บทที่ 2
ข่าวลือแพร่สะพัด
หลังก้าวลงจากรถม้าหน้าประตูจวนตระกูลเซี่ยก็มีสาวใช้มาคอย
นำทางไปยังเรือนด้านข้าง เสิ่นชิงหร่านเคยมาที่นี่หลายครั้งย่อมต้องพอจะคุ้นเคยเส้นทาง ปกติเวลาที่มาทุกครั้งพวกเขาจะต้อนรับนางที่เรือนกลาง
หากไม่ใช่ที่สวนก็จะเป็นโถงรับแขก แต่วันนี้พวกเขากลับเลือกเชิญนางไปยังเรือนรับรองด้านข้าง ไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดของผิงซื่อเพียงคนเดียวหรือรวมทั้งเซี่ยอู่จงคนที่เคยรับปากท่านปู่ว่าจะดูแลนางเหมือนบุตรสาวแท้ ๆ
“ชิงหร่าน” น้ำเสียงแปลกใจอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกล
เสิ่นชิงหร่านหมุนตัวไปทางต้นเสียง ริมฝีปากประดับรอยยิ้มเล็กน้อย “คุณชายใหญ่”
เซี่ยเสวียนจ้องมองรอยยิ้มที่แผ่ไปไม่ถึงดวงตางดงามคู่นั้นแต่ก็ยังคงทำให้ใบหน้าขาวกระจ่างของนางเฉิดฉัน
“มาพบท่านแม่หรือ”
“เจ้าค่ะ” นางตอบกลับคู่หมั้นหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ชายหนุ่มก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เมื่อพิศมองให้ดีจึงพอสังเกตได้ว่าใบหน้าของนางค่อนข้างซีดเซียว คล้ายจะผอมลงกว่าที่เจอกันครั้งก่อน เดิมเขายังนึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ทว่าเมื่อเห็นท่าทางหยิ่งทะนงและไว้ตัวที่นางพยายามแสดงออกมาก็พลันรู้สึกราวกับกำลังจะได้รับชัยชนะ
ในที่สุดก็มีวันที่นางต้องยอมก้มศีรษะขอร้องเขา
“ท่านแม่ชอบให้คนพูดอ่อนหวาน หากเจ้ามีเรื่องอยากจะขอร้องนางก็ให้ทำตัวโอนอ่อนผ่อนตามสักหน่อย”
เสิ่นชิงหร่านเลิกคิ้วมองท่าทีคล้ายกำลังให้ทานของอีกฝ่าย
“อ้อ... ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณชายใหญ่ที่ช่วยแนะนำเจ้าค่ะ”
หญิงสาวยอบกายคารวะเขาแล้วจึงเบี่ยงตัวออกมา
“เดี๋ยวก่อน” ชายหนุ่มเห็นนางทำท่าจะผละจากไปอย่างรวดเร็วก็รู้สึกเหมือนโดนฉีกหน้าท่ามกลางบ่าวไพร่ จึงตั้งใจจะหันไปคว้าตัวนางไว้ แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือของเขาแล้วหันกลับมามองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตางดงามคู่นั้นจดจ้องเขาอย่างถือดี
“เวลาไม่เช้าแล้ว ข้าไม่อยากให้ท่านป้าต้องคอยนาน ขอตัวก่อน
เจ้าค่ะ”
โดยไม่รอฟังคำตอบ เสิ่นชิงหร่านก็หมุนตัวจากมาด้วยใจเดือดดาล นึกคับแค้นสายตาของตนนัก ไม่รู้เมื่อก่อนนางใช้ตาข้างไหนถึงได้มองว่าเขาแค่มีนิสัยสุภาพไม่ค่อยกล้าตัดสินใจจนคล้ายจะขาดความเป็นผู้นำ ครั้นมีเรื่องอะไรก็ต้องคอยมองสีหน้าบิดามารดา นิสัยเสียเล็กน้อยนี้นางพอจะมองข้ามไปได้บ้าง ทว่าดูเหมือนความจริงแล้วเขาก็แค่หมาป่าตาเดียวที่คิดจะรังแก
คนอ่อนแอไร้ทางสู้ พอเห็นว่าจวนฟู่โหวตกต่ำแล้วจะปฏิบัติกับนางอย่างไรก็ได้
ด้วยพกพาอารมณ์เดือดดาลเข้าไปพบผิงซื่อ เสิ่นชิงหร่านเข้าไปถึงก็เปิดประตูเห็นภูเขา เอ่ยถึงเจตนาที่ขอเข้าพบทันที
“ข้าไม่กล้ารบกวนเวลาท่านป้า ที่มาวันนี้ก็เพราะอยากจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย ที่จวนโหวเป็นอย่างทุกวันนี้ข้าก็รู้สึกผิดต่อท่านปู่เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่อยากให้พวกท่านต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย หากท่านปู่ยังอยู่
คาดว่าก็คงตัดสินใจเช่นนี้”
แต่คิดว่าท่านปู่ของนางคงพาคนรื้อประตูจวนตระกูลเซี่ยก่อนจะประกาศถอนหมั้นในเมื่อเป็นพวกเขาที่แสดงออกอย่างแล้งน้ำใจก่อน
“เจ้าอย่าคิดเช่นนี้เลย พวกเราหาได้รังเกียจเจ้าเพราะเรื่องนั้น”
ผิงซื่อขยับเข้ามาตบหลังมืออีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม
เสิ่นชิงหร่านได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนจึงเงยหน้ามองว่าที่แม่สามีด้วยดวงตาทอประกายเปี่ยมความหวังจนคนถูกจ้องขนลุกชัน
“จริงหรือที่ท่านป้าไม่รังเกียจข้า เช่นนั้นการหมั้นหมายในครั้งนี้...”
คนที่อยากแต่งน่ะคือท่านปู่หาใช่ข้า ถ้าอยากแต่งนักก็ไปเชิญตาเฒ่าลงมาจากสวรรค์ก็แล้วกัน
“ข้าย่อมยึดหลักปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ในเมื่อเจ้ารู้สึกอึดอัดไม่สบายใจที่จะหมั้นหมายต่อ ข้าก็ได้แต่ต้องตามใจ”
เสิ่นชิงหร่านแทบจะตบเข่าฉาดแล้วแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง
“แต่เรื่องนี้จะจัดการเช่นไร ผู้ใหญ่ฝ่ายหลานล้วนกำลังจัดการเรื่องยุ่งวุ่นวาย หลานไม่รู้จะทำเช่นไรจึงได้แต่หยิบหนังสือหมั้นหมายมาปรึกษาท่านป้า”
ผิงซื่อแทบจะกดข่มรอยยิ้มไม่ไหว สีหน้ายามเอ่ยตอบจึงเหยเกแลดูตลกยิ่ง
“เจ้าไว้ใจป้า เรื่องนี้จะไม่ยอมให้เจ้าเสียเปรียบเป็นอันขาด”
“เช่นนั้นเรื่องของหมั้น...”
“ป้าย่อมต้องยกให้เจ้าไว้ ทว่าหากล่วงรู้ไปถึงภายนอก พวกเขาอาจจะมองเจ้าและจวนโหวไม่ค่อยดี เรื่องนี้...”
“ข้าย่อมต้องส่งของหมั้นทั้งหมดคืนเจ้าค่ะ จวนโหวของเราไม่มีทางเอาเปรียบผู้ใด” เสิ่นชิงหร่านเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชา แม้แต่จะปั้นแต่งใบหน้าให้น่าสงสารยังคร้านจะกระทำ “เช่นนั้นเรื่องที่เหลือก็รบกวนท่านป้าเป็นธุระจัดการให้ด้วยนะเจ้าคะ”
นางคิดไม่ผิดที่นำเรื่องนี้มาเจรจากับผิงซื่อ เดิมท่านปู่ของนางมองข้ามนิสัยใจคอของสตรีผู้นี้ ถึงท่านปู่จะฉลาดเฉลียวเพียงใด แต่เขาที่เป็นบุรุษย่อม
ไม่ละเอียดอ่อนในการมองเรื่องหลังบ้าน เพียงเห็นว่าตระกูลเซี่ยซื่อสัตย์
เซี่ยอู่จงบิดาของเซี่ยเสวียนเองก็เป็นขุนนางมากความสามารถ คาดว่ามังกรคงไม่ออกลูกเป็นสุนัขแน่ อีกทั้งเซี่ยเสวียนเองก็นับว่าเป็นคนฉลาดรู้จักวางตัว ท่านโหวจึงคิดว่าจะฝากฝังหลานสาวไว้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าหากเสิ่นชิงหร่านนำเรื่องการถอนหมั้นมาเจรจากับเซี่ยอู่จงผู้เป็นเจ้าบ้าน เรื่องนี้อาจยากจะจัดการ แต่ไม่ใช่กับตัวผิงซื่อ
คำว่าจัดการให้ดีของผิงซื่อช่างจัดการได้ดีนัก เพียงไม่นานในเมืองหลวงก็มีข่าวลือเรื่องการถอนหมั้นระหว่างเซี่ยเสวียนกับเสิ่นชิงหร่านเล็ดลอดออกมา กระทั่งจวนฟู่โหวที่ปิดประตูหน้ามาหลายวันก็ยังรู้ข่าว
“เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าเห็นนางยังทำท่าอวดดีท้าทายให้ซือเอ๋อร์ไปขอร้องตระกูลกัว แล้วดูที่นางทำวันนี้ คงมั่นใจมากเช่นนั้นสิจึงกล้าเข้าหาตระกูลเซี่ย สุดท้ายกลับถูกผู้อื่นถอนหมั้นเอาเสียได้ โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ท่านพ่อบันทึกชื่อของนางใต้นามของหว่าซื่อไม่ใช่ข้า” เจียวซื่อเอ่ยถึงบุตรสาวอย่างเผ็ดร้อน
“แต่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นย่อมต้องกระทบต่อชื่อเสียงของคุณหนูรอง
นะเจ้าคะ” แม่นมหวนเอ่ยปากเตือน “หากตระกูลกัวคิดจะเอาเยี่ยงอย่าง คุณหนูรองย่อมตกที่นั่งลำบาก ฮูหยินไม่เคยได้ยินคำโบราณที่ว่าฟ้ามักริษยาพักตร์ชาด6หรือเจ้าคะ คุณหนูรองของบ่าวยิ่งบอบบางอ่อนแอจึงมักถูกผู้อื่นข่มเหงรังแกเสมอ ”
เจียวซื่อได้ยินดังนั้นพลันกัดฟันกรอด
“เสิ่นชิงหร่าน! นอกจากจะคายใยไหมพันธนาการตนเอง7แล้วยังสร้างความลำบากถึงผู้อื่น ช่างเหมาะสมแล้วที่ถูกสตรีอย่างหว่าซื่อเลี้ยงดูมา นางจะทำท่าเชิดหน้าหยิ่งทะนงให้ผู้ใดดู ใครเห็นก็มีแต่จะรังเกียจเสียมากกว่า ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องรีบส่งเทียบขอเข้าพบกัวฮูหยิน”
“ท่านแม่” เสิ่นชิงซือก้าวเข้ามาได้ยินช่วงหลังจึงมีสีหน้าไม่ดีนัก “ข่าวลือเรื่องพี่ใหญ่เป็นจริงหรือเจ้าคะ” หากถึงขั้นที่ท่านแม่ขอพบเหอซื่อก็หมายความว่าพี่สาวถูกถอนหมั้นจริง
ครั้งแรกที่ได้รู้ข่าวนางเองก็บอกไม่ได้ว่าตนรู้สึกเช่นไร แม้จะไม่สนิทสนมแต่อีกฝ่ายก็เป็นพี่สาว เป็นพี่สาวที่เก่งกาจกว่านาง เป็นพี่สาวที่เย่อหยิ่งงดงามมีแต่ผู้คนยกย่อง พี่สาวคนนี้ที่ท่านแม่ไม่รักใคร่ ทว่าก็มักอยากให้นางเก่งกาจเช่นนั้น ความรู้สึกที่นางมีต่อเสิ่นชิงหร่านจึงนับว่าซับซ้อนอยากจะบอกได้ว่าชอบหรือชัง ทว่าในส่วนลึก ๆ แล้วนางก็อดรู้สึกสะใจในชะตากรรมของอีกฝ่ายไม่ได้
ท่านพี่ที่แสนเย่อหยิ่งก็มีวันที่ถูกทิ้ง
เจียวซื่อรีบปรับสีหน้าท่าทางก่อนจะตบที่ว่างข้าง ๆ เรียกบุตรสาวคนรองเข้ามา
“มาหาแม่มีอะไรหรือ”
“ลูกได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่ถูกถอนหมั้น” เสิ่นชิงซือเอ่ยถามด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ “ข่าวนี้จริงเท็จเช่นไรเจ้าคะ”
“วันหลายวันก่อนแม่ได้ยินว่านางไปพบกับผิงซื่อ แต่ไม่รู้ว่าแสดงท่าทางหยิ่งทะนงไม่ดูสถานการณ์จนเคยตัวหรือไม่ สุดท้ายจึงถูกผู้อื่นรังเกียจ”
“เช่นนั้นท่านแม่ควรไปคุยกับพี่หญิงบ้างนะเจ้าคะ นางคงเสียใจไม่น้อย”
เจียวซื่อลูบศีรษะบุตรสาวพลางทอดถอนใจ นางทำถูกแล้วใช่หรือไม่ที่เลี้ยงดูบุตรสาวอย่างทะนุถนอมเพื่อให้นางมีจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์
“เจ้าคิดว่าไปตอนนี้นางจะรู้สึกดีหรือ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ”
ในขณะที่จวนโหววุ่นวาย จวนตระกูลเซี่ยเองก็ไม่ต่างกัน เซี่ยเสวียนเพิ่งมารู้ในภายหลังว่ามารดาตกลงจัดการเรื่องถอนหมั้นไปแล้ว ไม่ว่าหนังสือหมั้นหมายหรือของหมั้นต่าง ๆ ก็ล้วนถูกส่งกลับคืนมา
“เหตุใดท่านแม่จึงบุ่มบ่ามจัดการ หากท่านพ่อกลับมาทราบเรื่องต้องไม่พอใจเป็นแน่” เซี่ยเสวียนไม่กล้าเอ่ยตามตรง กับคู่หมั้นผู้นี้ นางโดดเด่น
สง่างามท่ามกลางเหล่าสตรีในชนชั้นสูง สูงส่งจนทำให้เขามักรู้สึกว่าตนเองต้อยต่ำ แต่ยังพยายามปีนขึ้นสู่ที่สูง ได้แต่งกับบุตรสาวจากตระกูลโหวที่ร่ำรวย ฐานะของนางและเขาแตกต่างกันมากเกินไป เวลาจะทำสิ่งใดจำเป็นต้องคอยมองสีหน้านาง กระทั่งจะรับสาวใช้ข้างห้องมารดาของเขายังต้องรอท่านโหว
ผู้เฒ่าจากไปค่อยลอบจัดการ
“กว่าพ่อเจ้าจะกลับมา เสิ่นอวิ๋นก็คงถูกตัดสินโทษไปแล้ว จวนโหวทั้งตระกูลถูกเนรเทศไปใช้แรงงาน พ่อเจ้ามีแต่จะต้องขอบคุณแม่”
“แต่... ทำเช่นนี้ผู้อื่นจะมองเราแล้งน้ำใจหรือไม่”
“เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับตระกูลเราในเมื่อเป็นนางเองที่อยากถอนหมั้น”
“ถ้า... ถ้าเช่นนั้น ข้ากับนาง ถึงอย่างไรข้าก็อยู่ในราชสำนัก ตอนนี้คนอื่นจะมองอย่างไร ข้าคิดว่าท่านแม่รอ...”
ผิงซื่อโบกมือตัดบทสนทนา นางย่อมรู้จักนิสัยบุตรชายละเอียดประดุจนิ้วมือ
“ถึงตอนที่นางตกต่ำถึงขีดสุด เจ้ารับนางเป็นอนุก็ยังถือว่าใจกว้าง”
เซี่ยเสวียนไม่เอ่ยคัดค้านอันใดต่อ
สำหรับเสิ่นชิงหร่านแล้ว นับตั้งแต่ที่เสิ่นอวิ๋นถูกส่งตัวเข้าคุก ช่วงนี้คือช่วงที่นางรู้สึกเบิกบานใจมากที่สุด แม้ปัญหาจะยังไม่ได้รับการสะสาง
แต่ในที่สุดนางก็สามารถหาเหตุผลถอนหมั้นได้เสียที การหมั้นหมายครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะท่านปู่กำลังป่วยไข้ ถึงอยากปฏิเสธเท่าใดนางก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ
“เรื่องการถอนหมั้น คุณหนูแน่ใจแล้วหรือเจ้าคะ” แม่นมจางอดเอ่ยปากถามอย่างเป็นกังวลไม่ได้ นางเคยพบคุณชายเซี่ยสองครั้ง แม้จะเห็นว่าเขาไม่ค่อยคู่ควรกับคุณหนูของตนสักเท่าไร แต่ด้วยนิสัยยอมคนของอีกฝ่ายก็น่าจะเหมาะกับคุณหนูที่ถูกตามใจมาตลอด อย่างน้อยบุรุษผู้นี้ก็น่าจะยอมให้ภรรยาชี้นำ
“แม่นม ข้าถอนหมั้นไปแล้ว แน่ใจหรือไม่ก็ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไข” นางเอื้อมไปดึงมือของอีกฝ่ายมากุมไว้ ตั้งแต่มารดาจากไปก็ได้แม่นมคอยดูแลเสมอมา “ท่านดูแค่ที่พวกเขาแสดงออกในช่วงก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ท่านอาถูกกล่าวหา ข้าส่งเทียบขอเข้าพบสองครั้งก็ถูกปฏิเสธเสมอมา แม้เรื่องนี้คนที่ตัดสินใจจะเป็นผิงซื่อไม่ใช่ท่านลุงอู่จงก็ตาม แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นชัดว่านางเป็นคนแล้งน้ำใจ หากข้าแต่งเข้าไปคงไม่แคล้วถูกแม่สามีคอยควบคุมบงการ ในขณะที่คุณชายใหญ่ก็ไม่เคยขัดใจมารดา ดูแล้วข้าจะเป็นฝ่ายรับเคราะห์เสียมากกว่า”
แม่นมจางได้แต่ทอดถอนใจ นางเองก็ไม่ปรารถนาให้คุณหนูถูกแม่สามีข่มเหง หากเป็นไปได้ นางก็อยากให้คุณหนูได้แต่งเข้าไปในตระกูลที่ไม่ซับซ้อน แม่สามีมีนิสัยเข้ากันได้ง่าย หรือจะให้ดี ไม่มีแม่สามีย่อมดีที่สุด
“แล้วดูอย่างของหมั้นที่ข้าส่งคืน ผิงซื่อไม่แม้แต่จะปฏิเสธตามมารยาท เช่นนี้หากแต่งกันไปข้าไม่ต้องตรากตรำทำงานหาเงินมาเลี้ยงพวกนางสองแม่ลูกรึ ที่นางถูกใจน่ะหาใช่ตัวข้า เพราะนิสัยแข็งกระด้างเช่นข้าควบคุมไม่ง่าย แต่ที่นางถูกใจคือสมบัติของตระกูลเสิ่นต่างหาก”
“ในเมื่อคุณหนูเลือกแล้ว บ่าวยังจะพูดอะไรได้ แต่ที่กังวลก็เพราะคำพูดคน เรื่องดีไม่ขยาย เรื่องร้ายกระจายทั่ว ป่านนี้ชื่อเสียงของคุณหนู
ด้านนอกคงไม่สู้ดี”
“ข้าไม่ได้ยินเสียอย่างยังมีอะไรให้กังวลใจ”
คนเป็นบ่าวเพียงถอนหายใจ แต่ดวงตาที่จดจ้องผู้เป็นนายกลับเต็มไปด้วยประกายห่วงใย
“เช่นนั้นคุณหนูก็อาบน้ำพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ บ่าวให้คนเตรียมน้ำร้อนเอาไว้แล้ว ท่านก็แช่ตัวให้สบายไม่ต้องกังวลใจ”
“เป็นท่านต่างหากที่คิดมาก” เสิ่นชิงหร่านหัวเราะพลางเอ่ยเย้า
“ข้าจะตรวจบัญชีต่ออีกสักครู่ แม่นมแจ้งให้พวกที่เฝ้าอยู่ด้านนอกไปพักเถอะ อีกครึ่งชั่วยามค่อยกลับมา”
รอจนแม่นมออกไป เสิ่นชิงหร่านจึงค่อยหันมาจัดการสมุดบัญชีของร้านค้าที่เปิดค้างอยู่ หลายวันที่ผ่านมานางต้องวิ่งวุ่นจัดการหลายอย่าง โดยเฉพาะข่าวลือเรื่องการถอนหมั้นที่กำลังแพร่สะพัด ส่วนหนึ่งก็เพราะนางช่วยเติม
เชื้อไฟ ยิ่งพัดไปไกลเท่าไรก็ยิ่งดี ขอให้พัดไปถึงค่ายทหารนอกเมืองก็แล้วกัน
เสิ่นชิงหร่านงอนิ้วนับเวลา คิดว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว แต่เหตุใดหลี่มู่เฉินยังไม่ส่งคนมาแจ้งนัดหมาย หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจแล้ว
“อ๊ะ...” เพราะมัวแต่คิดกังวลจึงไม่ทันได้มองทาง เมื่อเสิ่นชิงหร่านเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็ทำให้นางเกือบกรีดร้องออกมา
ร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำยืนกอดอกพิงกับฉากกั้น คิ้วคมข้างหนึ่งยกขึ้นยามกดเสียงเอ่ยถาม
“เจ้าจะร้องเรียกให้คนเข้ามาชมดูหรือ”
