บท
ตั้งค่า

18 อาสารับส่ง

ปุณณวิชญ์ขับรถออกจากบ้านหลังจากที่แวะตรวจความเรียบร้อยและคุยกับหัวหน้าช่าง เพราะกว่าเขาจะได้เข้ามาอีกทีก็หลายวัน ระหว่างทางในหัวของชายหนุ่มก็คิดเรื่องเมื่อคืนวนเวียนอยู่อย่างนั้น เขาต้องรู้ให้ได้ว่าห้องริมทางเดินเป็นของใคร มีคนเดียวที่จะช่วยตอบคำถามของเขาได้

ชายหนุ่มจอดรถคันหรูหน้าบ้านเช่าในตลาด

“สวัสดีครับพี่ษา”

“อ้าว พี่นึกว่าจะเข้ากรุงเทพฯ เลยเสียอีก”

“ตอนแรกก็กะจะเข้าไปที่บริษัทแต่คุณดาโทรบอกว่าคนอื่นๆ ออกไปไซต์งานกันหมดผมเลยแวะมาที่นี่ก่อนครับ”

“สวัสดีค่ะน้าวิชญ์” พิจิกาเดินถือน้ำดื่มกับจานแก้วมังกรเข้ามา

“เป็นไงบ้าง เพื่อนๆ ชอบขนมกันไหม”

“ชอบค่ะ มีแต่คนอยากรู้จักน้าวิชญ์ทั้งนั้นเลย พอหนูดีให้ดูรูปน้าวิชญ์ บางคนก็อยากสมัครเป็นแฟนน้าวิชญ์ด้วยนะคะ”

“ที่จะสมัครเป็นแฟนน้า นี่เพราะอยากกินขนมหรือเพราะว่าน้าของหนูดีหล่อล่ะ” เขาแกล้งถาม

“คงทั้งสองอย่างค่ะ ทั้งหล่อทั้งใจดีแบบนี้ใครก็ชอบ จริงไหมคะ”

“แก่แดดใหญ่แล้วนะเรา เพื่อนหนูดีแต่ละคนก็อายุเท่าไหร่กันเชียว แม่ว่าอย่าเลย ให้น้าวิชญ์เค้าไปหาสาวๆ สวยๆ ที่กรุงเทพฯ ดีกว่านะลูก”

“หนูดีก็ว่าอย่างนั้น เพราะกว่าเพื่อนหนูดีจะโตถึงขั้นแต่งงานได้ น้าวิชญ์ก็คงแก่พอดี”

“แล้วตอนนี้แก่ไหม”

“ตอนนี้ยังไม่แก่ค่ะ น้าวิชญ์ต้องรีบหาแฟนนะคะ ถ้าแก่ไปกว่านี้เดี๋ยวสาวๆ จะไม่สนใจ”

“ถ้าแฟนมันหาง่ายเหมือนหาซื้อขนม ป่านนี้น้าวิชญ์ของหนูดีคงมีแฟนไปแล้วล่ะจ้ะลูก” เมษาอดที่จะแซวน้องชายไม่ได้

ทั้งสามคนหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข เป็นความสุขความอบอุ่นที่หาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน

หลังจากทานข้าวเย็นกันแล้วเมษาขอตัวไปตรวจการบ้าน ส่วนเขากับพิจิกานั่งคุยกันอยู่ที่หน้าบ้าน

“หนูดี ที่โฮมสเตย์นี่มีกี่ห้องเหรอ”

“11 ห้องค่ะ แต่ถ้ารวมห้องครูกัลยากับห้องของน้าณีด้วยก็ 13 ห้องค่ะ น้าวิชญ์ถามทำไมเหรอคะ”

“ไม่มีอะไรหรอก แล้วน้าณีที่หนูดีพูดถึงเค้าไม่มีบ้านเหรอ ถึงมาพักที่นี่ด้วย”

“มีค่ะ แต่บางทีน้าณีก็ค้างที่นี่ ห้องติดริมทางเข้าไงคะ หนูดียังเคยนอนค้างที่ห้องนั้นเลย” คนตอบไม่ได้สนใจว่าตอนนี้คิ้วของเขาแทบจะผูกโบว์

บางทีน้าปองพลอาจแวะไปคุยด้วยตามประสาคนที่ทำงานด้วยกัน หรืออาจแวะไปสั่งงานก็เป็นได้ เขาพยายามคิดในแง่ดีไว้ก่อน แต่เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้เขาคงต้องหาโอกาสไปพักที่นั่นอีกครั้ง และการไปพักของเขาต้องไม่ให้สองคนนั้นรู้ ปกติแล้วปุณณวิชญ์ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับพี่สาวคนสนิทของพิจิกาเขาจึงเป็นห่วงเพราะถ้าสิ่งที่เขาเห็นเป็นอย่างที่เขาคิด เธอคนนั้นจะเสียใจแค่ไหน ชายหนุ่มเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ

บ่ายวันอาทิตย์หลังจากที่แขกกลุ่มสุดท้ายเข้าพักกัลยณัฏฐ์ก็มีเวลานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบโดยมีมารดานั่งปลอกผลไม้อยู่ใกล้ๆ

“ปีนี้กำหนดสอบออกมาหรือยังล่ะลูก”

“ยังเลยค่ะแม่ น่าจะใกล้เดือนกุมภาอย่างเดิมนั่นแหละค่ะ”

“แล้วปีนี้พร้อมแค่ไหนล่ะ”

“ปอพร้อมตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะแม่ ถ้าไม่นอนโรงพยาบาลซะก่อน แม่คงได้เห็นปอใส่ชุดข้าราชการแล้วค่ะ” เธออวด ไปอย่างนั้น เพราะอยากให้มารดาสบายใจ อันที่จริงเธอก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นัก

“หนูไม่ต้องเป็นข้าราชการอย่างแม่ก็ได้ เอาที่หนูทำงานแล้วมีความสุขก็พอ อย่ายืดติดกับความคิดเดิมๆ เป็นครูโรงเรียนเอกชนก็ไม่เสียหายอะไร โรงเรียนอยู่ไม่ไกลมากขับรถแค่ไม่ถึง 10 นาทีเอง แม่กลัวว่าถ้าสอบบรรจุได้ แล้วต้องไปโรงเรียนที่อยู่ไกลๆ แม่คงอดเป็นห่วงไม่ได้”

“ปอคงไม่เลือกที่ไกลๆ หรอกค่ะ เอาแค่จังหวัดใกล้ๆ เพราะปอเองก็เป็นห่วงพ่อกับแม่เหมือนกัน”

“ดีแล้วลูก ถ้าปอไม่อยู่แม่ก็คงเหงา”

เช้านี้กัลยณัฏฐ์พยายามสตาร์ทรถอยู่เกือบ 10 นาทีก็ยังไม่เป็นผล ทุกอย่างยังคงเงียบผิดปกติ เมื่อมองไปทางโรงจอดรถที่เคยมีรถของบิดาอยู่แต่ตอนนี้ว่างเปล่า เธอกำลังคิดว่าจะโทรไปบอกบิดาให้กลับมารับเธอไปส่งที่โรงเรียนแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนี้มารดาบอกกับเธอไว้ว่า พ่อค้าจะมาซื้อส้มโอในสวน เธอไม่อยากให้บิดาต้องเสียเวลาจึงตัดสินใจเดินไปขึ้นรถโดยสารที่ปากซอยหน้าร้านขายของชำ

ทางด้านปุณณวิชญ์นั้นวันนี้เขามาถึงบ้านแต่เช้า หลังจากไม่ได้มาหลายวันแล้ว เขาเห็นหญิงสาวตัวเล็กที่คุ้นตาเดินมาใกล้เข้ามาทุกที วันนี้เธอสวมกระโปรงทรงเอสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อน แขนสั้นพอดีตัว หญิงสาวสะพายกระเป๋าหนังสีดำใบเล็กและถือถุงผ้าใบใหญ่อีก 1 ใบ วันนี้ดูเธอจะแปลกตาไปกว่าทุกวันคงเพราะจากชุดที่ใส่ พอเขาเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็พบกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร

“สวัสดีค่ะ มาดูบ้านแต่เช้าเลยนะคะ” เธอทักทาย

“ครับ แล้วนี่กำลังจะไปไหนครับ”

“ไปโรงเรียนค่ะ” เธอมองนาฬิกาข้อมื้อแล้วรีบขอตัวเพราะถ้ายิ่งคุยนานก็กลัวว่าจะยิ่งสาย

“ไม่ขับรถไปเหรอครับ”

“รถเสียค่ะ ขอตัวก่อนนะคะเดี๋ยวไปสายค่ะ” เธอขอตัวแล้วเดินเลี่ยงออกมา

ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบไปยังปากซอยอย่างคิดหนัก เพราะรถตัวเองนั้นพึ่งจะให้ร้านอัดฉีดมารับไปล้างเมื่อสัก 5 นาทีที่แล้ว

รถกระบะสี่ประตูสีดำมอมแมมกำลังเคลื่อนมาจอดบริเวณหน้าบ้าน ปุณณวิชญ์คว้ากระเป๋าเงินแล้ววิ่งมาดักหน้ารถทันที

“พี่สิงห์ ยืมรถหน่อยครับ แลกกัน”

สิงหนาทโฟร์แมนที่ทำงานกับชายหนุ่มมานาน มองตามหลังรถไปแล้วคิ้วก็ขมวดเพราะไม่เข้าใจว่าเจ้านายจะยืมรถตัวเองไปทำอะไร

“พี่สิงห์ สวัสดีครับ” คนงานทักทายเมื่อเขาเดินเข้ามายังบริเวณชั้นล่างของบ้าน

“วันนี้คุณวิชญ์ขับรถมาไหม” เขาถามต้น ชายหนุ่มผิวคล้ำชาวอัมพวาที่พึ่งมาทำงานกับเขาเป็นครั้งแรก แต่ก็ทำงานขยันขันแข็ง เขาเองคิดจะจ้างหนุ่มน้อยคนนี้ต่อหลังจากงานนี้เสร็จแล้ว

“ขับมานะครับ แต่สักพักก็มีคนมาขับออกไป เหมือนจะเป็นร้านอัดฉีดในเมืองครับพี่” โฟร์แมนหนุ่มพยักหน้า

กัลยณัฏฐ์เดินมาถึงหน้าปากซอยก็พอดีกับที่มีรถโดยสารประจำทางมาจอด มีนักเรียนหลายคนรออยู่ก่อนแล้ว พอรถแล่นมาจอดต่างก็พากันวิ่งขึ้นจนที่นั่งเต็ม เธอมองนาฬิกาอีกครั้ง ถ้าคำนวณเวลาแล้วรอรถอีกคันก็น่าจะไปถึงโรงเรียนทัน เธอจึงยิ้มให้เด็กท้ายรถแล้ว จากนั้นรถก็แล่นออกไป

หญิงสาวเดินไปซื้อน้ำดื่มจากอาแปะแล้วกลับมานั่งรอยังเก้าอี้ไม้หน้าร้าน มีรถกระบะคันหนึ่งมาจอดตรงบริเวณที่เธอนั่งอยู่ คนขับรถลดกระจกลงแล้วเรียกเธอ

“คุณ” ปุณณวิชญ์กวักมือเรียกหญิงสาว

“ผมกำลังจะไปธุระในเมือง ไปด้วยกันไหมครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรถก็มา” เธอปฏิเสธเพราะไม่อยากให้เขาเสียเวลา

“มาเถอะ มันสายแล้ว ไปถึงโรงเรียนสายผมไม่รู้ด้วยนะ” เมื่อเขาเอาเวลามาอ้าง เธอก็เดินขึ้นรถไปโดยดี

“น้าวิชญ์ไปในเมืองทำไมคะ” เธอถามอย่างนึกสงสัยเพราะตอนเจอกันเมื่อสักครู่เขายังไม่มีท่าทีว่าจะเข้าไปในเมืองเลยสักนิด

“พอดีต้องไปดูไซต์งาน โฟร์แมนโทรมาเมื่อกี้ว่ามีปัญหาเรื่องแบบนิดหน่อย” เขาไม่ได้โกหกว่าจะเข้าไปดูไซต์งาน แต่เรื่องแบบมีปัญหานั้นเขาอ้างขึ้นมาให้ดูน่าเชื่อถือ

“น้าวิชญ์รีบปอเกรงใจจังเลยค่ะ ถ้ายังไงส่งปอที่หน้าตลาดก็ได้ค่ะ ปอเดินลัดไปอีกนิดเดียวก็ถึงโรงเรียนแล้ว จะได้ไม่เสียเวลามากนะคะ เพราะเวลาเช้าอย่างนี้หน้าโรงเรียนรถติดมากค่ะ”

“ผมไม่รีบ ไหนๆ ก็มาแล้วก็อย่างส่งถึงที่ อยากรู้ด้วยว่าคุณสอนที่โรงเรียนไหน”

“ก็ได้ค่ะ แล้วอย่ามาบ่นทีหลังนะคะ” กัลยณัฏฐ์บอกทางไปโรงเรียนให้คนขับรถจำเป็น

“คุณเลิกงานกี่โมง”

“โรงเรียนเลิกสี่โมงเย็นค่ะ ครูต้องกลับห้าโมงเย็นค่ะ แต่ช่วงนี้มีซ้อมเชียร์บางวันก็กลับช้ากว่าปกติ” เธอตอบโดยไม่ได้คิดอะไร

“ครับ” เขารับคำโดยไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นก็จอดรถให้เธอลงบริเวณหน้าโรงเรียนที่คราคร่ำไปด้วยรถของผู้ปกครองและรถรับส่งนักเรียนจอดเรียงกันเป็นแถวยาว

“ขอบคุณค่ะน้าวิชญ์” เธอยกมือไหว้อย่างที่ทำทุกครั้ง จนเขารู้สึกเหมือนว่าตังเองกำลังมาส่งลูกที่โรงเรียน พอพูดถึงลูกเขาก็ย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาเห็นที่โฮมสเตย์ความไม่สบายใจก็กลับมากัดกินหัวใจอีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel