข้าไปเพียงไม่นานก็เดินกลับออกมา ปุณณวิชญ์รีบเบี่ยงตัวหลบแล้วค่อยๆ เดินกลับไปยังห้องพักของตัวเองด้วยใบหน้าที่หนักใจ
ตลอดทั้งคืนชายหนุ่มแทบไม่ได้นอนเพราะกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เขายังไม่อยากให้สองแม่ลูกรู้เรื่องที่เกิดขึ้น เขาคิดว่าคงต้องหาทางคุยกับน้าปองพล บางทีเขาอาจเปลี่ยนใจน้าปองพลได้แต่ก็ไม่ค่อยจะแน่ใจว่าจะได้ผลหรือไม่
“อ้าวจะไปไหนแต่เช้าจ้ะ ยังไม่เจ็ดโมงเลย” กัลยามองชายหนุ่มที่กำลังจะเดินออกจากบ้านเพราะดูแล้วยังไม่ถึงเวลาที่ลูกสาวต้องไปทำงาน
“ไปดูคนงานที่บ้านหน่อยครับ นัดกับปอไว้แล้วว่าเจอกันที่บ้านเลย” ปุณณวิชญ์รีบบอกและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเขายังไม่อยากเผชิญหน้ากับปองพลและปราณีในตอนนี้ ชายหนุ่มตัวเองจะกลัวทำหน้าไม่ถูกและเผลอมีพิรุธออกไป
“หายไปนานเลยนะคะพี่วิชญ์” เสียงทักทายของตรีทิพย์เอ่ยทักทันทีที่ปุณณวิชญ์เดินขึ้นมายังชั้น 2 ของบริษัท หลังจากที่ชายหนุ่มคอยรับส่งกัลยณัฏฐ์อยู่สามวันเมื่อรถของเธอซ่อมเสร็จแล้ววันนี้เขาจึงเข้าบริษัท
“ช่วงที่พี่ไม่อยู่ยุ่งกันหรือเปล่า” เขามองไปรอบๆ บริเวณชั้นสองที่ตอนนี้ไม่มีพนักงานคนอื่นอยู่เลยนอกจากหุ้นส่วนของเขา
“เรื่องงานไม่ยุงครับพี่” วศินเป็นคนตอบ
“เรื่องงานไม่ยุ่ง แสดงว่ามีเรื่องอื่นยุ่งละสิ” เขาหันไปถามวศินที่เดินมาเข้ามาทีหลัง
“ก็พอสมควรค่ะ พอดีน้องมุกไหมของพี่วิชญ์มาหาพี่ที่บริษัท คุณดาบอกไปว่าพี่ไม่อยู่ เธอก็ไม่เชื่อเธอบอกว่าเห็นรถพี่ยังจอดอยู่ คุณดาเลยบอกว่าพี่วิชญ์ทิ้งรถตัวเองไว้ที่นี่แล้วเอารถแฟนไปสนามบิน”
“รถแฟน?” ปุณณวิชญ์เลิกคิ้ว
“ค่ะรถแฟน” ตรีทิพย์กับวศินหัวเราะอย่างไม่ค่อยเต็มเสียง
“แต่ได้ผลนะคะพี่ จากวันนั้นเธอก็ไม่มาอีกเลย”
“อือ ขอให้ไม่มาอีกจริงๆ นะ” ชายหนุ่มรู้นิสัยของคนรักเก่าดี เธอไม่น่าจะยอมอะไรง่ายๆ อย่างนี้บางทีพายุก็มักจะก่อตัวอย่างช้าๆ ก่อนที่จะโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงอีกรอบ
ชายหนุ่มตรวจเอกสารตลอดเช้า ก็ยังไม่ถึงครึ่งที่ดารณีนำมาให้ตรวจ ‘ดินพอกหางหมูชัดๆ’ เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ แล้วก้มหน้าทำงานต่อ มื้อกลางวันของเขาเลยเป็นแค่แซนวิชจากร้านกาแฟข้างๆ บริษัทที่เลขาฯ ไปซื้อมาให้เพราะเห็นว่าเจ้านายไม่ออกมาจากห้องทำงานเลยตั้งแต่เช้า
“คุณวิชญ์คะ ดาขอกลับก่อนได้ไหมคะ วันนี้ดาต้องไปรับลูกที่เรียนพิเศษพอดีพ่อของแกไปต่างจังหวัดค่ะ” ดารณีเดินเข้ามาขออนุญาต เมื่อเลยเวลาเลิกงานมานานแล้วแต่เจ้านายยังไม่ออกจากห้อง
“ตายล่ะ ผมทำงานเพลินเลย ขอโทษคุณดาด้วย คุณดากลับไปก่อนเลยครับ ผมจะทำงานต่ออีกสักพักก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”
“ค่ะคุณวิชญ์ ดาไปก่อนนะคะ”
กว่าชายหนุ่มจะตรวจและเซ็นเอกสารเสร็จก็กินเวลาไปเกือบสองทุ่ม เขาแวะซื้ออาหารสำเร็จรูปที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วตรงไปที่คอนโดฯ จากนั้นจัดการนำอาหารเข้าไมโครเวป กลิ่นของอาหารธรรมดาแต่สำหรับคนที่ดื่มกาแฟกับทานแซนวิชไปเพียงชิ้นเดียวในตอนบ่ายก็นับว่าเป็นอาหารที่อร่อยทีเดียว เขาเปิดตู้เย็นหลังใหญ่ ที่ข้างในมีแต่ขวดน้ำเปล่ากับผลไม้ แล้วก็นึกไปถึงตู้เย็นที่บ้านพี่สาวมันช่างต่างกันมากเสียจริง แต่ก่อนเขาอยู่คนเดียวมาตลอดก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างนี้ แต่พอมีโอกาสได้กลับไปใช้ชีวิตกับเมษาและพิจิการวมถึงได้รู้จักกับกัลยณัฏฐ์แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าการได้อยู่กับคนที่เรารักนั้นมันมีความสุขมากแค่ไหน
บ่ายวันเสาร์ที่เขานัดไว้ว่าจะไปไหว้พระก็ต้องยกเลิกไป เพราะปุณณวิชญ์ต้องไปเคลียร์ปัญหาคนงานประท้วงขอขึ้นค่าแรงที่อยุธยา ชายหนุ่มโทรศัพท์ไปบอกพี่สาวเพื่อยกเลิกนัดและจากนั้นก็โทรศัพท์ไปบอกกัลยณัฏฐ์
“ไม่เป็นไรค่ะเอาไว้วันหลังก็ได้” หญิงสาวบอกอย่างเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาบอก
“แล้วตอนนี้คุณกำลังอะไรอยู่” ชายหนุ่มพยายามชวนคุยเพื่อนดูปฏิกิริยาว่าที่หญิงสาวบอกไม่เป็นอะไรนั้นเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า
“กำลังอ่านหนังสือค่ะ” เสียงตอบกลับมาสดใส่อย่างเคยทำให้เขาเบาใจว่าหญิงสาวไม่ได้โกรธที่เขาผิดนัด
“หาเวลาพักสายตาบ้างนะครับ อย่าอ่านหนังสือทั้งวันจนเพลินล่ะ”
“ค่ะ น้าวิชญ์ก็ตั้งใจทำงานนะคะขอให้แก้ปัญหาได้ไวๆ ค่ะ” เมื่อพูดออกไปแล้วกัลยณัฏฐ์ก็นึกขำกับคำพูดของตัวเอง
“ครับ” ปุณณวิชญ์นั่งอมยิ้มกับคำพูดเมื่อครู่ แม้เป็นคำพูดที่เคยได้ยินจากพิจิกา แต่ทำไมความรู้สึกมันต่างกันนัก เหมือนหัวใจจะพองโตมีแรงทำงานขึ้นมาอีกเยอะเลยทีเดียว
พอวางสายจากชายหนุ่มไปแล้วเธอก็ไลน์ไปคุยกับพิจิกาอย่างเคย แต่วันนี้แปลกกว่าเดิมนิดหน่อยตรงที่เธอถามหลานสาวของปุณณวิชญ์ไปว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่ เพราะการที่ได้คุยกับเขาและไปไหนมาไหนด้วยกันหลายครั้ง ทำให้หญิงสาวเริ่มไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วชายหนุ่มอายุห่างจากเมษาแค่นิดเดียวอย่างที่คิดไว้หรือไม่ แล้วคำตอบที่ได้ก็ทำให้เองต้องย้อนกลับมาทบทวนความคิดของตัวเองอีกครั้ง เขาไม่ได้อายุห่างจากเธอมากเท่าไหร่ แต่เธอก็ยังเรียกชายหนุ่มว่าน้า เพราะเรียกตามหลานสาวของเขา กัลยณัฏฐ์ไม่รู้ว่าเพราะไรเธอถึงอยากรู้เรื่องของชายหนุ่ม เธออาจกำลังรู้สึกดีกับเขาหรือว่าบางทีอาจจะแอบชอบเขาเข้าไปแล้วก็ได้
หลังจากคุยกันวันนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่เจอกัลยณัฏฐ์อีกเลย งานที่บริษัทมีปัญหามาให้แก้ไขอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเวลาโทรศัพท์ไปหาเธอหรือแม้แต่พิจิกาเองเขาก็ไม่ได้โทร. ไปหาเลย ปุณณวิชญ์นอนค้างที่ชั้นสามของบริษัทมาหลายวันแล้วจนกระทั่งบ่ายนี้จึงพอจะมีเวลาหายใจบ้าง ชายหนุ่มมองนาฬิกาแล้วคิดว่าคงเป็นเวลาที่หญิงสาวคงกำลังขับรถกลับบ้านทำให้เขานึกไปถึงวันที่เธอนั่งรถมากับเขา
‘น้าวิชญ์ ล้างรถครั่งสุดท้ายเมื่อไหร่คะ’ เธอถามขึ้นเย็นวันหนึ่งที่กำลังนั่งรถกลับมาด้วยกัน
ชายหนุ่มส่ายหน้า จะให้เขาตอบอย่างไรล่ะ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าสิงหนาทล้างรถครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
‘ผมขอโทษ ที่เอารถเก่าๆ มารับคุณ’ เขาเริ่มใจเสียกลัวเธอจะโกรธที่เอารถกระบะเก่าๆ มารับ
‘จะขอโทษทำไม ปอไม่ได้ว่ารถเก่า แค่เห็นว่าฝุ่นมันจับเยอะไปหน่อย เลยดูแทบไม่ออกเลยว่าเดิมทีแล้วมันสีอะไร’
‘ก็นึกว่าอายที่ผมเอารถเก่าๆ มารับ’
‘จะอายทำไมกันค่ะ แค่มันยังวิ่งบนถนนได้ก็พอแล้วที่ปอถามเพราะว่ามีผู้ปกครองของนักเรียนพึ่งเปิดร้านล้างอัดฉีด เขาให้บัตรส่วนลดมา’ เธอยื่นกระดาษเล็กๆ ขนาดเท่านามบัตรมาให้เขา
‘แล้วไม่เก็บไว้ใช้เองเหรอครับ’
‘ปกติพ่อจะเป็นคนล้างรถให้ค่ะ’
แล้วนั่นก็เป็นอีกหนึ่งความปะทับใจที่ปุณณวิชญ์มีต่อกัลยณัฏฐ์เธอไม่มีทีท่ารังเกียจเขาเลยแม่แต่น้อย เขาใส่ชุดมอมแมมไปรับเธอที่โรงเรียนและยังเอารถกระบะเก่าๆ คอยรับส่ง ถ้าเป็นมุกไหมก็คงนั่งหน้างออย่างครั้งสุดท้ายที่เขาพาเธอนั่งรถไปทานอาหาร ชายหนุ่มไม่เคยบอกมุกไหมว่าตัวเองมีรถอีกหนึ่งคันเพราะปุณณวิชญ์รู้ดีว่ามุกไหมเป็นพวกวัตถุนินม ยิ่งถ้าได้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ใช่ปุณวิชญ์คนเก่าที่มีแต่ตัวแต่กลายเป็นคนใหม่ที่มีฐานะดีในระดับหนึ่งแล้วหญิงสาวจะเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของเขา
