บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

เหตุใดจะไม่กล้า

หน้าจวนฟู่โหวยามนี้เงียบเหงาวังเวงไม่ต่างจากทั่วท้องถนนที่แทบจะไร้ผู้คน ย่านจิ่งซาเป็นย่านเก่าแก่ที่มีแต่ชนชั้นสูงพักอาศัย มาบัดนี้แต่ละจวนต่างปิดประตูไม่ต้อนรับแขกจึงทำให้รถม้ากลางเก่ากลางใหม่ที่วิ่งมาจอด

ประตูหลังของจวนฟู่โหวค่อนข้างสะดุดตา

“ในที่สุดคุณหนูก็กลับมาเสียที” ปิงลวี่รีบก้าวเข้ามารับผู้เป็นนายด้วยสีหน้าร้อนรน “ฮูหยินรองกับคุณหนูรองมารอคุณหนูที่เรือนนานแล้ว ตอนนี้แม่นมกำลังรับหน้าอยู่เจ้าค่ะ”

“พวกนางมาทำไม”

“บ่าวเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่พวกนางเอ่ยว่าจะรอจนกว่าคุณหนูจะกลับมา”

เสิ่นชิงหร่านพ่นลมหายใจด้วยสีหน้ารำคาญ เมื่อครู่กว่านางจะตกลงทำพันธสัญญากับเทพโรคระบาดได้ก็แทบจะใช้แรงกายแรงใจทั้งหมดที่มี

แล้วนี่ยังต้องมาจัดการเรื่องน่ารำคาญในจวนอีกหรือ

ท่านปู่... นี่ท่านมัวแต่เล่นไพ่อยู่บนสวรรค์ใช่หรือไม่ เหตุใดไม่ช่วยสอดส่องลูกหลานเสียบ้าง

ท่านปู่ของนางมีนามว่าเสิ่นกวน บรรดาศักดิ์ฟู่โหวนี้ได้รับพระราชทานเพราะเขาเป็นหนึ่งในคนสนิทที่ช่วยให้ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจวขึ้นครองราชย์ ผลงานที่สำคัญคือช่วยดูแลด้านการค้าจนแคว้นต้าโจวเจริญรุ่งเรือง ต่อมาเมื่อถึงสมัยของฮ่องเต้โจวเชิ่นจิ้ง ท่านปู่มีความคิดเห็นต่างจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ อีกทั้งในราชสำนักเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย เขาไม่อยากถูกม้วนเข้าไปยุ่งเกี่ยว ประจวบกับบุตรชายคนโตซึ่งเป็นผู้สืบทอดมาด่วนจากไป ท่านปู่จึงขอลาออกจากราชการมาทำการค้า

เสิ่นกวนผู้เป็นนายผู้เฒ่ามีบุตรชายสองคนคือเสิ่นหานและเสิ่นอวิ๋น ทว่าหลังจากเสิ่นหานแต่งงานได้ไม่นานกลับต้องมาเสียชีวิตลง นายท่านผู้เฒ่ารู้สึกสงสารสะใภ้ใหญ่หว่าซื่อ4 เมื่อเห็นว่าสะใภ้รองเจียวซื่อคลอดลูกสาวหัวปีท้ายปี จึงคิดจะยกหลานสาวคนโตให้สะใภ้ใหญ่

เจียวซื่อผู้มีฐานะเป็นมารดาแท้ ๆ ของเสิ่นชิงหร่านนั้นมาจากครอบครัวสายรองจึงไม่เป็นที่ต้อนรับ ฐานะในจวนโหวนับว่าไม่อาจเชิดหน้าชูตา เมื่อมองเห็นโอกาสประจบเอาอกเอาใจพ่อแม่สามีจึงยอมตัดใจยกบุตรสาวคนโตให้พี่สะใภ้ ต่อมาหลังจากนางให้กำเนิดบุตรชายคนเล็ก ฐานะในจวนโหวแห่งนี้จึงนับว่ามั่นคงขึ้นในที่สุด

แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าเจียวซื่อที่ภายนอกดูอ่อนหวานจะใจแข็งถึงเพียงนั้น ยามเอ่ยว่าจะยกบุตรสาวให้ก็สามารถตัดใจได้อย่างง่ายดาย กระทั่งเมื่อหว่าซื่อตายจาก เจียวซื่อก็ไม่ได้รับตัวบุตรสาวคนโตที่เพิ่งอายุได้เพียงเก้าขวบกลับมาดูแล แม้แต่ยามติดตามเสิ่นอวิ๋นซึ่งย้ายไปประจำการอยู่ต่างเมืองก็ยังทิ้งบุตรสาวคนโตไว้ที่เมืองหลวง

เหตุผลที่นางเอ่ยอ้างก็เพื่อให้บุตรสาวเป็นตัวแทนของพวกตนสามีภรรยาในการปรนนิบัติปู่ย่า

เสิ่นชิงหร่านนึกอยากจะถามนักว่า เด็กเก้าขวบสิบขวบคนหนึ่งจะแสดงความกตัญญูอันใดได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สำหรับนางและเจียวซื่อจึงไม่มีความสนิทสนมใกล้ชิดใด ๆ

“ท่านอาสะใภ้” เสิ่นชิงหร่านทักทายมารดาของตนที่นั่งรออยู่ในเรือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบห่างเหิน

“พี่หญิงใหญ่ ในที่สุดท่านก็กลับมา” เสิ่นชิงซือน้องสาวคนรองของนางรีบลุกขึ้นมาหา ใบหน้าอ่อนหวานดวงนี้แทบจะถอดแบบมาจากเจียวซื่อ

“พวกท่านมารอพบข้าด้วยเรื่องใดหรือ”

เจียวซื่อกวาดสายตามองการแต่งกายของบุตรสาวคนโต ความอึดอัดหวาดหวั่นและกระวนกระวายใจที่กักเก็บไว้มาหลายวันพลันล้นทะลักขึ้นมาเต็มอก ทั้ง ๆ ที่นางต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยสามี แต่กลับติดขัดไปทุกทาง เพราะเดิมพวกตนใช้เงินหมดไปกับการซื้อตำแหน่งให้เสิ่นอวิ๋น ร้านค้าที่พ่อสามีมอบให้ก็ไม่มีกำไร ทำให้นางแทบไม่เหลือเงินที่จะไปติดสินบนผู้ใด เมื่อหันกลับมามองร้านค้าของบุตรชายด้วยหวังว่าจะใช้ประโยชน์ได้บ้าง กลับพบว่าเสิ่นชิงหร่านเพิ่งขายร้านค้าของน้องชายไป อารมณ์ที่เก็บกดไว้จึงปะทุขึ้นมา

“เจ้าแต่งตัวเช่นนี้เพื่ออะไร นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”

เสิ่นชิงหร่านคุ้นชินที่จะจัดการธุระทุกอย่างด้วยตนเอง ท่านปู่มอบกิจการร้านค้าแปดในสิบส่วนให้นางจัดการมาตั้งแต่อายุได้เพียงสิบสามปี

ฉะนั้นนางจะทำสิ่งใดก็ไม่จำเป็นต้องสอบถามความคิดเห็นของเจียวซื่อ

“หลานย่อมมีเรื่องต้องจัดการ ไม่ทราบว่าท่านอาสะใภ้มาวันนี้ด้วยธุระใด”

“พี่ใหญ่...” เสิ่นชิงซือเห็นว่ามารดาโมโหจนแทบจะร่ำไห้ออกมาจึงขยับเข้ามาหาเสิ่นชิงหร่าน เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแอน่าสงสารว่า “หลายวันนี้ท่านแม่เป็นห่วงท่านพ่อจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน ทุกวันได้แต่บากหน้าไป

ขอความช่วยเหลือผู้อื่น ทว่าพี่สาวน่าจะทราบดีว่ายามนี้แต่ละจวนต่างปิดประตูหน้าแน่นหนาไม่รับแขก พวกเราทางนี้วุ่นวายหวังแค่จะหาทางช่วยท่านพ่อออกมา ที่ข้ากับท่านแม่มาพบท่านในวันนี้ก็เพื่อหารือว่าจะช่วยท่านพ่ออย่างไรดี”

“แต่เจ้ากลับดีนัก” เจียวซื่อมองหน้าบุตรสาวคนโตพลางแค่นเสียงหัวเราะออกมา “นอกจากไม่สนใจเรื่องในจวนแล้วยังกล้าขายร้านค้าหลายร้านเก็บเงินเอาไว้เอง แม้แต่ร้านของน้องชายเจ้าก็ยังกล้าขาย เสิ่นชิงหร่าน! หัวใจของเจ้าทำด้วยอะไร” โทษฐานก่อกบฏคือถูกเนรเทศไปใช้แรงงาน เมื่อเห็นว่าเสิ่นชิงหร่านแต่งตัวเป็นชายแอบออกนอกจวนไปจัดการบางอย่าง เจียวซื่อก็ยิ่งคิดว่านางจะหนีเอาตัวรอดคนเดียว

เด็กคนนี้ต้องคิดว่าตนเองมีชื่ออยู่ใต้เสิ่นหานและหว่าซื่อ หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับเสิ่นอวิ๋น คงคิดจะใช้มุมแหที่เปิดไว้นี้ลอดออกไปกระมัง

เสิ่นชิงหร่านสูดลมหายใจเข้าลึก ที่นางไม่ได้เล่าแผนการให้ผู้ใดฟังเพราะอยากทำให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน เรื่องที่ต้องขอร้องศัตรูคู่แค้นเช่นนั้น

นางมีความมั่นใจไม่ถึงครึ่งส่วนด้วยซ้ำ อีกทั้งการต้องลดเกียรติศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อก้มหัวให้ใคร ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องโพนทะนา

อีกอย่าง หากเอ่ยด้วยใจจริงเรื่องทั้งหมดนี้นางก็ทำเพื่อท่านปู่และน้องชาย หาใช่บิดาที่ไม่เคยอุ้มกอดตนเลยสักครั้ง กับคนที่ยอมยกนางให้ผู้อื่นเพื่ออาศัยอำนาจท่านปู่แลกกับตำแหน่งในราชสำนัก หากนางยังรักและห่วงใยลงก็คงมีจิตใจสูงส่งใกล้บรรลุธรรมขึ้นสู่แดนสวรรค์แล้วกระมัง

แต่เสียดายที่นางเป็นแค่ปุถุชนที่ยังมีโลภ โกรธ หลง มากกว่ารัก

“ที่ท่านทั้งสองมาพบข้าในวันนี้เพราะเรื่องของท่านอาหรือร้านค้ากันแน่ หากเป็นเรื่องร้านค้า ข้ามีเหตุผลที่อีกไม่นานพวกท่านจะเข้าใจ เรื่องร้านค้าของอาหยวนนั้น ข้าได้ปรึกษาขอความเห็นชอบจากเขาแล้ว”

“น้องเจ้าเพิ่งอายุเท่าไหร่จะทันเล่ห์เหลี่ยมเจ้าได้อย่างไร” เจียวซื่อถามอย่างคาดคั้น ท่าทางเร่งเร้าต่างจากความอ่อนหวานที่เคยแสดงตลอดในหลายปีที่ผ่านมา “ท่านพ่อยกร้านค้าทั้งหมดให้เจ้าดูแลนับว่าดูคนผิดจริง ๆ แทนที่เจ้าขายร้านได้เงินแล้วจะนำไปช่วยท่านอาของเจ้า แต่เจ้ากลับแอบเก็บเงินไว้คนเดียว หากซ่งคังไม่ล่วงรู้เข้า เจ้าคงจะปิดเรื่องนี้ไปตลอดเช่นนั้นสิ”

“ในเมื่อพี่หญิงใหญ่มีเงินในมือ บางเรื่องย่อมจัดการได้ง่ายขึ้น”

เสิ่นชิงซือมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเปี่ยมความหวัง “ข้ากับท่านแม่หมดหนทางแล้วจริง ๆ”

เสิ่นชิงหร่านมองท่าทางน่าทะนุถนอมของน้องสาวที่มักทำให้บิดามารดาโอ๋เอาใจ

“หากเจ้าต้องการช่วยท่านอาจริง เหตุใดจึงไม่ไปขอร้องตระกูลกัวเล่า” ดวงตากลมโตของเสิ่นชิงหร่านวาดโค้งลงยามยกยิ้ม จดจ้องใบหน้าซีดขาวของเสิ่นชิงซือ “เจ้าไม่ไปขอร้องคู่หมั้นที่มีอำนาจช่วยเหลือได้แต่กลับพามารดามาบีบคั้นข้า สุดท้ายทั้งเจ้าและอาสะใภ้ก็ยังห่วงผลประโยชน์ของตนเองมากกว่าบิดา ข้าพูดถูกหรือไม่”

“พะ...พี่หญิงใหญ่”

“เสิ่นชิงหร่าน!” เจียวซื่อชี้หน้าบุตรสาว “เจ้ามันเนรคุณต่อบิดาบังเกิดเกล้า”

หญิงสาวเพียงถอนหายใจแล้วเอ่ยถาม “แล้วพวกท่านเล่า เคยเห็นข้าเป็นบุตรสาวจริง ๆ หรือไม่”

เสิ่นชิงหร่านหลังให้คนส่งเจียวซื่อที่โมโหจนแทบจะหมดสติกับน้องสาวที่ร้องไห้ปิ่มขาดใจออกจากเรือนไปได้ ก็เรียกสาวใช้ให้ยกน้ำอุ่นเข้ามาแช่ตัว ช่วงนี้เป็นฤดูที่ดอกซิ่งบาน นางไม่เคยสนใจคำเปรียบเปรยจำพวกที่ว่าดอกซิ่งแดงยื่นกิ่งออกนอกกำแพง5มาแต่ไหนแต่ไร จึงสั่งให้บ่าวไพร่ไปเด็ดดอกไม้มาลอยในอ่างน้ำ มือเรียวลูบไล้กลีบดอกสีหวานแสนบอบบางพลางย้อนคิดไปถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน

“คุณหนูแอบหนีเรียนออกมาเช่นนี้หากฮูหยินรู้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เจ้าค่ะ”

“ท่านแม่ส่งข้ามาเรียนเขียนอ่าน ดังนั้นวิชาปักผ้าดีดพิณเหล่านั้นนับว่าเป็นของแถม” เสิ่นชิงหร่านในวัยหกขวบเชิดหน้าเอ่ยวาจาวางอำนาจ “ไม่สู้ข้าเด็ดดอกไม้ไปฝาก คร้านท่านแม่จะยิ่งดีใจ”

ติงลวี่ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ให้กับตรรกะเหลวไหลของเจ้านายตน

“ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะเด็ดก้านดอกพวกนี้ไปให้ท่านแม่ปักแจกัน”

เมื่อติงลวี่หันไปตามนิ้วมือเล็ก ๆ ก็แทบเข่าอ่อน “ไม่ดีแน่เจ้าค่ะ คุณหนูเลือกดอกไม้ชนิดอื่นเถอะนะเจ้าคะ” ขืนปล่อยให้คุณหนูเด็ดดอกซิ่งไปให้ ฮูหยินใหญ่ได้ใช้ไม้เรียวตีก้นเป็นแน่แท้ แต่เพิ่งเอ่ยปากทัดทาน คุณหนูของนางก็วิ่งตรงดิ่งไปหาคนที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ใต้ต้นไม้

“นี่ ๆ เจ้าน่ะ ช่วยปีนขึ้นไปเด็ดกิ่งที่สวยที่สุดมาให้ข้าหน่อยสิ”

เสิ่นชิงหร่านชี้ไม้ชี้มือสั่งคนในชุดบ่าวไพร่ด้วยท่าทางวางอำนาจ ทว่ายามใบหน้าที่ซ่อนอยู่หลังตำราเงยขึ้นมาก็ทำให้นางถึงกับสะดุดลมหายใจ

ดวงตาดำขลับไร้อารมณ์คู่นั้นกลับงดงามจับตา

เสิ่นชิงหร่านไม่คิดว่าตนเองจะยังจดจำดวงตาคู่นั้นของเขาได้ ต้องเป็นเพราะใบหน้าเย็นชาดวงนั้นทำให้นางตกใจกลัวจนกลายเป็นเรื่องฝังใจมาตั้งแต่เด็กแน่ ๆ นางพยายามสะบัดศีรษะไล่ความคิดที่ยังตามมาก่อกวน แต่เหมือนยิ่งหนีความทรงจำต่าง ๆ ก็ยิ่งตามติด ยิ่งพยายามหยุดคิดภาพของเขาก็ยิ่งเด่นชัด

ดวงตาสีดำสนิทประหนึ่งบ่อน้ำอันมืดมิดไร้ระลอกคลื่นคู่นั้นราวกับสามารถสะกดจิตใจของนาง

“คุณหนูใหญ่กล้ามอบชีวิตให้ข้าหรือไม่”

นางเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าเบือนสายตาออกห่างจากใบหน้าคม ปลายนิ้วเยียบเย็นของเขาเพียงขยับแผ่วเบาลูบไล้ลำคอเนียนนุ่มของนางขณะเอ่ยถาม

“เสิ่นชิงหร่าน... หรือเจ้าไม่กล้า”

ทั้ง ๆ ที่ในใจร่ำร้องห้ามปรามว่าอย่ากระโดดลงไปในหลุมพรางที่ปีศาจตนนี้ขุดไว้ แต่สายตาและน้ำเสียงท้าทายเช่นนั้นกลับกระตุ้นสัญชาตญาณชอบเอาชนะในตัวนางได้เป็นอย่างดี

หญิงสาวเชิดหน้าประสานสายตา ความหวาดหวั่นที่มีแต่เดิมพลันเลือนหาย เหลือทิ้งไว้เพียงความกล้าบ้าบิ่น

“เหตุใดจะไม่กล้า”

“ดี” น้ำเสียงทุ้มต่ำชั่วร้ายยามร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาหา “เช่นนั้นข้าก็ควรประทับสัญญา”

“คุณหนู... คุณหนูเจ้าคะ”

เสิ่นชิงหร่านทะลึ่งตัวขึ้นจากผิวน้ำ สองแก้มของนางร้อนผ่าวขณะใช้ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากอย่างเลื่อนลอย

“จวนเซี่ยส่งจดหมายตอบรับเทียบขอเข้าพบมาแล้วเจ้าค่ะ” ปิงลวี่สาวใช้คนสนิทก้าวเข้ามาด้านในพร้อมผ้าเช็ดกาย

หญิงสาวก้าวออกจากอ่างอาบน้ำปล่อยให้สาวใช้สองคนเข้ามาปรนนิบัติ มือเรียวงามพลิกเทียบตอบรับเปิดอ่าน เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นยอมให้ตนเข้าพบก็พลันแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยันออกมา

โชคดีแค่ไหนที่ท่านปู่มาด่วนจากไป

ไม่รู้ว่าตอนนี้จะโมโหจนหนวดกระเพื่อมอยู่บนสวรรค์หรือไม่ที่ได้รู้ว่าจวนเซี่ยที่คิดจะฝากฝังหลานสาวไว้ปฏิบัติเช่นไรยามจวนโหวตกต่ำ นางเคยส่งจดหมายขอเข้าพบพวกเขาแต่กลับถูกปฏิเสธกลับมาถึงสองครั้งสองครา

มายามนี้ที่ยอมตอบรับได้ก็คงเพราะสนใจข้อเสนอที่นางยื่นให้

ผิงซื่อ... ว่าที่แม่สามีผู้นี้ไม่ทำให้นางผิดหวังจริง ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel