บทที่ 10 หวาน
ซู๊ด!!!
ฉันนั่งมองมิ่งขวัญดูดเส้นก๋วยเตี๋ยวต้มยำเย็นตาโฟเข้าปาก ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน และฉันก็เพิ่งเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผักบุ้งและมิ่งขวัญฟัง โดยมีอุ๋งอิ๋งที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่คิดจะช่วยอะไรฉันเลย
“ทั้งหมดมันก็มีแค่นั้นแหละ ฉันเล่าทุกอย่างโดยระเอียด พวกแกรู้เท่ากับฉันเลย” ฉันเฉไฉสายตาจากหน้าของมิ่งขวัญ มองไปทางอื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้ว่าตอนนี้ผักบุ้งยังคงจ้องฉันอยู่
“ถ้ามันเป็นอย่างที่แกเล่าจริงๆ แสดงว่าคุณรามิลเขาจีบแก” แล้วผักบุ้งก็ช่วยฟันธงให้ฉันแน่ใจ “แต่คำถามคือ…ทำไมถึงเป็นแก? เขาเคยเจอแกมาก่อนหรือเปล่า หรือแค่เห็นจาก SmatchY ก็ปิ๊งแกเลยเหรอ? ถึงได้กด Crazy แก ตามแกมาถึงปากซอยบ้าน แถมยังมาจ้างงานออฟฟิศเราเพื่อที่จะได้เจอแก”
“ฉันไม่รู้” แล้วฉันก็ทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา
“รสนิยมของคุณรามิลนี่…ห่างไกลกับที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลยนะ” มิ่งขวัญมองหน้าฉันแล้วทำสายตาห่อเหี่ยวใจ
“แล้วเขาก็ดูโบราณเป็นบ้า! มาสั่งให้จันทร์เจ้าเลิกสนผู้ชายคนอื่นแล้วสนแค่เขาเนี่ยนะ? โบราณสุดๆ แต่ก็…กร๊าวใจอย่างบอกไม่ถูก” ผักบุ้งทำหน้าเพ้อฝันอีกครั้ง
“นี่พวกแกไม่โกรธเหรอที่คุณรามิลเขาจีบฉัน?” แล้วฉันก็อดสงสัยไม่ได้
“แกเห็นพวกฉันเป็นคนยังไงวะ? ถ้าฉันมานั่งโกรธแกกับเรื่องแค่นี้…เราคงไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วล่ะ เพราะผู้ชายทั้งออฟฟิศพยายามจะจีบแกกันทั้งนั้น”
“หะ? ฉันน่ะเหรอ?” ยอมรับว่าฉันแปลกใจมากที่ได้ยินแบบนั้น
“ก็เออน่ะสิ อย่าบอกนะว่าแกมองไม่ออกว่าพี่อาร์โนฝั่งครีเอทีฟเขาจีบแก…แล้วไหนจะพี่ก้อง ทีมโปรดักชันอีก ฉันว่าโรนินก็คงจะเคยขายขนมจีบแกนะ” โอ…ฉันไม่รู้เลย ไม่เคยรู้มาก่อน ฉันรู้แต่ว่าพวกเขาเป็นมิตรและคุยดีกับฉัน บางครั้งก็ใจดีซื้อขนมมาให้ บางทีก็ไปส่งฉันที่บ้าน แต่พวกเขาไม่ได้จีบฉันหรอก ถ้าจีบ…ฉันต้องรู้สิ
“ฉันว่าเรย์ด้าแกพังนะจันทร์เจ้า เพราะแกเอาแต่มองแค่พี่คุณ…แกเลยพลาดผู้ชายคนอื่นที่อยู่รอบตัวแก และเพราะแบบนี้ไง…แกถึงไม่มีแฟนสักที” มิ่งขวัญเฉลยต้นเหตุในความไม่รู้ของฉัน
“แล้วแกจะเอายังไงกับคุณรามิล?” คำถามของผักบุ้งทำให้ฉันได้แต่นิ่ง
“อย่าโง่นะจันทร์เจ้า ผู้ชายระดับคุณรามิลน่ะ ไม่ได้หากันง่ายๆ หรอกนะ แล้วถ้าแกจะเอาข้ออ้างที่ว่าแกชอบพี่คุณ แล้วจะไม่เปิดโอกาสให้ใครเลย ฉันจะเชื่อจริงๆ แล้วนะว่าแกโง่” มิ่งขวัญทำเสียงดุ
“พี่คุณน่ะ ลืมเขาซะจันทร์เจ้า แกชอบเขามาหกเดือน แต่แกไม่เคยทำอะไรให้มันคืบหน้าเลย อีกอย่าง…พวกเราไม่เคยรู้เลยนะว่าตกลงแล้วพี่คุณกับพี่เอวาเป็นอะไรกันกันแน่…สองคนนั้นถึงจะดูเหมือนเป็นเพื่อนกัน แต่สายตาที่มองกัน ฉันคิดว่ามันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น”
“ฉันเห็นด้วยกับผักบุ้งนะ” แล้วอุ๋งอิ๋งที่นั่งเงียบอยู่ตั้งนานก็พูดขึ้นมา
“คว้าคุณรามิลเอาไว้ นี่อาจเป็นโอกาสดีเพียงครั้งเดียวที่แกมี แกอาจจะไม่ชอบเขาในวันนี้ แต่วันต่อไปมันไม่แน่หรอก อีกอย่าง…การที่แกเปิดโอกาสให้เขาก็ไม่ได้เสียหายอะไรไม่ใช่เหรอ? ลองเรียนรู้ความเป็นเขาดูสิ…”
“อันนี้ฉันก็เห็นด้วยกับผักบุ้งอีกเหมือนกัน ถึงคุณรามิลจะดูแปลกประหลาดก็เถอะ แต่เขาหล่อแล้วก็โคตรรวย ถ้าสุดท้ายเขามันก็แค่ไอ้ห่วยแตกคนหนึ่ง แกก็แค่ทิ้งเขาซะ แค่นั้นเอง” ดูเหมือนว่าทั้งผักบุ้ง มิ่งขวัญและอุ๋งอิ๋งจะคิดแทนฉันแล้วว่าฉันควร…ยอมให้คุณรามิลจีบ
SmatchY
ฉันมาที่เป็นออฟฟิศของ SmatchY ตามคำสั่งของคุณรามิล แน่นอนว่าฉันมาในฐานะของ AE ที่มาพบลูกค้า ไม่ใช่ในฐานะผู้หญิงที่เขาสั่งให้มองแค่เขาเพียงคนเดียว ฉันเข้ามาในห้องทำงานของเขา หลังจากที่เคาะประตูขออนุญาต และเมื่อเข้ามาด้านใน สิ่งที่ฉันได้เห็นก็คือ…ชุดโต๊ะรับแขกกลางห้องที่เต็มไปด้วยเค้กผลไม้มากมาย
“สวัสดีค่ะคุณรามิล” ฉันยกมือไหว้เขาตามมารยาท ขณะที่ยืนเก้กังอยู่กลางห้อง
“มาช้านะ ฉันบอกให้เธอมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว” เขาทำเสียงดุ ก่อนจะลุกจากโต๊ะทำงานมานั่งที่โซฟา ยกขาขึ้นไขว่ห้างในท่าสบายๆ “มานั่งนี่สิ…”
“ค่ะ” ฉันรับคำ ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขาด้วยซ้ำ ในใจได้แต่ตั้งคำถามที่ถามมาตลอดวันว่าเขากำลังจีบฉันอยู่จริงๆ เหรอ?
“ใครบอกให้เธอนั่งตรงนั้น? มานั่งนี่!” พอฉันทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวเล็กตรงข้ามเขา เขาก็ตบมือลงเบาะหนังข้างๆ เขา
“คะ?”
“มานั่งข้างๆ ฉัน นี่เป็นคำสั่ง” เอ่อ…เขาจะรู้ไหมนะว่าตัวเขาเองนั้นเป็นลูกค้า แต่ไม่ใช่เจ้านาย ทำไมถึงชอบออกคำสั่งกับฉันจังเลย
“หนูนั่งตรงนี้ก็สะดวกดีนะคะ”
“ปฏิเสธฉันเหรอ?”
“…”
พรึ่บ!
“อ๊ะ! คุณรามิล?!” แล้วเขาก็ทำให้ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูกได้ภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีที่ได้เจอกัน อยู่ๆ ก็ลุกจากโซฟาฝั่งตรงข้ามมาดึงแขนฉันให้ลุกขึ้นยืน แทรกตัวเองมานั่งบนโซฟาที่ฉันนั่งอยู่ก่อนหน้า ก่อนจะโอบเอวฉันให้นั่งลงบนตักเขา
“อย่าดิ้น!” เขาทำเสียงดุอีกครั้งเมื่อฉันพยายามจะลุกออกจากตักเขา และเขาก็ยิ่งโอบรัดฉันแน่นยิ่งกว่าเดิม แล้วรู้อะไรไหม? ตอนนี้หัวใจฉันมันเต้นตูมตามขึ้นมาอีกแล้ว
“คะ…คุณรามิลทำแบบนี้ทำไมคะ? ปล่อยหนูนะ…”
“ลูกค้าเป็นพระเจ้าไม่ใช่หรือไง?”
“มะ…ไม่ใช่ค่ะ ที่ The Box ลูกค้าก็คือลูกค้า ไม่ใช่พระเจ้า”
“งั้นฉันจะยกเลิกดีล…”
“คะ?!”
“ถ้าเธอลุกออกไปนั่งที่อื่น…ถ้าขัดขืนฉันแม้แต่เพียงนิดเดียว ฉันจะยกเลิกดีลที่มีมูลค่าสิบล้าน”
“สิบล้าน?!” ในตอนที่ฉันหันไปทวนคำว่าสิบล้าน คุณรามิลก็ปล่อยมือที่โอบเอวฉันออก
“ใช่ สิบล้านคืองบที่ฉันตั้งเอาไว้ให้ The Box มาทำโฆษณาให้ คราวนี้…เธอยังอยากจะย้ายที่นั่งอยู่หรือเปล่าล่ะ?” เขาแสยะยิ้ม จ้องลึกเข้ามาในตาฉัน และตอนนี้ตัวฉันก็แข็งทื่อไปหมด ในเมื่อเขาขู่มาแบบนี้…ฉันจะเอาความกล้าที่ไหนไปย้ายที่นั่งล่ะ
“คะ…คุณรามิลเรียกหนูมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องงานใช่ไหมคะ?” ฉันพยายามอย่างที่สุด ที่จะทำให้ตัวเองเปล่งเสียงเรียบนิ่งออกไป แต่เมื่อได้สบตาเขา ได้อยู่ใกล้เขา ได้รับรู้ถึงกลิ่นหอมแปลกที่ปนเปกับกลิ่นบุหรี่จากตัวเขา มันก็ยากเหลือเกินที่จะทำให้ตัวเองอยู่ในรูปแบบปกติ
“อืม ฉันเพิ่งให้ข้อมูลเพิ่มไปเมื่อกี้ไง”
“คะ?” เขากำลังจะบอกว่า งบประมาณสิบล้านบามนั่นคือข้อมูลอย่างนั้นเหรอ?
“สิบล้านเป็นแค่ค่าโปรดักชัน ไม่รวมค่าจ้าง The Box จะเรียกค่าเหนื่อยเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ฉันให้ได้ไม่อั้น ขอแค่…ทำงานออกมาให้ฉันพอใจก็พอ”
“…”
“จบเรื่องงานแล้วนะ คราวนี้มาคุยเรื่องของเราต่อ”
“ดะ…เดี๋ยวค่ะ เราจะคุยเรื่องงานกันแค่นี้เหรอคะ? หนูยังไม่รู้เลยว่าคุณรามิลอยากได้โฆษณาแบบไหน…”
“เอาไว้คุยวันอื่น ฉันไม่ชอบคุยเรื่องงานนานๆ”
“แบบนี้ไม่ได้นะคะ คุณรามิลกำลังจะทำให้หนูทำงานยากขึ้น แล้วแบบนี้งานจะคืบหน้าได้ยังไง? ถ้าหนูไม่มีข้อมูลอะไรไปให้ทีมครีเอทีฟ…พวกเขาก็เริ่มงานไม่ได้…อื้อ!” เสียงของฉันขาดหายไปในลำคอ เมื่ออยู่ๆ คุณรามิลเอาช้อนที่ตักเค้กผลไม้ตรงหน้ามายัดใส่ปากฉัน
“พูดมากน่ารำคาญ!”
“คุณ…” พระเจ้า! บอกได้คำเดียวเลยว่าเค้กผลไม้นี่มันอร่อยมาก…และฉันที่คลั่งไคล้ในเค้ก ก็อยากจะลองกินมันอีกสักคำสองคำ หรือไม่ก็ทั้งหมดนั่นแหละ
“เธอชอบเค้กผลไม้นี่ เธอบอกฉันเมื่อคืน…เป็นไง? อร่อยไหม?”
“อะ…อร่อยค่ะ” ฉันเผลอตอบราวกับคนไร้สติ
“ถ้าอร่อยก็กินอีกสิ…เค้กพวกนั้นเป็นของเธอทั้งหมด กินให้หมดเลย”
“แต่…”
“กิน!”
แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ? ในหนึ่งก็ปฏิเสธเขาไม่ได้ อีกใจก็อยากจะกินเค้กอยู่แล้ว สุดท้าย…ฉันที่นั่งอยู่บนตักเขา เพราะไม่กล้าลุกไปไหน ก็ได้แต่ตักเค้กกินอย่างที่ในใจก็เต็มไปด้วยคำถาม
“แล้วคุณรามิลไม่กินเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามหลังจากที่กินเค้กไปราวๆ ห้าหกคำ และรู้สึกเขินจนหน้าร้อนเพราะเขาเอาแต่จ้องฉันไม่วางตา
“กิน”
“ช้อนค่ะ” ฉันหยิบช้อนอีกคันให้เขา แต่เขากลับไม่รับมัน ยังคงจ้องหน้าฉันไม่เลิก
“ทำไมเอาแต่มองหนูคะ?”
“ทำไม? ไม่ชอบให้มองเหรอ?”
“ปะ…เปล่าค่ะ แต่หนูแค่รู้สึกแปลกๆ”
“แปลกยังไง?”
“ก็ถ้าใครที่โดนจ้อง…ก็ต้องรู้สึกแปลกไม่ใช่เหรอคะ? คุณรามิลคงไม่เคยรู้สึกแบบนั้น เพราะคงไม่เคยมีใครกล้าจ้องหน้าคุณ”
“งั้นเหรอ? ไม่มีใครกล้าจ้องหน้าฉันงั้นเหรอ? ทำไมเธอคิดแบบนั้นล่ะ?” เอาอีกแล้ว เขาเอาแต่ตั้งคำถามใส่ฉันอีกแล้ว
“ก็เพราะคุณรามิลดูดุ จนน่ากลัว” ไม่รู้เพราะอะไรฉันถ้ากล้าที่จะตอบคำถามเขาตรงๆ
“หึ! แล้วเธอกลัวฉันไหม?” เขาแสยะยิ้ม
“ค่ะ…”
“…” พอฉันตอบรับ เขาก็ขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ “กลัวฉันทำไม?!”
“ก็…” จะให้ตอบอะไร กลัวก็คือกลัว ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? ฉันตักเค้กเข้าปากอีกคำ ในตอนนั้นคุณรามิลก็รั้งข้อมือฉันไว้อย่างรวดเร็ว ทำให้เค้กที่กำลังจะเข้าปาก เปลี่ยนไปเข้าแก้มฉันแทน “คุณ? เลอะหมดเลยค่ะ”
“เลิกกลัว…แล้วเปลี่ยนมารักฉันซะ!” จบคำนั้นคุณรามิลก็รั้งท้ายทอยของฉันเข้าไปใกล้ หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นมาภายในเสี้ยววินาที ก่อนที่เขาจะงับแก้มฉันอย่างแรง
“?!!!”
“หวาน…” เขาเอ่ยหลังจากที่ถอนริมฝีปากออกไป ไม่ลืมที่แลบลิ้นเลียรอยครีมเค้กที่ได้ฉกชิมจากแก้มฉัน ใจฉันที่เคยเต้นแรง ตอนนี้เหมือนว่ามันจะหยุดเต้นไปแล้วล่ะ
“นะ…หนูจะกลับแล้วค่ะ ถ้าคุณรามิลไม่มีอะไรแล้ว…” ฉันกุลีกุจอลุกจากตักของเขา แต่แล้วเขากลับคว้าข้อมือของฉันไว้อีก
“เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าฉันไม่อนุญาต!”
“?!!!”
- JanJao End -
