Ep.8 หนี้สิบล้านบาท
มีนานั่งเงียบและมองออกข้างทางไปเรื่อย ๆ จนรู้ว่าเส้นทางที่เขากำลังพาเธอไปตอนนี้ก็คือคอนโดของเธอนั่นเอง ส่วนเวย์ไทม์ก็ทำหน้าที่ขับรถไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ได้พูดอะไรกับเธอในตอนนี้ ทำให้บรรยากาศภายในรถตกอยู่ในความเงียบตลอดทางจนกระทั่งรถจอดลงที่ลานจอดในอาคารคอนโดของมีนา
หลังจากรถดับเครื่องทั้งเวย์ไทม์และมีนาก็ลงจากรถมา แม้ว่ามีนาจะเป็นเจ้าของห้องที่นี่แต่เธอกลับเป็นฝ่ายเดินตามเวย์ไทม์ไปที่ลิฟท์ กระทั่งได้เข้าไปในลิฟท์และออกที่ชั้นของเธอนั่นแหละเขาถึงหลีกทางให้เธอเดินนำไปที่ห้อง
ประตูถูกผลักเข้าไปโดยมีนาก่อนเวย์ไทม์จะตามเข้ามาและปิดประตูห้องเดินเข้าไปภายในห้องที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิด เขานั่งลงโซฟาภายในห้องก่อนที่มีนาจะนั่งทีหลังและเลือกโซฟาตัวเดี่ยวคนละตัวกับเขาพร้อมเข้าเรื่อง
“มีเรื่องอะไร” มีนาไม่รอช้าเข้าเรื่องทันที รีบคุยรีบให้เขากลับไป
“เฮียบอกแล้วใช่ไหมว่ามีนต้องไปอยู่กับเฮีย” เขาเข้าเรื่องเดิมทันที
“ถ้าจะพูดเรื่องนี้ก็กลับไปซะ” เมื่อเธอไม่ได้ฟังเรื่องที่เกี่ยวกับพ่อของเธอ ก็เลือกจะไล่เขาขึ้นอย่างไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
“จะไม่เข็ดจริง ๆ ใช่ไหมกับเหตุการณ์ที่เจอ” เขาอดไม่ได้ที่จะถามเธออย่างเหลืออด
เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนก็ที่คลับเขา หลายวันก่อนก็ข้างทาง วันนี้ก็ภายในคอนโดที่ผู้คนพลุกพล่าน เธอไม่เข็ดและไม่กลัวเลยหรือไง
“มีนขอร้องเถอะ เลิกยุ่งเรื่องของมีนได้ไหม มีนจะเป็นจะตายยังไงก็เรื่องของมีน มีนไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากพี่เลยสักนิด!” มีนาลุกขึ้นพูดให้เขาเข้าใจต่อความต้องการของเธอสักที บอกให้เขารู้ว่าที่เธอยอมเสี่ยงอันตรายทั้งที่กลัวแทบตายมันยังดีกว่าให้เธอกลับไปอยู่ภายใต้การดูแลของเขา
“อย่าทำตัวเป็นเด็ก ๆ ได้ไหมมีน” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจที่ต้องขอร้องให้เธอยอมเขาสักครั้ง แค่เรื่องนี้ก็พอ
“กลับไปเถอะพี่เวย์ เพราะต่อให้สุดท้ายมีนถูกคนพวกนั้นเอาตัวไปได้ มีนก็ไม่เสียใจที่ไม่รับความช่วยเหลือจากพี่” มีนาตอกย้ำความรู้สึกของเธอให้เขารับรู้อีกครั้ง พูดจบก็หมุนกายเดินเข้าห้องเพื่อจบการสนทนากับเขาทันที
“พ่อเป็นหนี้เฮียวิน และไม่ได้จ่ายมาสามเดือนแล้ว”
“...!” คำบอกเล่าจากปากของเวย์ไทม์ทำให้มีนาชะงักนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เธอไม่คิดเลยว่ามันจะบังเอิญจนถึงขั้นที่พ่อเธอเป็นหนี้คนในครอบครัวเขาด้วย
“เพราะเป็นเธอ เฮียวินเลยไม่ได้ทำอะไรเหมือนที่เจ้าหนี้ควรจะทำ” เวย์ไทม์บอกสิ่งที่เกิดขึ้นให้เธอรับรู้ เพราะพี่ชายเขาเคยเห็นตอนเธออยู่กับเขาช่วงหนึ่งเลยให้เขาจัดการเรื่องนี้แทน
“...” มีนาได้ยินแบบนั้นก็ยังคงพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กำมือเม้มปากก้มหน้ากับสถานการณ์น่าสมเพชที่เขาได้มาเห็นมันทั้งที่ไม่ควรเป็นเขาที่เห็น
“รู้ไหมว่าพ่อไม่ได้ติดหนี้เฮียวินคนเดียว” ความหมายก็คือพ่อติดหนี้เจ้าใหญ่มากกว่าหนึ่ง เจ้าใหญ่ที่หมายถึงนอกระบบนั่นเอง
“...” มีนาไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพราะเธอพอจะคิดไว้อยู่แล้วว่าพ่อของเธอต้องติดหนี้ใครเข้าเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นพ่อของเธอก็ไม่หายไปพร้อมกับข้อความเพียงฉบับเดียวที่ส่งให้เธอเมื่อหลายเดือนก่อน
พ่อ: พ่อจะไม่อยู่สักพัก ถ้ามีอะไรพ่อจะติดต่อไปและมีนห้ามติดต่อพ่อมาเด็ดขาด ดูแลตัวเองให้ดี ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียว ถ้ามีใครถามก็อย่าบอกว่าเป็นลูกของพ่อ รักลูกนะ
ข้อความนั้นมันกำลังบอกเธอว่าพ่อกำลังหนีโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้ถามเลยว่าพ่อจะไปไหน นานเท่าไหร่ และตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้ก็เกือบสามเดือนแล้วที่พ่อไม่ติดต่อหาเธอเลย
คำตอบที่เธอคิดได้ก็คือพ่อเป็นหนี้ พ่อกำลังหนีหนี้ และเธอก็ไม่รู้ว่าหนี้กี่เจ้า หนี้เท่าไหร่ และพ่อเธอจะหาทางออกยังไงกับหนี้สินพวกนี้
ที่สำคัญ ที่เธอบอกว่าพอจะคาดเดาการถูกไล่ล่าได้นี่ก็คือเหตุผล เธอไม่เคยมีศัตรูที่ไหน การถูกไล่ล่าของเธอก็คงเกี่ยวข้องกับพ่อของเธอ เธอที่คงถูกเล็งไว้เพื่อรับผิดชอบแทนพ่อ
“เพื่อรับผิดชอบหนี้ของพ่อเธอ เธอต้องมาทำงานกับเฮีย เฮียวินให้เฮียหักต้นหักดอกให้จากการหักเงินเดือน” เมื่อเห็นเธอเงียบเวย์ไทม์ก็พูดสิ่งที่เธอต้องทำออกไป “และเทอมหน้าก็ลงฝึกงานที่บริษัทเฮีย”
เขาบอกสิ่งที่เธอต้องทำเพื่อลบล้างหนี้ของพ่อเธอไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมด แม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม
“...” มีนาได้ยินแบบนั้นก็ไม่อยากยอมรับเลยสักนิด แต่ถ้าเธอไม่ตอบรับนั่นก็เท่ากับทั้งเธอและพ่อไม่รับผิดชอบหนี้สินของตัวเอง
เธอจึงเงียบแทนการตอบรับ
“เก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่คอนโดเฮีย” แล้วเวย์ไทม์ก็สั่งเธอขึ้นอีกครั้งถึงอีกเรื่องที่เธอจำเป็นต้องทำ
“ไม่จำเป็น” นี่เป็นประโยคแรกหลังจากเป็นผู้ฟังฝ่ายเดียวมานานของมีนา ที่เงยหน้าปฏิเสธทันทีที่ได้ยินคำสั่งของเขาที่เธอไม่เห็นด้วยและไม่เต็มใจเลยสักนิด
“จากคอนโดเธอไปคอนโดเฮียหรือไปที่คลับใช้เวลาเดินทางในเวลาปกติไม่ต่ำกว่าสิบนาที แต่ในเวลารถติดไม่ต่ำกว่าสามสิบนาที เฮียจะต้องเสียเวลางานเพื่อการเดินทางของเธอ?” เขาแจกแจงให้เธอได้เข้าใจเหตุผลของการให้เธอย้ายไปอยู่คอนโดเขา
“มันก็ไม่ได้กินเวลาขนาดนั้น” เธอยังคงแย้งขึ้นอย่างไม่ยอม
“เฮียวินให้เฮียรับผิดชอบเรื่องนี้แทน ให้เธอเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเฮียในทุกเรื่อง” เขาตอบข้อสงสัยให้เธอฟัง
“...” ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี
“ไปได้แล้ว เธอต้องเริ่มงานพรุ่งนี้” เขาไล่เธอขึ้นหลังจากเห็นเธอเงียบและเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
“...” มีนายังคงเงียบและไม่ไปทำตามที่เขาต้องการ
เธอจะทำยังไง จะบอกให้พวกเขาไปเอาหนี้จากพ่อเธอเองเธอไม่เกี่ยว หรือว่าสุดท้ายในฐานะลูกเธอจะยอมรับภาระหนี้สินตรงนี้แทนพ่อแล้วกลับไปอยู่ใกล้กับเขาอีกครั้ง
“รถของมีนแม้ราคาขายมือสองอาจจะไม่สูงมากแต่ก็น่าพอกับดอกเบี้ยสองสามเดือน” มีนาพูดถึงรถของเธอที่น่าจะขายได้ราคาพอดอกเบี้ยสามเดือนให้เขา
“แล้วหลังจากนั้น?” เวย์ไทม์ไม่ได้หยิบสิ่งที่เธอวาง ก่อนจะเลิกคิ้วถามเธอขึ้นว่าครั้งนี้จ่ายแล้วครั้งต่อไปล่ะ
“มันยังไม่ถึงเวลาจ่ายพี่ไม่ต้องสนใจหรอก มีนจะพยายามหามาจ่ายให้” แม้ว่ามันจะต้องใช้ความพยายามแค่ไหนแต่ก็ดีกว่าเธอต้องกลับไปอยู่ใกล้เขาอีกครั้ง
เธอคิดว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้แน่นอน
“แล้วเจ้าหนี้รายอื่น?” เจ้าหนี้ที่ตอนนี้เหมือนอยากได้ตัวเธอมากกว่าเงินพวกนั้นซะอีก ไม่อย่างนั้นคงไม่พยายามทำอะไรอุกอาจอย่างใจกล้ากลางวันแสก ๆ หลายต่อหลายครั้งแบบนี้
“...” นั่นสิ เพียงแค่ต้องการออกห่างจากเขาก็เลยคิดได้แค่ส่วนของเขา จนลืมคิดไปว่ามีอีกกี่คนก็ไม่รู้ที่ต้องการมันจากเธอ “นั่นเป็นเรื่องของมีน”
แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องตอบเขา ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องรู้ ขอแค่เธอกับเขาไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกก็เพียงพอแล้ว
“ไม่ว่าเธอจะขายรถพร้อมคอนโดมันก็ไม่พอสำหรับต้นที่พ่อเธอยืมไป นั่นก็เท่ากับว่าเธอจะต้องส่งดอกเรื่อย ๆ เมื่อต้นยังไม่หมด เธอควรทำในสิ่งที่เฮียบอก” เวย์ไทม์ย้ำให้เธอรับรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะหาทางออกได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย ไม่ใช่การที่เธอจะขายสมบัติของตัวเองแล้วจะเพียงพอ “อีกอย่างถ้าขายรถจะเดินทางยังไง ขายคอนโดจะไปอยู่ที่ไหน มีบ้าน?”
เขารู้ว่าเธอไม่มีบ้านให้อยู่แล้ว บ้านที่พ่อของเธอก็คงเอาโฉนดไปค้ำไว้สักที่และไม่รู้ว่าจะถูกยึดเมื่อไหร่ ที่สำคัญหากเธอกลับไปอยู่บ้านจริงนั่นยิ่งง่ายที่เจ้าหนี้จะเข้าถึงตัวเธอได้
“...” คำถามของเขามันกำลังตอกย้ำเธออย่างดี ตอกหน้าเธอจนชาไปหมด เพราะเธอรู้ดีกว่าเขา
“ฟังที่เฮียบอก เพราะตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์เลือก”
“ขอเบอร์เฮียวินหน่อย” สุดท้ายมีนาก็ตัดสินใจที่จะคุยกับเจ้าหนี้ตัวจริงของพ่อเธอแทน
“เพื่ออะไร” เวย์ไทม์ไม่ได้ให้แต่ย้อนถามกลับไปถึงเหตุผลของเธอ
“พ่อยืมเงินเฮียวินแล้วหนีหนี้ ในเมื่อทุกคนพุ่งเป้ามาที่มีนแทน งั้นตอนนี้มีนก็ถือเป็นลูกหนี้ของเฮียวิน มีนจะหาทางจ่ายหนี้ให้เฮียวินเอง” ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนตรงหน้าก็พอ
“เฮียวินไม่ได้มีเวลามารับเด็กไปเล่นด้วย เขามีทั้งเลขาและผู้ช่วย” เวย์ไทม์ย้ำออกไป
“ก็เป็นอย่างอื่น” เช่นแม่บ้านที่บ้าน บริษัท หรือทำงานอะไรก็ได้ที่เขาสั่ง เว้นก็แค่งานที่เกี่ยวกับเวย์ไทม์
“แล้วจะทำยังไงถ้าเจ้าหนี้ของเธอตอนนี้คือเฮีย” เมื่อเห็นว่าเธอยังดื้อรั้นเขาเลยต้องบอกความจริงออกไปอีกครั้ง ความจริงที่ว่าตอนนี้เจ้าหนี้ของเธอคือเขาไม่ใช่พี่ชายเขาอีกต่อไป
“...” มีนาได้ยินแบบนั้นก็มองหน้าเวย์ไทม์อย่างไม่เชื่อ เพราะตอนแรกเขาบอกว่าเป็นพี่ชายเขาไม่ใช่เขา
“เฮียวินเอาเงินเฮียส่วนนั้นไปแล้ว เฮียวินขายหนี้ให้เฮียแล้ว” เขาเองเป็นคนซื้อหนี้นั่นต่อโดยที่พี่ชายเขาก็ตั้งใจให้เขาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองตั้งแต่แรกเหมือนกัน แต่เขารู้ว่าเธอไม่อยากยุ่งกับเขาตอนแรกเขาเลยขายชื่อพี่ชาย
แต่ในเมื่อดื้อมากนักก็ต้องทำให้เธอเข้าใจใหม่ว่าเจ้าหนี้ของเธอตอนนี้คือเขา คนที่เธอต้องฟังและชดใช้ก็คือเขา
“พ่อมีนเป็นหนี้เท่าไหร่” มีนาได้ยินแบบนั้นก็ตัดสินใจถามจำนวนเงินออกไปเพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองจะต้องหาเงินมาใช้หนี้เท่าไหร่
“สิบล้าน”
