๗ เกิดเรื่องจนพานพบ (๓)
‘ผมกับแพรเป็นแฟนกันครับคุณแม่’ ใบหน้าหวานก้มลงมองพื้น เธอกำมือไว้หน้าขาตัวเองแน่น หัวใจเต้นระส่ำกับสายตาที่กล่าวโทษซึ่งจ้องมองมาอย่างไม่ปิดบัง คิดว่าอาจโดนไล่ตะเพิดไปแล้วแต่สิ่งที่แม่ของเขาทำกลับเป็นการตอบเสียงเรียบ
‘ดูไปก่อนแล้วกัน จะคบค่อยว่ากันอีกที’ นั่นคือการไม่ยอมรับหล่อนทราบดี
‘ผมชวนแพรมากินข้าวที่บ้าน คุณแม่กับคุณพ่อจะ...’ ดูเหมือนว่าลูกชายเพียงคนเดียวจะไม่ยอมแพ้ เขาเองก็กลัวไม่แพ้กันดูจากการที่บีบไหล่เธอแน่นขึ้นโดยที่ชายหนุ่มก็คงไม่รู้ตัว เพชรแพรวาทำได้เพียงปิดปากเงียบสนิท กลัวแทรกไปแล้วทำให้บรรยากาศแย่กว่าเดิม
‘แม่มีธุระข้างนอก คงร่วมโต๊ะด้วยไม่ได้’ แล้วคุณโสมสุดาก็เดินออกจากห้อง มีเพียงความเงียบที่ท่านทิ้งเอาไว้ พร้อมเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่มีทางยอมรับเธอเป็นหนึ่งในครอบครัวเด็ดขาด
ตอนนั้นเองที่เธอรู้แล้วว่าไม่มีทางที่คีรีภัทรจะสมหวัง
เธอวันหนึ่งเธอรักเขา แต่ครอบครัวของชายหนุ่มจะเป็นอุปสรรคใหญ่ในชีวิตรักของเรา ลงท้ายคงต้องเลิกรา
หากเป็นเช่นนั้นสู้ไม่เริ่มตั้งแต่แรกยังดีกว่า...
“เฮ้อ ทำไมมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้” ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะลุกยืนเต็มความสูงเพื่อเดินกลับเรือนนอนของตัวเอง กลุ่มแม่บ้านที่ไปเที่ยวงานวัดยังไม่กลับ เธอเข้าไปดูป้าสมใจก็นอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาเรียบร้อย
หญิงสาวก็คงต้องไปพักผ่อนบ้างเพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน งานบัญชีค่อนข้างเครียดกับตัวเลข แต่เงินเดือนที่ได้ก็คุ้มค่าเหนื่อย หล่อนจึงทุ่มเทเวลาให้งานหลัก แล้วทำงานฝีมือเป็นงานอดิเรกหารายได้เสริมในบางครั้ง เพราะเงินเก็บตอนนี้ก็มีถึงห้าหลักอย่างไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะทำได้
ถึงหกหลักเมื่อไหร่จะออกจากบ้านหลังใหญ่ แล้วชวนป้าสมใจไปสร้างครอบครัวด้วยกันสองคน แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว...
“อื้อ!!” กำลังจะเปิดประตูห้องนอนกลับถูกปิดปากจากทางด้านหลัง พร้อมกอดรัดเอวของหล่อนแน่นจนดวงตากลมเบิกกว้าง ดิ้นไปมาเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น ได้ยินเสียงทุ้มที่ทราบดีว่าเป็นใครก็ยิ่งนึกขยะแขยงมากกว่าเดิม กลิ่นแอลกอฮอล์โชยออกมาจนเธอพยายามเบี่ยงหน้าหลบ
“จะไปไหนล่ะครับคนสวย เจอกันตั้งหลายครั้งแล้วไม่คิดจะทักทายกันหรือไง” น้ำเสียงกับการกระทำรู้ดีว่าเขาคงเมามาก แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาตอนไหนแล้วมาได้อย่างไร
นภานรีไปอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว ส่วนณพลก็หายไปเช่นเดียวกันซึ่งทำให้หล่อนดีใจเป็นอย่างมาก หรือหากเขาแวะมาบ้านก็ถูกคุมเข้มจากเพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อ จนแทบไม่ได้เจอหน้ากัน
สบโอกาสวันนี้เห็นหล่อนอยู่คนเดียว อีกทั้งนภานรีก็เมาจนหลับไม่เป็นท่าบนตึกใหญ่ เขาที่พอได้สติก็รีบเข้ามาหานางในดวงใจหมายจะรวบรัดให้เธอเป็นของตน เรื่องทุกอย่างมันจะได้จบเสียที
“ปล่อย ถ้าไม่ปล่อยฉันจะตะโกนให้คน...อื้อๆๆๆ” สลัดมือเขาจนหลุดแต่ยังคงถูกกอดเอวเอาไว้ หญิงสาวคิดจะตะโกนให้คนช่วยแต่กลัวมีผ้ามาปิดปากหล่อนเอาไว้ก่อน ไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มใช้มือเพียงข้างเดียวจะรัดปมผ้าได้จนแน่น โดยมืออีกข้างกอดเอวคอดเอาไว้ไม่ให้วิ่งหนีไปเสียก่อน
เขาคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการสอดใส่เพื่อให้หล่อนเป็นของตน การเล้าโลมไม่สำคัญอีกต่อไป ขอเพียงแค่เขาได้เธอมาครอบครองก็พอแล้ว
“จะรีบร้องไปทำไมกัน เรายังไม่ได้มีความสุขด้วยกันเลยนะ มามีความสุขด้วยกันดีกว่า มีแฟนแล้วไม่ใช่หรือไงก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าตอนโดนมันรู้สึกดีแค่ไหน ผมจะเป็นคนช่วยคุณเอง” ผลักร่างบางลงบนพื้นหญ้า ไม่เสียเวลากระทั่งจะเข้าห้องนอนด้วยซ้ำ ก่อนจะปลดเข็มขัดออกอย่างรวดเร็ว เธอเห็นอย่างนั้นก็ดิ้นพล่าน
“อ่าย อ่าย อ่วยอ้วย อ่วยอ้วยยยยย!” ถึงจะโดนมัดปากก็พยายามร้องขอความช่วยเหลือ ภาวนาให้แม่บ้านกลับมาสักที
แขนสองข้างของเธอถูกตรึงไว้เหนือศีรษะ ขณะที่ขาก็ถูกอีกฝ่ายทาบทับ ณพลใช้มือข้างเดียวปลดกระดุมกางเกงแล้วรูดซิปลง การกระทำทุกอย่างผ่านไปในเวลาอันรวดเร็ว เขาคิดว่าอย่างไรหล่อนก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว
“อย่าร้องเลยน่า กำลังจะมีความสุขแล้วล่ะ” จัดการดึงกางเกงลงมาครึ่งขา แล้วงัดความเป็นชายที่แข็งขืนออกมาเช่นเดียวกัน หล่อนส่ายหน้าไม่สนใจว่านอนบนพื้นดิน น้ำตาคลอเบ้าไหลออกทางหางตา ใช้แรงทั้งหมดเพื่อจะถีบเขาออกไปแต่ยังไม่เป็นผล
“โอ๊ย! อีนี่กูบอกให้อยู่เฉยไงวะ!” เมื่อจัดการตัวเองแล้วก็เลือกจะปลดกระดุมกางเกงของร่างบาง เธอกรีดร้องในลำคอเพราะเสียงไม่อาจออกไปได้ หญิงสาวเลือกจะใช้มือที่ถูกตรึงไว้เหนือศีรษะกำดินบนพื้น ก่อนจะปาใส่ชายหนุ่มโดยที่ตัวเองหลับตาแน่นเกรงจะโดนลูกหลง
เขาเผลอปล่อยมือของเธอเป็นอิสระ เพชรแพรวาไม่รอช้ารีบกำดินปาใส่สาเขาอีกรอบไม่ให้พลาด แล้วผลักร่างหนาออกห่างก่อนจะเตะเข้าที่แก่นกลางชายเต็มลำจนอีกฝ่ายถึงกับจุกลุกไม่ขึ้น เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็วิ่งไปทางหน้าบาน
หญิงสาวใช้มือกลัดกระดุมกางเกงให้เรียบร้อยดังเดิม “อ่วยอ้วย ฮือ...” ร้องไห้จนน้ำตาเปื้อนใบหน้า ใช้มือปาดน้ำตาไม่สนใจว่าทำให้หน้าตัวเองสกปรก เธอวิ่งไม่คิดชีวิตเพื่อหนีจากปีศาจร้ายตนนั้นมาทางหน้าบ้าน ไม่ได้แกะผ้าที่มัดปากเอาไว้ออกด้วยซ้ำ
กระทั่งชนเข้ากับบางสิ่งเข้าอย่างแรง แล้วมือหนาก็โอบประคองร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน เธอจึงเงยหน้าขึ้นสบดวงตาคม จำได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร
เพลิงรพี...
“เธอ...” ชายหนุ่มตกใจเป็นอย่างมากแต่ไม่ได้แสดงอาการออกไป มีเพียงเรียกหล่อนเสียงเบาในลำคอ จ้องดวงหน้าหวานที่มีดินเปื้อนแล้วยังร้องไห้สะอื้นตัวโยน ที่สำคัญมีผ้าปิดปากจนเขาต้องแกะผ้านั้นออกให้อย่างเบามือ
“ฮึก” เธอร้องไห้ไหยุดแล้วเงยหน้ามองเขาอย่างน่าสงสาร หญิงสาวสะอื้นตัวโยนจนร่างหนาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อน พลันได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากทางที่เธอเพิ่งวิ่งมาก จึงรีบเดินมายืนบังเธอเอาไว้พร้อมกับมองหน้าชายที่วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมือสองข้างกุมเป้าไว้พร้อมใบหน้าเจ็บปวด
“หยุด บอกให้หยุดไงวะ!”
