17 ได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าถาม
พอกัลยณัฏฐ์กลับมาถึงบ้านเธอก็รีบอาบน้ำ ตรวจการบ้านอย่างรวดเร็ว เธอไม่ลืมที่จะหยิบหนังสือเล่มใหม่ที่พึ่งได้มาติดมือไปด้วย หนังสือเล่มนี้เธอเคยไปถามที่ร้านหนังสือในเมือง แต่พนักงานแจ้งว่าทางร้านไม่ได้นำมาขายเพราะเป็นหนังสือเฉพาะที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้อ่าน พนักงานยังแนะนำให้เธอไปซื้อที่ร้านหนังสือใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ หรือที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
หญิงสาวเตรียมออกจากบ้านเธอก้มลงหยิบรองเท้า พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจ หนังสือในมือร่วงไปกองกับพื้น
“น้าวิชญ์” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆ
“ผมเอง คิดว่าเป็นผีเหรอ” คนถามหัวเราะเพราะตอนนี้ใบหน้าเธอซีดแม้มองในความมืดก็ยังเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่สวยนั้น
“เปล่าค่ะ เพียงแต่ไม่คิดว่าน้าวิชญ์จะมาทำอะไรที่นี่”
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ แม่คุณให้ผมมาตามเห็นว่าจะไปนอนกับท่านแล้วไม่ไปสักที่ โทรมาคุณก็ไม่รับ” หญิงสาวล้วงโทรศัพท์อออกจากประเป๋ากางเกงวอร์มขายาวที่เธอใช้เป็นชุดนอน
“ตายจริง ปอลืมเปิดเสียง” เธอมองโทรศัพท์ในมือที่มีสายไม่ได้รับจากมารดา 4 สาย และจากผู้ชายคนนี้อีก 2 สาย
“นั่นไง แม่คุณจะกำลังจะเดินมาตามเพราะเห็นว่าดึกแล้วคุณยังไม่ไปตามที่บอกท่านไว้ ผมเลยอาสามาตามให้”
“แล้วน้าวิชญ์มาทำอะไรที่โฮมสเตย์คะ ดึกแล้วยังไม่กลับอีก”
“ก็เพราะดึกแล้วน่ะสิ ผมเลยมาขอค้างที่โฮมสเตย์เพราะขี้เกียจขับรถกลับกรุงเทพฯ”
“อ้าว น้าวิชญ์ไม่ได้พักในเมืองกับหนูดีหรอกเหรอคะ”
ชายหนุ่มส่ายหัว เขาช่วยเธอปิดประตูรั้ว ล็อกกุญแจเรียบร้อย จากนั้นก็พากันเดินมายังโอบรักโฮมสเตย์
“บ้านเช่าในตลาดมี 2 ห้องนอนผมเองเลยไม่ได้อยู่ด้วย แต่ก็แวะหาหนูดีกับพี่ษาก่อนมาที่นี่ทุกครั้ง อันที่จริงผมน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ว่าพักที่โฮมสเตย์ของคุณดีกว่า ขับรถไปกลับถึงมันไม่ค่อยไกล แต่บางทีก็ไม่อยากขับรถกลางคืน” เขาพูดไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง เธอเองเริ่มเช้าใจแล้วว่าทำไมพิจิกาถึงบอกว่าชอบคุยกับน้าชาย บางทีก็คุยจนหลับ เขาคงเป็นผู้ใหญ่ใจดี อย่างที่หลานสาวของเขาชอบมาเล่าให้ฟัง ดูอย่างวันนี้เขาก็มีน้ำใจเดินมาตามเธอถึงที่บ้านๆ ทั้งที่มาเป็นแขกของโฮมสเตย์
เหมือนชายหนุ่มจะผิวคล้ำขึ้นจากที่เจอกันวันแรก คงเพราะมาคุมงานปรับปรุงบ้านด้วยตนเองแต่นั่นไม่ทำให้ความหล่อลดลงเลยแม้แต่น้อย กัลยณัฏฐ์แอบมองคนตัวโตที่เดินอยู่เคียงข้างและอดคิดไม่ได้ว่าเธอเป็นเพียงเพื่อนต่างวัยของหลานสาว เขายังมีน้ำใจขนาดนี้ ถ้าใครได้ผู้ชายคนนี้ไปเป็นแฟนก็คงโชคดี
“หน้าผมมีอะไรติดเหรอ” อยู่ๆ เขาก็หันมาถาม ทำเอาคนแอบมองสะดุ้งสุดตัว
เธอรีบสั่นศีรษะ “เปล่าค่ะ เพียงแต่ปอกำลังดูว่าน้าวิชญ์กับหนูดีก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้าง” เธอเฉไฉเอาตัวรอด
พอทั้งสองเดินมาถึงโฮมสเตย์กัลยาก็ยืนรออยู่แล้ว ชายหนุ่มขอตัวเข้าห้องพัก ปล่อยให้สองแม่ลูกนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก
“ปอ ยังไม่ง่วงอีกเหรอ” กัลยาถามลูกสาวที่นั่งอ่านหนังสือตั้งแต่มาถึง
“ยังเลยค่ะแม่ พึ่งจะสามทุ่มเองปอว่าจะอ่านหนังสืออีกสักหน่อยแล้วค่อยไปนอน แม่ไปนอนก่อนเถอะค่ะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“งั้นก็ตามใจจ้ะ แม่ไปนอนก่อนแต่อย่าให้ดึกมากนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีแรงไปสอนเด็กๆ”
“ค่ะแม่ ปอรักแม่นะคะ” หญิงสาวสวมกอดมารดาแล้วเดินไปส่งที่ห้องนอน
คงเป็นเพราะแปลกทำปุณณวิชญ์นอนไม่หลับเขาเปิดประตูออกมจากห้องก็ยังเห็นกัลยณัฏฐ์นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เดิมตั้งแต่หัวค่ำ เขาเดินมานั่งบนเบาะตรงข้าม มีแต่โต๊ะญี่ปุ่นกั้นกลางเท่านั้น หญิงสาวเงยหน้ามองแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ชายหนุ่มหยิบหนังสือที่ตัวเองถือติดมือมานั่งอ่านอย่างเงียบๆ แม้ไม่มีการพูดคุย แต่หญิงสาวกลับรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดที่มีคนตัวโตอยู่ใกล้ๆ
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ สองหนุ่มสาวยังอยู่ที่เดิม อีกคนยังคงอ่านหนังสือส่วนอีกคนก็ล้มตัวไปนอนตั้งแต่เมื่อไหร่เธอเองก็ไม่ทันสังเกต กัลยณัฏฐ์มองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์ก่อนที่จะเอื้อมมือไปแตะแขนชายหนุ่มเบาๆ
“น้าวิชญ์คะ” เธอเรียกเบาๆ
ชายหนุ่มขยับตัวแต่ไม่ทีท่าจะตื่น เธอลองเขย่าแขนอีกครั้งเขาก็ยังนอนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าปล่อยให้นอนอยู่อย่างนี้ถึงเช้ามีหวังได้เป็นไข้เลือดออกกันพอดีเพราะยิ่งดึกยุงก็ยิ่งเยอะ หญิงสาวพับหนังสือเก็บแล้วถอนใจ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับผู้ชายตัวโตตรงหน้า เธอนึกได้ว่ามีมุ้งอยู่ในห้องเก็บเครื่องนอนจึงรีบเดินไปเอา
“จะทิ้งให้ผมนอนอยู่อย่างนี้จริงๆ เหรอ” เขาถามขึ้นเมื่อเห็นเธอกำลังจะเดินออกไป หญิงสาวรีบหันมาทันที
“ตื่นแล้วเหรอคะ ปอนึกว่าจะนอนถึงเช้าเลยว่าจะไปเอามุ้งมากางให้” เธอตอบตามจริง
“ผมไม่ได้หลับ แค่พักสายตา” เขาตอบอย่างคนอารมณ์ดี
“แล้วทำไมเรียกไม่ตื่นล่ะคะ”
“ผมก็แค่อยากรู้ว่า คุณจะทำยังไงถ้าผมจะนอนอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้รู้แล้วผมไปนอนก่อนนะ” เขาพูดจบก็เดินตัวปลิวไปยังห้องพักของตนเองทันที ทิ้งให้อีกคนมองตามอย่างคาดโทษ
“ไอ้เราก็เป็นห่วงกลัวยุงกัด รู้งี้ปล่อยให้นอนถึงเช้า” เธอบ่นกับตัวเอง แม้จะไม่พอใจอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายนักเพราะมีเขานั่งเป็นเพื่อนเธอจึงอ่านหนังสือได้นานกว่าปกติ
คืนนี้เป็นคืนที่สองปุณณวิชญ์พักอยู่ที่โอบรักโฮมสเตย์ ทำให้เขาได้ทีโอกาสเจอกับปองพลและปราณีในช่วงหัวค่ำ แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะเขาเองรีบเข้าห้องพักเนื่องจากต้องตรวจแบบอาคารพาณิชย์อย่างละเอียดอีกครั้งก่อนเริ่มงานในสัปดาห์หน้าพอตรวจแบบเสร็จก็มองไปยังนาฬิกาบนฝาผนังในห้องอีกที่ก็เกือบจะล่วงเข้าวันใหม่ พรุ่งนี้เขาต้องเช็คเอาท์เพราะต้องเข้ากรุงเทพๆ ตั้งแต่บ่าย ครั้นจะเช่าห้องไว้ตลอดก็เกรงใจครูกัลยา พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์แขกน่าจะเข้าพักกันจนเต็ม แม้เขาจะจ่ายค่าเช่าแต่ก็เป็นราคาที่กัลยาลดให้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องเพื่อยืดเส้นยืดสาย เขามั่งมองไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าแล้วรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้นั่งอยู่เงียบๆ แบบนี้ ขณะกำลังจะเดินกลับห้องเขาก็เห็นคนเดินออกมาจากห้องพักด้านหน้าสุดที่ติดริมทางเข้า ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าห้องนั้นเป็นห้องของใคร เพราะเมื่อตอนเย็นเห็นมีคนมาติดต่อขอเข้าพักอยู่ 2คน เขากำลังจะหันหลังกลับเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ก็ต้องหยุดสายตาไว้ที่ชายคนนั้น เพราะนอกจากจะคุ้นตาแล้ว ชายคนนั้นเหลียวซ้ายแลขวาอย่างคนทำความผิด ก่อนที่จะเดินไปห้องพักห้องในสุด เขาจำได้ทันทีที่ชายสูงวัยคนนั้นหมุนตัวก่อนเปิดประตูห้องเข้าไป ผู้ชายคนนั้นไม่เห็นเขาที่ตอนนี้หลบอยู่หลังชั้นวางกาต้มน้ำร้อนและถ้วยกาแฟ
ปุณณวิชญ์ค่อนข้างแน่ใจว่าผู้ชายที่เขาเห็นคือปองพลพ่อของกัลยณัฏฐ์ แต่ที่ไม่เข้าใจคือพ่อของเธอเดินออกมาจากห้องใคร แล้วห้องที่เดินกลับเข้าไปคือห้องใคร บางมีพ่อของเธออาจแค่เดินไปคุยกับแขกที่มาพักก็อาจเป็นได้ แต่ท่าทางที่มีพิรุธนั้นทำให้เขาต้องหาคำตอบ
“น้ากัลยา ตื่นเช้าจังนะครับ” ปุณณวิชญ์ว่าตัวเองตื่นเช้าแล้วแต่พอเดินออกมาจากห้องก็เห็นกัลยาเจ้าของโอบรักโฮมสเตย์กำลังจัดคุกกี้ใส่ขวดโหล
“ว่าแต่น้า วิชญ์ก็ตื่นเช้าเหมือนกัน เป็นยังไงบ้างหลับสบายดีไหม”
“สบายดีครับ น้ากัลยาล่ะครับ” เขาถามออกไปแล้วก็นึกขำกับคำถามตัวเอง
“น้าก็หลับสบาย เมื่อคืนทานยาลดน้ำมูกไปด้วยหลับยาวถึงเช้า” เมื่อได้ฟังคำตอบชายหนุ่มก็มานึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน ถ้าน้ากัลยาบอกว่าหลับยาวถึงเช้าคงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เธอหลับ
“แล้วนี่น้าพลไปไหนแล้วครับ ยังเช้าอยู่เลย” เขาอยากเห็นหน้าปองพลอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“น้าเค้าไปสวนแต่เช้าแล้วจ้ะ สายๆ จึงกลับมาทานข้าว วิชญ์มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ พอดีผมเห็นว่ายังเช้า นึกว่าจะยังไม่ออกไปสวน”
กัลยาพยักหน้ารับรู้แล้วทั้งสองก็จบบทสนทนาเมื่อแขกที่เข้าพักเมื่อวานเดินเข้ามา
