Ep.5 ใครกันนะ
เอี๊ยดด! แล้วเสียงรถคันหนึ่งก็ดังขึ้นก่อนจะเบรคเสียงดัง พร้อมกับชายฉกรรจ์ที่ลงจากรถมาสองคนแต่ฝ่ายนี้มีสามคน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมีหวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยเหลือเธอได้
“ช่วยด้วยค่ะ! พวกนี้กำลังจะลักพาตัวฉัน!” เธอรีบร้องบอกอีกฝ่ายที่ดูน่ากลัวไม่ต่างกัน ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีเจตนาเดียวกันกับคนที่กำลังจับตัวเธอหรือเปล่า แต่มันก็ดีกว่าเธอไม่ลองเสี่ยงของความช่วยเหลือดู
“อย่ามายุ่งดีกว่า!” ชายที่จับตัวเธออยู่พูดขึ้นพร้อมกับบีบแขนเธอไว้แน่นกว่าเดิม
“ปล่อยผู้หญิงซะ” ชายอีกฝั่งพูดขึ้นอย่างออกคำสั่ง
“พาเธอขึ้นรถ” ชายที่อยู่บนรถเธอและปีนมาฝั่งคนขับเปิดประตูมาสั่งคนที่จับเธอเพื่อให้พาเธอออกไปจากตรงนี้
“เห้ย!” แต่อีกฝ่ายร้องเรียกขึ้นพร้อมกับอาวุธสีดำเงายกขึ้นชี้มาทางนี้ ทำให้ทั้งมีนาและชายฉกรรจ์ต่างตกใจกับอาวุธปืนในมือของอีกฝ่ายที่ชายคนไร้อาวุธกำลังก้าวเข้าใกล้มากขึ้น “ปล่อยเธอซะก่อนกูจะลั่นไก”
ชายถือปืนสั่งขึ้นพร้อมกับเพื่อนอีกคนก้าวไปเกือบถึงตัวอีกกลุ่มโดยยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อเปิดทางให้เพื่อนร่วมงานสามารถใช้อาวุธได้หากอีกฝ่ายตุกติก
กลุ่มที่จับมีนาไว้หันมองหน้ากันอย่างลังเล แต่เพื่อชีวิตรอดของตัวเองสุดท้ายก็ส่งสัญญาณให้คนที่จับมีนา ผลักเธอไปด้านหน้าก่อนพวกมันจะรีบขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างเร็วจากคนที่อยู่ประจำตำแหน่งคนขับก่อนหน้าแล้ว
มีนาที่ถูกผลักใส่ชายคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จักพร้อมกับถูกเขาจับมือพาเดินไปยังรถคันนั้น มันไม่ได้ทำให้เธอหายหวาดกลัวได้เลยสักนิด
“ไม่ต้องกลัว พวกเราไม่ได้มาทำร้ายคุณ” เมื่อเห็นว่าเธอกำลังสะบัดมือออกเพื่อตั้งท่าจะหนีเขาก็พูดขึ้น เพราะถ้าเกิดเขาจะทำร้ายเธอจริง ๆ ถึงเธอจะสะบัดมือได้แต่ก็หนีพวกเขาไม่ได้
“พวกคุณเป็นใคร” เมื่อได้ยินว่าไม่ได้ทำร้ายเธอ มีนาก็เอ่ยถามออกไปอย่างสุภาพแม้จะยังไม่มั่นใจก็ตาม
“เชิญ” เขาไม่ได้ตอบแต่ผายมือให้มีนาขึ้นรถคันนั้นไปพร้อมกับชายอีกคนที่เก็บปืนไป
“ฉันไปรถของฉันได้” ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว รถของเธอก็ไม่ได้เสียจนขับไม่ได้ เธอไปรถของเธอน่าจะดีกว่า
“...” ชายสองคนนั้นมองหน้ากันก่อนสุดท้ายจะปล่อยเธอไป “งั้นพวกเราจะขับตามเธอไปจนออกถนนใหญ่”
เมื่อเขาพูดแบบนั้นมีนาก็รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่รถของเธอแล้วขึ้นรถตัวเองทันที และหลังจากเธอขับออกมารถคันนั้นก็ขับตามเธอมาอย่างที่พูดจริง ๆ ขับออกมาจนถึงถนนใหญ่รถคันนั้นก็หายไปจนทำให้มีนาอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นใคร จะบอกว่าแค่พลเมืองดีคนหนึ่งแต่ตอนแรกเขาเชิญให้เธอขึ้นรถเขา อีกทั้งพวกเขายังพกปืนติดตัวอีกด้วย
เพราะอะไรพวกเขาถึงเข้ามาช่วยเธอแล้วก็ให้ความปลอดภัยแก่เธอก่อนจะหายไป เขาจะใช่คนที่พ่อของเธอจ้างมาหรือเปล่า
“มีนกลัวนะพ่อ ถ้าพ่อจ้างคนพวกนี้มาจริง ๆ พ่อควรจะกลับมาจัดการปัญหาพวกนี้สักที” มีนาเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นเครือกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
กริ้งงง! เสียงโทรศัพท์ของมีนาดังขึ้นอีกครั้งทำให้เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่พอเห็นว่าเบอร์ใครเธอก็ลืมไปเลยว่าเธอไม่ได้ไปหาเม็ดฝนแล้ว
“ฝนฉันขอโทษนะพอดีเมื่อกี้เกิดเรื่องกับฉันนิดหน่อย” มีนารีบบอกเพื่อนออกไปอย่างหลงลืม
(เกิดอะไรขึ้น แล้วแกเป็นยังไงบ้าง!) น้ำเสียงร้อนรนถามออกมาอย่างเป็นห่วง
“ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว” ทั้งที่ยังหวาดกลัวอยู่แต่ก็ทำได้เพียงบอกไปว่าไม่เป็นอะไรแล้ว
(งั้นแกรีบกลับห้องไปเลย ไม่ต้องห่วงฉันแล้ว) เม็ดฝนรีบบอกเพื่อนออกไป
“แล้วแกเป็นยังไงบ้าง” แม้ตัวเองจะพึ่งผ่านสถานการณ์เลวร้ายมาแต่เธอก็ไม่ลืมถามเพื่อนที่ป่วยจนไม่ได้ไปเรียนวันนี้
(ฉันไม่เป็นไร ขอโทษที่ให้แกมาหาที่นี่ทั้งที่มันไกลจนเกิดเรื่อง) น้ำเสียงแห่งความรู้สึกผิดดังขึ้นกล่าวโทษตัวเอง
“ไม่ใช่ความผิดของแกหรอก” เพราะต่อให้เธอไม่ได้มาที่นี่ยังไงอีกฝ่ายก็หาโอกาสเพื่อเข้าถึงตัวเธออยู่ดี ต้นเหตุมันมาจากคนที่เธอรู้ว่าใคร
(ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แกขับรถดี ๆ นะมีน ถ้าเป็นไปได้ก็แจ้งความไว้ด้วย) เม็ดฝนเตือนขึ้นอย่างเป็นห่วง
“อืม งั้นแค่นั้นก่อนนะ” แจ้งความเหรอ เธอเคยไปมาแล้วทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันเท่านั้น และครั้งนี้ไม่ใช่เธอไม่คิด แต่ก่อนเธอขับรถออกมาเธอได้ดูกล้องหน้ารถแล้ว กล้องที่ตอนนี้ไม่มีเมมโมรี่การ์ดอยู่แล้ว
ที่สำคัญกว่านั้นเธอรู้ดีว่าต่อให้ไปแจ้งความแล้วจับกลุ่มคนพวกนี้ได้แต่มันจะไม่จบเพียงแค่นี้ มันจะยังมีคนกลุ่มใหม่ออกมาอีก ออกมาอย่างที่เธอไม่รู้เลยว่ามีใครบ้างและกี่กลุ่มกันแน่
ด้านชายฉกรรจ์ที่แยกจากมีนามาแต่กลับไม่ได้หายไปไหน พวกเขายังคงขับตามเธออยู่ห่าง ๆ โดยทิ้งระยะไม่ให้เธอมองเห็นพวกเขาจนเกิดการสงสัยได้ ขับตามเธอมาจนเธอขับเข้าคอนโดไปอย่างปลอดภัย ชายที่นั่งฝั่งผู้โดยสารถึงได้หยิบโทรศัพท์ต่อสายหาผู้ว่าจ้าง
“ขอโทษที่ทำงานพลาด แต่ตอนนี้เธอเข้าคอนโดอย่างปลอดภัยแล้วครับ” ชายฉกรรจ์ที่เข้าไปช่วยมีนารับผิดต่อหน้าที่ตัวเอง ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยประมาทจนทำให้คลาดรถของมีนาที่พวกเขาขับตามห่าง ๆ ตั้งแต่เธอออกจากมหาลัยนั่นเลยเป็นโอกาสให้เธอถูกเข้าถึงตัวได้จนเกือบถูกฉุดไป
(หวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก) ปลายสายเอ่ยขึ้นเสียงเข้มหลังจากได้ฟังสถานการณ์ที่มีนาได้เจอ
“ครับ” เขาตอบรับอย่างรู้ตัวดีว่าผิดต่อหน้าที่ของตัวเองพร้อมกับอีกฝ่ายที่วางสายไป
