บท
ตั้งค่า

16 ของฝาก

เย็นวันนั้นปุณณวิชญ์ขับรถออกจากบริษัทก็ตรงไปยังห้างสรรพสินค้า เมื่อหาที่จอดรถได้แล้วก็ตรงไปยังแผนกขนมที่นำเข้าจากที่ต่างๆ ทั่วโลก วันก่อนพิจากาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนๆ สั่งขนมจากเพจร้านค้าในเฟสบุ๊กมาทานที่โรงเรียน เธอจึงอยากสั่งมาทานบ้างแต่ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่บ้านเช่านานแค่ไหน จึงขอให้ของมาส่งที่บริษัท ที่เขาทำงานอยู่ เมื่อเขาเห็นเพจที่หลานสาวบอกก็นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นขนมหน้าตาแบบนั้นผ่านตาอยู่บ้าง จึงอาสามาหาซื้อให้เองเพราะมั่นใจว่าจะเป็นขนมที่นำเข้าจากต่างประเทศจริงๆ และพิจิกาก็จะได้ทานขนมโดยไม่ต้องรอ

“สวัสดีค่ะน้าวิชญ์” เสียงสดใสกับใบหน้ายิ้มแป้นทำให้เขาอดยิ้มตามไม่ได้

“หนูดีจะเอาขนมอะไรบ้าง เดี๋ยวน้าเปิดกล้องหลังนะ ถ้าหนูจะเอาอันไหนก็เลือกเลย” ชายหนุ่มสลับกล้องในโปรแกรมไลน์ให้เป็นโหมดกล้องหลัง แล้วให้พิจิกาเลือกขนม

เด็กสาวเลือกขนมเพียง 3 อย่างแล้วก็บอกว่าพอแล้ว เขารู้ว่าเธอเกรงใจ ดังนั้นพอวางสายแล้วเขาก็เลือกขนมเพิ่ม4 อย่าง อย่างละ 2 ชุด จนขนมเต็มตะกร้าจากนั้นก็เดินมาชำระเงิน

“แยกเป็น 2 ถุงนะครับ” เขาบอกพนักงานถุงแรกของหลานสาว อีกถุงสำหรับกัลยณัฏฐ์ที่เขาให้เหตุผลว่าเอ็นดูเธอเหมือนกับพิจิกา

เมื่อเดินผ่านร้านขายหนังสือที่มีทั้งหนังสือและเครื่องเขียนอยู่ในร้านเดียวกัน เขาเห็นลูกโลกจำลองแล้วก็อดนึกไปถึงวันที่เจอกับหญิงสาวครั้งแรกไม่ได้ มารู้ตัวอีกทีเขาก็เดินเข้ามาอยู่ในร้านแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินเลือกปากกาลายการ์ตูนน่ารักๆ ที่คิดว่าหลานสาวจะชอบ

งานรีโนเวทบ้านของเขาก้าวหน้าไปมาก ตอนนี้ช่างปูกระเบื้องบนหลังคาจนเต็มแล้ว ส่วนห้องนอนและห้องน้ำก็กำลังทาสีผนัง เมื่อเขามาคุมงานเอง จึงไม่มีใครแอบอู้งาน เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าชายหนุ่มเป็นคนจริงจังและเคร่งครัดกับการทำงานมากแค่ไหน แต่ถ้านอกเวลางานไปแล้วก็เป็นคนใจดีคนหนึ่ง อย่างวันนี้เขาก็แวะตลาดซื้อกลับแกล้มมาฝากถุงใหญ่ พร้อมทั้งให้เงินหัวหน้าคนงานไปซื้อเครื่องดื่มมานั่งกินกันหลังเลิกงาน

คนงานทั้งหมดสร้างเพิงเล็กๆ ภายในบริเวณบ้านบางคนก็เป็นคนในพื้นที่ใกล้ ๆ ซึ่งเขามักจะให้หัวหน้าคนหาคนในพื้นที่มาเพิ่มทุกครั้งที่ไปทำงาน เพราะจะได้รู้ความเป็นไปของคนในพื้นที่และยังเป็นหูเป็นตาให้กับเขาได้อีกด้วย บางคนอาจไม่ชอบแนวคิดของเขานักเพราะยากต่อการควบคุม แต่เขากลับคิดว่าการให้โอกาสคนในพื้นที่ได้ทำงานก็เป็นการสร้างรายได้เพิ่ม ลดความเกลียดชังที่อาจเกิดขึ้น ถ้าเขานำแต่คนต่างถิ่นเข้ามาทำงาน

กัลยณัฏฐ์ขับรถกลับจากโรงเรียนมาตามเส้นทางปกติที่ผ่านทุกวัน พอมาถึงบ้านของพิจิกาก็ต้องจอดเพราะตอนนี้ข้างหน้ามีรถกระบะจอดขวางทางอยู่ เธอมองซ้าย มองขวา เผื่อว่าจะเห็นเจ้าของรถ แต่รอสักพักก็ยังไม่เห็นใครสักคน

ปริ๊น ปริ๊น เธอตัดสินกดแตรรถ

ปุณณวิชญ์ชะเง้อมองไปยังต้นเสียงก็เห็นรถยนต์คันเล็กสีขาวจอดต่อจากรถกระบะ

“ผมไปเองพี่” ปุณณวิชญ์บอกกับกลุ่มคนงานที่กำลังตั้งวงดื่มเหล้ากันอยู่ใต้ต้นมะม่วงอย่างครึกครื้น

“สวัสดีค่ะน้าวิชญ์ รถน้าวิชญ์เหรอคะ รบกวนขยับรถให้ปอหน่อยค่ะ” สรรพนามแทนตัวเองจากฉันเปลี่ยนไปเป็นชื่อตัวเองอย่างที่หญิงสาวใช้เวลาพูดกับคนสนิท ปุณณวิชญ์ยิ้มมุมปาก แต่เขาเลือกที่จะเงียบไม่แสดงความรู้สึกหรือพูดอะไรออกมาให้เธอรู้สึกเคอะเขิน

“ได้ครับ แต่รอแป๊บนะครับเดี๋ยวผมเข้าไปเอากุญแจก่อน” เมื่อสักครู่เขารีบวิ่งออกมาดูว่าเป็นรถคันที่เขารออยู่หรือเปล่า ปกติรถกระบะของคนงานจะมีที่จอดประจำไม่ได้จอดขวางทางอย่างวันนี้ แต่เพราะเขาอยากเจอหญิงสาวตรงหน้ามากกว่าจึงนำรถไปจอดขวาง หลังจากที่เห็นเธอขับผ่านเวลานี้มาสองวันแล้ว

รอเพียงไม่นานปุณณวิชญ์ก็เดินถือถุงพะรุงพะรังออกมาจากใต้ถุนบ้าน กัลยณัฏฐ์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขาเดินอ้อมมายังฝั่งที่นั่งข้างคนขับเปิดประตูแล้ววางถุงทั้งหมดลงบนเบาะ

“อะไรคะน้าวิชญ์”

“หนังสือน่ะ พอดีผมเห็นว่าคุณกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ เมื่อวานผมไปศูนย์หนังสือจุฬาฯ แล้วเห็นวางขายอยู่เลยถือโอกาสซื้อมาให้”

“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้

“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองแก่ยังไงก็มารู้”

“ผู้ใหญ่ให้ของเราก็ต้องไหว้สิคะ แต่ไม่ได้ไหว้เพราะน้าวิชญ์แก่สักหน่อย หรือน้าวิชญ์ยังเคืองที่ปอเรียกน้าวิชญ์ว่าลุง”

“เปล่าๆ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น เพียงแต่มันยังไม่ชิน” เขารีบแก้ตัวเพราะกลัวเธอเข้าใจผิด

“จริงๆ น้าวิชญ์ก็ยังไม่แก่ขนาดนั้นหรอกนะคะ เพียงแต่น้าวิชญ์เป็นน้าของหนูดี ปอก็ต้องเรียกว่าน้า ตามที่หนูดีเรียกค่ะ ไม่มีอะไรมาก” เธอหัวเราะ

“ก็จริงนะครับ ผมน่ะยังไม่แก่เลยดูสิหน้ายังไม่มีตีนกาสักนิด” ชายหนุ่มยื่นหน้ามาใกล้ ทำเอาคนตัวเล็กที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรู้สึกใจเต้นแรงกว่าปกติ

ทั้งสองคนคุยกันอีกสักพักเธอก็ขอตัวกลับเพราะยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ ระหว่างทางก็เหลือบมองถุงที่วางอยู่ที่ไม่ใช่เพียงหนังสือแต่ยังมีขนมอีกหนึ่งถุงใหญ่

“สงสัยเห็นเราเป็นหนูดี” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง

เมื่อเก็บของทุกอย่างลงจากรถแล้วกัลยณัฏฐ์ก็รีบเดินไปหาบิดามารดาที่โอบรักโฮมสเตย์อย่างที่เคยทำ เพียงแต่วันนี้ใบหน้านั้นระบายไปด้วยรอยยิ้ม

“สวัสดีค่ะน้าณี” เธอยกมือไหว้ทักทาย แม้ปราณีจะเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลโฮมเสตย์แต่หญิงสาวก็เคารพเธอเสมือนญาติคนหนึ่ง

“สวัสดีจ้ะหนูปอ” ปราณีรับไหว้

“น้าณีจะไปไหนคะ ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนล่ะคะ” ปกติปราณีจะทานข้าวเย็นกับครอบครัวเธอเป็นประจำ และบางครั้งก็จะพักยังห้องพักที่มารดาเธอจัดไว้ให้ เพื่อความสะดวกในกรณีที่มีแขกมาเข้าพักเวลากลางคืน แต่ก็ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่นัก

“น้าจะกลับบ้านจ้ะหนูปอ ไม่ได้กลับเสียหลายวันเลย พอดีวันนี้แขกเช็คเอาท์หมดกันตั้งแต่บ่าย”

“ช่วงนี้น้าณีคงเหนื่อยแย่เลย ทั้งปอทั้งหนูดีไม่มีใครมาช่วยสักคน” กัลยณัฏฐ์กล่างอย่างเห็นใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ งานไม่ได้หนักอะไร แขกที่นี่น่ารักไม่เรื่องมากเหมือนที่น้าเคยเจอตอนทำงานที่โรงแรม” ปราณีนั้นเคยทำงานที่โรงแรมในตัวเมืองมาก่อน แต่พอแม่ของเธอไม่สบายมากเธอจึงลาออกมาดูแลแม่และรับจ้างเล็กๆ ตามแต่ที่คนจะจ้าง พอโอบรักโฮมสเตย์ของครูกัลยาเริ่มเป็นที่รู้จักและมีจำนวนแขกที่มาพักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กัลยาจึงต้องประกาศรับสมัครคนมาช่วย เพราะปองพลผู้เป็นสามีนั้นก็ต้องเข้าไปดูแลสวนผลไม้ที่มีอยู่อีกหลายไร่ นับตั้งแต่ตอนนั้นปราณีก็ทำงานที่โอบรักโฮมสเตย์แห่งนี้มาเกือบ 2 ปีแล้ว

“ขอบคุณมากนะคะน้าณีถ้าไม่ไหวจริงก็บอกนะคะ จะได้ให้แม่หาคนมาช่วย”

“ตอนนี้น้ายังไหวคะ น้าไปก่อนะคะ” เธอเอ่ยลาหญิงสาว

“แม่ค่ะ วันนี้มีอะไรทานบ้างหิวจังเลย” กัลยณัฏฐ์เดินเข้ามายังบริเวณกลางห้องรับแขกพร้อมกับเอามือลูบท้อง

“มีหลายอย่างเลย มีน้ำพริกไข่ปูกับผัดสดๆ ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ต้มยำปลาช่อน แล้วก็ปิดท้ายด้วยสาคูแคนตาลูปนมสดจ้ะ”

“แล้วพ่อล่ะคะ”

“พ่อไปช่วยงานบวชลูกชายเพื่อนที่บางคนทีจ้ะ”

“แม่ไม่ไปด้วยเหรอคะ หรือว่ารอทานข้าวกับปอ”

“เปล่าจ้ะลูก นานๆ ทีพ่อเค้าจะได้เจอเพื่อนแม่เลยไม่อยากให้ต้องรีบกลับมาส่งแม่ ให้พ่อเค้านอนที่นั่นเลยตอนเช้าก็จะได้ช่วยงานต่อ พอพระเข้าโบสถ์แล้วค่อยกลับ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา”

“งั้นเราทานข้าวกันเถอะค่ะแม่ เดี๋ยวปอจะกลับไปอาบน้ำแล้วจะรีบมาอยู่เป็นเพื่อนแม่นะคะ น้าณีก็ไม่อยู่” อันที่จริงกัลยาก็อยู่คนเดียวได้ แต่รู้ว่าถ้าห้ามหญิงสาวไปก็คงจะไม่ยอมฟังจึงได้แต่พยักหน้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel