ตอนที่ 12 แปลงโฉม (J.W.)
เฮ้อ!!
ทำยังไงก็ไม่ยอมหลุดออกจากหัวเลย...จูบนั่น...
ทำไมเขาถึงจูบฉัน?
แล้วทำไมฉันถึงไม่ลืมมันเนี่ย!!!
โอ๊ย!! ฉันที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่รุ่นพี่แทนไททำ ได้แต่ยีหัวตัวเองแรงๆ และฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
“เจ เจ!”
“อะไร!!” ฉันเงยหน้าขึ้นมองแพรวา เสียงเธอเรียกดังลั่น แถมสายตาเป็นประกายวิบวับอีกต่างหาก จะลากฉันไปไหนอีกล่ะสิ
“ไปซื้อชุดกัน คืนนี้มีปาร์ตี้นะ” แพรวายิ้มให้อย่างร่าเริง
ฉันถอนหายใจเฮือก มือนึงยังพิมพ์คำสั่งลงในแล็ปท็อป รันโค้ดระบบรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ที่กำลังพัฒนา
“ไม่ไป...ไม่ได้เหรอ?” ฉันยู่หน้า ทำสายตาเว้าวอนใส่แพรวา
ฉันไม่อยากไปนี่นา...
“ไม่ได้!” เสียงของแพรวาเข้มขึ้นทันที
“แกน่ะ หัดออกจากร้านคาเฟ่บ้างเหอะ หมกตัวอยู่แบบนี้ เมื่อไหร่จะมีแฟนห๊ะ?”
“ฉันไม่ได้อยากมีแฟนนี่!” ฉันบ่นอุบอิบพลางหลบสายตา
แพรวาทำหน้าบึ้ง ก่อนจะเท้าคางมองฉันเหมือนจะพยายามสะกดจิต
“เจ... แกอย่าทำตัวเป็นแม่ชีสิ หัดปลดปล่อยบ้าง งานนี้สนุกแน่นอน!”
ฉันถอนหายใจยาวอีกครั้ง ก่อนยกมือขึ้นเหมือนยอมจำนน
“โอเคๆ ฉันไปก็ได้ เลิกพูดเรื่องแม่ชีได้แล้ว”
แพรวายิ้มกว้างเหมือนชนะอะไรสักอย่าง
“ดี งั้นไปเลือกชุดกันเลย!”
• • • • • • •
ภายในร้านยูโฟเรีย อะเทลิเยร์ (Euphoria Atelier) ที่เต็มไปด้วยชุดเดรสจากแบรนด์ดังอย่างดิออร์และอมานี่ บรรยากาศในร้านหรูหราและเงียบสงบ แสงไฟอบอุ่นถูกจัดอย่างพิถีพิถัน ทำให้ทุกชุดในร้านดูงดงามราวกับผลงานศิลปะ
แพรวาเดินวนไปรอบร้านอย่างกระตือรือร้น หยิบชุดนั้นชุดนี้ขึ้นมาพิจารณาด้วยความตื่นเต้น
“เจ! แกลองชุดนี้สิ!”
ฉันหันมองเดรสสีแดงสดที่เธอยื่นมาให้ มันสั้นและเปิดเผยเกินไปสำหรับฉัน แม้ว่าเนื้อผ้าจะดูแพงจนสะดุดตา
“ไม่เอา สั้นไป” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“งั้นชุดนี้!” แพรวาชูเดรสคล้องคอสีดำเข้ารูปขึ้นมา ชุดที่ดูเรียบง่ายแต่กลับแฝงความเซ็กซี่อย่างลงตัวด้วยการเปิดเผยแผ่นหลังเนียนขาวถึงกลางหลัง
ฉันจ้องมองชุดในมือนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มันดูสวยและสง่างามเกินกว่าที่ฉันจะกล้าสวมใส่ แต่สายตากดดันของแพรวาทำให้ฉันต้องยอมแพ้
“เฮ้อ...ก็ได้”
ฉันถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบชุดมาจากมือเธอ แล้วเดินเข้าห้องลองชุด
ภายในห้องลองชุดที่เงียบสงบ ฉันเปลี่ยนเป็นเดรสคล้องคอสีดำด้วยความลังเล ก่อนจะยืนมองตัวเองในกระจก ชุดนั้นแนบชิดไปกับร่างอย่างพอดิบพอดี ดีไซน์ที่เรียบง่ายกลับขับเน้นรูปร่างให้โดดเด่น หน้าอกที่ดูอวบอิ่มเผยให้เห็นอย่างพองาม ความยาวของเดรสเหนือเข่าเล็กน้อย โชว์เรียวขาขาวสวย
ฉันหมุนตัวช้า ๆ มองด้านหลังในกระจก แผ่นหลังขาวเนียนที่โผล่พ้นจนถึงกลางหลังทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจ ฉันไม่เคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลย
“เจ! ออกมาเร็ว ๆ ฉันอยากเห็นแล้ว!” เสียงแพรวาตะโกนเร่งเร้าจากด้านนอก
ฉันสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเปิดประตูออกไปช้า ๆ แพรวาตะลึงมองฉันตาค้าง ก่อนจะปรบมือรัวด้วยความตื่นเต้น
“โห เจ! แกดูดีมาก! ชุดนี้เหมือนเกิดมาเพื่อแกเลย!”
“ฉันว่า...มันโป๊ไปนะ” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเล พลางยกมือขึ้นจับชายกระโปรงเบา ๆ
“โนว์ๆๆ กำลังดีต่างหาก!” แพรวายกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมาอย่างขัดใจเมื่อเห็นฉันลังเล
“เฮ้อ แอบแพงนะเนี่ย” ฉันถอนหายใจ มองป้ายราคาชุดด้วยความหนักใจ ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงการซื้อไม่ได้
“โอ๊ย แปดหมื่นกว่าบาท แพงตรงไหน?”
“แกก็พูดได้ดิ ยัยคุณหนูแพรวา!!” ฉันแซะกลับ ขณะที่แพรวาหัวเราะคิกคักชอบใจเหมือนไม่สะทกสะท้าน
ใช่...ยัยแพรวาเป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่โต พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ครอบครัวเธอร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่ครอบครัวฉันธรรมดากว่านั้นมาก
พ่อของฉันเป็นอาจารย์สอนฟิสิกส์ในโรงเรียนมัธยม ส่วนแม่ก็เปิดร้านหนังสือคาเฟ่เล็ก ๆ ที่เรียบง่ายและอบอุ่น ซึ่งนั่นก็เป็นที่อยู่ของฉันเอง
“แหม เจ หยั่มมา! ทำเป็นพูด แกน่ะมีเงินเยอะกว่าฉันอีก!”
แพรวาทำหน้าทะเล้นใส่ ก่อนจะสวนกลับด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ฉันชะงัก
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ไหนจะหุ้นที่แกถืออยู่ ไหนจะอสังหาฯ ที่แกเล่นซื้อมาขายไปเป็นว่าเล่น เงินในบัญชีแก เดือนๆ นึงหมุนเป็นหลายล้านบาท”
ก็จริง ฉันเป็นแบบที่มันว่า ฉันไม่ได้ร่ำรวยจากครอบครัวเหมือนเธอ แต่ฉันมีรายได้จากการลงทุนทั้งในหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นตัวไหนที่ฉันลงไป ก็มักจะได้กำไรเกือบทุกครั้ง ส่วนอสังหาริมทรัพย์ ฉันชอบซื้อบ้านหรือคอนโดมือสองมาปรับปรุงขายต่อ มันสร้างกำไรให้ฉันได้มากจนน่าเหลือเชื่อ
เงินในบัญชีฉันเดือนหนึ่งหมุนเวียนหลายล้านบาท คาเฟ่ของแม่ ต่อให้ไม่มีลูกค้าก็ยังอยู่ได้สบาย ๆ เพราะเงินสนับสนุนส่วนใหญ่ก็มาจากฉันเอง
“โอเค ฉันยอมรับว่าจริง แต่แกก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากฟุ่มเฟือยนี่” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่แพรวาก็ยังคงหัวเราะเหมือนสนุก
“อย่าคิดมากน่าเจ นานๆ ที” พูดจบก็ยักคิ้วให้ฉัน
ฉันถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะยอมเดินไปจ่ายเงินในที่สุด
หลังจากนั้น ยัยคุณหนูแพรวาก็ไม่ปล่อยฉันไปง่าย ๆ เธอลากฉันไปยังร้านทำผมและแต่งหน้าในห้างหรู ความหรูหราของร้านกับกลิ่นหอมละมุนของน้ำหอมที่อบอวลทำให้ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ทีมช่างมืออาชีพเข้ามาจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่ทรงผมยันการแต่งหน้า ฉันปล่อยให้พวกเขาทำงานอย่างชำนาญ โดยมีแพรวาคอยสั่งโน่นสั่งนี่อย่างกระตือรือร้น
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉันยืนมองตัวเองในกระจก และสิ่งที่สะท้อนกลับมาทำให้ฉันถึงกับอึ้ง
นี่คือฉันจริง ๆ เหรอ?
ผู้หญิงในกระจกสวมเดรสสีดำเข้ารูปที่เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างพอดิบพอดี ตัวผ้าเนื้อดีแนบลู่กับร่าง รอยต่อและการตัดเย็บทำให้เดรสดูเหมือนผลงานศิลปะที่สร้างขึ้นมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ
ทรงผมที่เดิมเคยรวบตึงอย่างง่าย ๆ ถูกแปลงโฉมเป็นลอนใหญ่ปลายสะบัดที่ไล่ระดับอย่างเป็นธรรมชาติ ผมเงางามราวกับเส้นไหมถูกปล่อยลงมาระกรอบใบหน้า ทำให้ลุคดูอ่อนหวานแต่แฝงความมั่นใจ
ส่วนใบหน้าของฉัน... โครงหน้าเดิมที่เคยดูจืดชืดกลับโดดเด่นด้วยการแต่งหน้าแบบมืออาชีพ ดวงตาคมโตถูกแต่งด้วยอายแชโดว์โทนสีทองและน้ำตาล พร้อมอายไลเนอร์ที่เพิ่มความคมชัด ขนตางอนยาวจนเหมือนจะสะกดทุกสายตา แก้มมีสีชมพูระเรื่ออย่างพอดี และริมฝีปากทาด้วยลิปสติกสีแดงก่ำที่ทำให้ลุคดูหรูหรา
“นี่...นี่ฉันจริง ๆ เหรอ?” ฉันถามแพรวาด้วยเสียงเบาหวิว
แพรวายิ้มกว้าง ดวงตาเธอเปล่งประกายด้วยความภูมิใจ
“ใช่! นี่แหละ เจ เวอร์ชั่นที่ดีที่สุด! ฉันบอกแล้วว่าชุดนี้เกิดมาเพื่อแก!”
เสียงพูดคุยในร้านที่เคยดังแว่วกลับเงียบลง ฉันหันไปเห็นสายตาของผู้คนในร้าน ทั้งลูกค้าและพนักงาน ต่างหยุดมองฉันด้วยความตะลึง บางคนกระซิบกระซาบกันเบา ๆ
“โห...นั่นใครกัน?”
“สวยจัง...เหมือนดาราเลย”
ฉันหน้าแดงเล็กน้อย แต่ก็แอบรู้สึกดีลึก ๆ แพรวาหัวเราะคิกคักก่อนจะกระซิบใกล้ ๆ หูฉัน
“เห็นมั้ย? แกน่ะ สะกดทุกสายตาเลยน้า~” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์
ฉันได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หวังว่าคืนนี้จะไม่มีปัญหานะ
• • • • • • •
ภายในผับอีคลิปส์ ลักซ์ เลาจน์ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงเพลงจังหวะเร้าใจและแสงไฟหลากสีที่สะท้อนบรรยากาศสนุกสนาน ทุกคนในงานดูเหมือนจะลืมความเครียดจากการเรียนและงานไปชั่วขณะ
ฉันกับแพรวายืนอยู่ตรงหน้าประตู กวาดตามองเพื่อนร่วมคณะที่กำลังสนุกสนานเฮฮากันอย่างเต็มที่ แก้วเครื่องดื่มในมือสลับกับเสียงหัวเราะดังแข่งกับเสียงเพลง
“แพรวา! ทางนี้!” เสียงพลอย เพื่อนร่วมรุ่นตะโกนเรียกพลางยกมือโบก
“ไปเร็วแก!”
แพรวารีบดึงมือฉันเดินตรงไปยังโต๊ะทันที ท่ามกลางสายตาและเสียงฮือฮาของนักศึกษาชายหลายคนที่หันมามองเราตลอดทาง
“เฮ้ย นั่นเจเหรอวะ?”
“โคตรสวย!”
“แม่ง ซ่อนรูปชัด ๆ!”
“เชี่ย มีแฟนยังวะเนี่ย?”
“จีบได้มั้ยวะ”
ฉันพยายามทำหูทวนลม ไม่สนใจเสียงซุบซิบและสายตาที่จับจ้องมาทางฉัน บอกตามตรง มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจหรือเขินอายเลย มีแต่ความเหนื่อยหน่ายที่เกาะกุมอยู่ในใจ
ถ้าเลือกได้ ฉันอยากกลับไปเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดเกมคิงดอม แล้วเข้าสู่โลกที่ฉันคุ้นเคย เข้าไปเผชิญหน้ากับบอสในดันเจี้ยน มากกว่ามาอยู่ในผับที่เต็มไปด้วยแสง สี และเสียงแบบนี้
“แกอย่าทำหน้าเหมือนคนอยากกลับบ้านได้มะ”
แพรวาพูดพลางกระซิบข้างหูฉัน เธอหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะดันฉันให้นั่งลงข้าง ๆ พลอย
ฉันถอนหายใจ แต่ก็ยอมตามเธอแต่โดยดี สายตาหลายคู่ยังคงจับจ้องมาที่โต๊ะของเรา บางคนมองด้วยความทึ่ง บางคนมองด้วยความสนใจจนน่ารำคาญ
แต่ฉันรู้ตัวเองดีว่า ฉันไม่ได้มาเพื่อใครในงานนี้เลยแม้แต่น้อย ถ้าจะมีเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันอยู่ต่อ ก็คงเป็นเพราะแพรวาเพื่อนตัวดีของฉันนี่แหละ
