Ep.7 เรื่องของพ่อ
เพราะรถของมีนาชนต้นไม้จนด้านหลังบุบและไฟท้ายแตกอีกทั้งระบบล็อกมีปัญหาจากการถูกทำลายในวันที่ถูกงัดทำให้รถของเธอต้องอยู่ในศูนย์เป็นเวลาหลายอาทิตย์ตามที่ช่างได้แจ้ง ช่วงนี้มีนาจึงทำได้เพียงเรียกบริการรถขนส่งเอกชนเพื่อเดินทางไปกลับมหาลัยและคอนโด
“ให้ฉันไปส่งดีกว่านะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันให้แกไปส่งยาแกก็ไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้” เม็ดฝนพูดหลังจากเลิกเรียนด้วยความรู้สึกผิดไม่หายที่เหมือนต้นเหตุให้มีนาเจอเรื่องแบบนี้
“ฉันบอกแล้วว่าไม่ใช่ความผิดของแก อีกอย่างคอนโดแกอยู่ก่อนฉัน ถ้าไปส่งก็ต้องกลับรถไปกลับรถมาอีก” มีนาไม่ได้โทษใครเลยเพราะเธอรู้สถานการณ์ตัวเองดีกว่าใคร รู้มาสักพักแล้วแต่แค่ไม่ได้บอกใครก็แค่นั้น และเพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะเธอด้วยเลยทำให้เธอไม่อยากให้เพื่อนไปรับไปส่งตั้งแต่ไม่มีรถใช้
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องกลับรถบ้า ๆ พวกนั้นหรอก” เม็ดฝนยู่หน้าอย่างไม่ได้สนใจเลยที่จะต้องเสียเวลากลับรถย้อนกลับคอนโดตัวเองคืน
“เลิกเกี่ยงกันได้แล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งมีนเอง คอนโดฉันเป็นทางผ่านพอดี” แล้วพฤกษาก็ตัดบทขึ้นเพราะทางกลับคอนโดเธอผ่านคอนโดมีนาก่อนไม่ต้องเสียเวลากลับรถไปมา
“งั้นครั้งนี้แกกลับกับษาก็ได้ แต่ถ้าแกอยากไปไหนหรืออยากใช้รถเรียกฉันได้นะ” เม็ดฝนย้ำขึ้นเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุ
“เออ” มีนาตอบรับปัด ๆ อย่างไม่คิดจะออกไปไหนหรือใช้รถเลยสักนิด ชีวิตเธอตอนนี้แค่ออกมาเรียนก็ไม่อยากออกมาแล้วด้วยซ้ำ เธออยากขังตัวเองไว้ในห้องตามความรู้สึกที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดก็เท่านั้น
“ตกลงกันได้แล้วงั้นกลับเลยไหม” โมนาที่คอนโดอยู่คนละฝั่งกับเพื่อนเลยไม่ต้องร่วมวงรับส่งเอ่ยขึ้นบ้าง
“อืม” ทุกคนตอบรับเป็นเสียงเดียวกันก่อนจะลุกแยกย้ายไปรถใครรถมันเพื่อกลับห้องพัก
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นมีนาก็ไม่ได้บอกรายละเอียดกับเพื่อน เธอบอกแค่ว่าเจอรถพวกตบทรัพย์เบียดจนชนต้นไม้ แต่โชคดีที่มีคนขับรถผ่านมาทำให้พวกนั้นขับรถไปโดยไม่ได้ถึงตัวเธอ และเธอก็ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันได้แล้ว ซึ่งเพื่อนก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเธอนอกจากประนามการกระทำของคนพวกนั้นเท่านั้น
“ช่วงนี้ไปไหนมาไหนนี่ประมาทไม่ได้เลย เมื่อก่อนว่าเป็นผู้หญิงอันตราย ทุกวันนี้แม้แต่กับผู้ชายยังอันตรายไม่ต่างกัน” ระหว่างทางพฤกษาก็พูดขึ้นถึงเรื่องภัยสังคมในทุกวันนี้ ยิ่งเกิดกับมีนาก็ยิ่งรู้สึกใกล้ตัวมากขึ้น
“อืม ทุกวันนี้มีหลายรูปแบบเลยล่ะ” มีนาก็พูดขึ้นอย่างที่รู้ แม้ว่าเรื่องของเธอจะไม่ได้เกี่ยวกับภัยสังคมตามท้องถนนก็ตาม
“ดีนะที่แกไม่เป็นไร แต่เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับตัวเองตอนไหน แล้วไม่รู้เลยว่าจะโชคดีได้ทุกครั้งหรือเปล่า ต่อไปถ้าแกจะต้องไปไหนที่ไม่คุ้นเป็นไปได้ก็พาพวกฉันหรือใครไปด้วยจะดีกว่า” พฤกษาเน้นย้ำเพื่อนพร้อมกับบอกตัวเองไปในตัว
“อืม ฉันก็คิดแบบนั้น” คิดว่าต่อไปจะไม่ไปไหนเพื่อเปิดโอกาสให้คนพวกนั้นอีกแล้ว
กริ้งง! เสียงโทรศัพท์ของพฤกษาดังขึ้นแทรกพอดี ทำให้บทสนทนาของมีนากับเพื่อนหยุดไปแทนที่ด้วยเสียงพฤกษาที่รับโทรศัพท์แทน
“ฮัลโหลพี่พัชร” พฤกษารับสายแฟนหนุ่มที่มีนารู้จักและเคยเห็นหน้าบ่อย ๆ “ตอนนี้เหรอ รอก่อนไม่ได้เหรอ”
“...” มีนาเงียบ
“เออ ๆ เดี๋ยวแวะไปเอาให้” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ดังขึ้นก่อนจะวางสายไป
“มีอะไรหรือเปล่า” มีนาได้ยินคำว่าตอนนี้ที่มีเธออยู่ด้วยจึงหันไปถามหลังเห็นพฤกษาวางสาย
“พี่พัชรน่ะสิให้ไปเอาของที่คอนโดที่มันลืมไว้ไปให้ด้วย” พฤกษาตอบคำถามของมีนากลับไปก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวฉันแวะคอนโดพี่พัชรแป๊บนะ แค่ขึ้นไปเอาของที่ห้องเท่านั้น”
“อืม” มีนาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเปลี่ยนเส้นทางไม่กี่สิบนาที ได้แต่นั่งรถที่พฤกษาขับไปแบบนั้นกระทั่งถึงคอนโดแห่งหนึ่ง
“แกรอนี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” พฤกษาพูดพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัยลงจากรถเดินเข้าคอนโดไปพร้อมกระเป๋าสะพาย
มีนานั่งรออยู่ในรถอย่างไม่ลืมจะล็อกรถจากด้านใน แต่อาจเพราะตอนกลางวันในที่ที่ไม่ได้เปลี่ยวเลยทำให้เธอไม่ได้กลัวหรือกังวลอะไรมากนัก
แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่าคนที่ต้องการตัวเธออาจจะตามติดเธออยู่ตลอดเวลา เมื่อสบโอกาสก็ไม่รอช้าที่จะขับรถมาจอดขวางหน้ารถของพฤกษาที่เธอนั่งอยู่ และลงมาจากรถและตรงมายังด้านข้างคนขับที่เธอนั่งอยู่
แผ่นหลังของมีนาตั้งตรงพร้อมกับความหวาดระแวงเกิดขึ้นทันที แม้ว่ารถคันนั้นจะคนละคันกับครั้งก่อน แม้ว่าท่าทาของผู้ชายที่กำลังลงจากรถจะเป็นคนละคนกับที่เธอเคยเห็น แต่การจอดรถขวางแบบนี้พร้อมกับมุ่งตรงมาทางนี้ทำให้เธอรู้ได้ว่านี่คืออันตรายที่กำลังเข้าหาเธออีกแล้ว
พวกมันไม่มีทางปล่อยเธอไปเด็ดขาดหากไม่ได้สิ่งที่ต้องการ พวกมันไม่มีทางยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเองไปง่าย ๆ เลยจริง ๆ
แต่ชายคนนั้นยังไม่ทันได้ถึงรถของพฤกษา ขาของมันก็ชะงักหันไปตามเสียงเครื่องยนต์ของรถคันหนึ่งที่ขับเข้ามาจอดรถเผชิญหน้ากับรถของมันที่จอดอยู่
“!” หลังจากได้เห็นรถคันนั้นแล้วมีนากลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด Audi R8 คันสีดำด้านทุกส่วน เรียกได้ว่าใครเห็นก็จำได้ตั้งแต่ครั้งแรก รถที่สะท้อนตัวตนเจ้าของอย่างดี
ผู้ชายที่อยู่ในส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตรพร้อมกับเสื้อผ้าที่ดำทั้งตัวตั้งแต่เสื้อ กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ แจ็คเก็ตหนัง ผู้ชายที่ทำให้มีนาเลือกจะขึ้นไปนั่งอยู่บนรถและล็อกมันกลับเหมือนเดิม
เวย์ไทม์ที่ลงจากรถพร้อมกับไม้เบสบอลเดินตรงไปที่รถคันตรงหน้า ก่อนจะยกไม้เบสบอลขึ้นฟาดกระจกรถด้านหน้าจนเกิดรอยร้าว พอเขาจะฟาดอีกครั้งคนที่นั่งอยู่ประจำตำแหน่งคนขับก็รีบใส่เกียร์ถอยหลังเคลื่อนรถหนีไป
ชายฉกรรจ์คนที่ลงมาจากรถรีบวิ่งไปที่รถของตัวเองแล้วขึ้นที่ด้านหลังก่อนรถคันนั้นจะขับเบี่ยงออกไป
และเป้าหมายต่อมาก็คือรถที่มีนานั่งอยู่ เขากำลังเดินมาทางนี้พร้อมกับดึงที่จับประตูเพื่อให้เปิดออกแต่ติดที่มันล็อกจากฝีมือของเธอ
“ออกมา” เสียงของเขาดังขึ้นสั่งเธออย่างไม่ไปไหน
“พี่เวย์?” มีนาไม่คิดจะเปิดประตูลงไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ทำได้แค่คิดเมื่อตอนนี้พฤกษาเดินมาที่รถแล้วพร้อมกับเรียกเวย์ไทม์ขึ้นอย่างแปลกใจ
“เปิดประตู” เวย์ไทม์สั่งขึ้นเรียบ ๆ
“เอ่อ...” พฤกษาที่ต้องเปิดรถเพื่อขึ้นไปอยู่แล้วทำให้เธอลำบากใจไม่น้อย
แต่มีนาที่ไม่อยากสร้างปัญหาให้เพื่อนก็ทำได้เพียงปลดล็อกรถจากด้านในด้วยตัวเอง เสียงที่ดังขึ้นทำให้เวย์ไทม์ไม่รอช้ากระชากประตูรถเปิดออกทันที
“ลงมา” เขาสั่งเธอขึ้น
“...” มีนาเลือกจะไม่สนใจและนั่งอยู่แบบนั้นเพื่อรอเพื่อนเธอขึ้นรถ “นี่!”
แต่เธอก็ต้องร้องขึ้นหลังจากเวย์ไทม์ก้มลงมาปลดเข็มขัดนิรภัยของเธอออก พร้อมกับรวบข้อมือของเธอออกแรงดึงให้เธอลงจากรถไป
“เอ่อ...” พฤกษาที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องพูดหรือต้องทำยังไง รู้ว่าเพื่อนไม่เต็มใจและอยากช่วยแต่ก็กลัวผู้ชายข้าง ๆ เพื่อนเหลือเกิน
“ปล่อย!” เธอพยายามขืนตัวเองไม่ให้เดินตามแรงดึงของเขา พยายามบิดมือตัวเองออกจากมือของเขาแต่เขากลับรวบไว้แน่นจนลากเธอมาถึงรถของเขา “หลีกไป”
เธอไม่อยากถูกตัวเขาเลยสักนิด แต่เพราะต้องการรักษาระยะห่างทำให้เธอต้องยกมือไปผลักเขาเพื่อให้ออกห่าง
แต่ก็น่าเสียดายที่เขามั่นคงดั่งขุนเขาไม่ขยับเขยื้อนไปตามแรงผลักของเธอ
“มีเรื่องจะคุยด้วย” เวย์ไทม์ไม่หลีกและบอกเจตนาของตัวเองขึ้น “เรื่องของพ่อเธอ”
เขาเอ่ยถึงคนที่รู้ดีว่าจะทำให้เธอฟังเขาได้มากขึ้น แม้จะไม่อยากฟังหรืออยากเห็นหน้าเขาก็ตาม
“...” และไม่ผิดจากที่เวย์ไทม์คิด หลังจากเธอได้ยินคำว่าเรื่องของพ่อเธอ มันก็ทำให้สายตาของมีนาไหววูบขึ้นทันที
“ขึ้นไป” เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งเพื่อให้เธอขึ้นรถจะได้คุยเรื่องสำคัญกับเธอได้
“......” มีนาเผลอเม้มปากตัวเองอย่างรู้สึกไม่ดีที่ต้องขึ้นรถคันนี้อีกครั้ง ใกล้กับคนที่เธอไม่อยากใกล้อีกรอบ แต่เพราะเป็นเรื่องของพ่อเธอที่เธอไม่รู้อะไร นั่นทำให้สุดท้ายมีนาหันไปพยักหน้าให้พฤกษาแล้วตัดสินใจขึ้นรถของเวย์ไทม์อย่างทำอะไรไม่ได้
