ตอนที่2 ลูกชาย
หลังจากจบการสนทนาแล้ว หลี่หรูหรานก็ไม่ได้ซักไซ้อันใดพี่หญิงหยางอีก คิดว่าคงมีเรื่องลำบากใจกระมัง ถึงได้พูดเช่นนั้นออกมา สามคนแม่ลูกเดินไม่รีบเร่งนัก เพราะเจ้าหัวผักกาดทั้งสอง พากันแวะชิมขนมร้านโน้นที ร้านนี้ที ไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าเด็กแฝดแสนซนสองคนนี้
หากเข้าร้านไหนแล้วไม่มีขนมติดไม้ติดมือออกมาถือว่าไม่ได้แวะร้านค้าเหล่านั้น เด็กทั้งสองมีนิสัยแตกต่างกัน ทว่าหลี่หรูหรานกลับรักบุตรชายหญิงนี้มาก นางมิสนคำนินทาว่าร้าย เป็นสตรีออกมาทำการค้าแล้วอย่างไร
ในเมื่อคนตระกูลเจี้ยนพึ่งพาไม่ได้ กระทั่งแม่สามีพูดจาเสียดสี ขับไล่ให้นางออกมาอยู่นอกจวน ให้นางทำงานเพื่อหาเงินดูแลคนในบ้านก็ล้วนเต็มใจทำ โดยไม่มีข้อโต้แย้ง
แม่สามีติดการพนัน น้องชายสามีชมชอบเที่ยวหอนางโลม แอบนำโฉนดที่ดินไปจำนำเอาไว้ก็หลายที่ ทั้งแม่สามีและน้องชายของสามีล้วนไม่ได้ความ
อย่าให้พูดถึงน้องสะใภ้เลย รายนั้นไม่เคยช่วยเหลืออันใด ดีแต่ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยไปวัน ๆ ถึงแม้นางจะย้ายออกจากจวนตระกูลเจี้ยนแล้ว แต่ก็ยังทำหน้าที่ดูแลกิจการอยู่สองสามแห่ง
เมื่อก่อนนั้นขาดทุนย่อยยับ จนบัดนี้อยู่ได้ก็เพราะนางพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เหล่าผู้ดูแลร้านยังเคยบอกกับนางว่า หากไม่มีนาง ป่านนี้กิจการตระกูลเจี้ยนต้องย่อยยับเพราะคุณชายรองเจี้ยนแล้วเป็นแน่
เรื่องเก่าก่อนไม่ควรเอ่ยถึง ยามนี้นางแย้มยิ้มมีความสุข จนอยากนำลูกชายหญิงไปพบสามี ประกาศให้เขารู้ว่า หลังจากที่เขาเดินทางไปทำการค้า นางก็เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ใครจะคิดเล่าว่า นางตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วในขณะนั้น
จวบจนบัดนี้เขายังไม่รู้เลยว่า ลูก ๆ ทั้งสองของเขาเป็นเด็กน่ารักเพียงใด อารามดีใจของหลี่หรูหราน นำพาเด็กสองคนพี่น้องเดินลัดเลาะทางลัดเพื่อกลับจวน
ไม่นานทั้งสามก็มาถึง พบว่าประตูหน้าจวนถูกปิดสนิทแล้ว นางเดินไปยังหน้าประตูใช้มือทุบประตูจนเกิดเสียงดัง พ่อบ้านชายชราที่เดินวกวนไปมาด้วยความกังวลใจ จนใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างชัดเจน
พอได้ยินเสียงเคาะด้านนอก จึงแน่ใจแล้วว่าต้องเป็นฮูหยินแน่ ๆ ชายชรารีบให้คนงานเปิดประตูออก พบว่าเป็นฮูหยินอย่างที่ตนคิดเอาไว้ “ฮูหยินในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ”
อารามร้อนใจนี้มิอาจยับยั้งได้ ครั้นจะส่งคนออกไปส่งข่าว เกรงว่า...เกรงว่าจะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่นายหญิงเสียเปล่า ๆ มิสู้มาประจันหน้า พูดจากันให้รู้เรื่องจะดีเสียกว่า เขามองใบหน้าของเจ้านายทั้งสามด้วยความกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก
หลี่หรูหรานคล้ายรับรู้ว่ามีบางอย่างแปลกประหลาดนางจึงขึ้นเสียถามอย่างแข็งกร้าว “เกิดอะไรขึ้น”
“นายท่านพาสตรีมาด้วย บอกว่านางเป็นฮูหยิน เป็นคนที่ช่วยชีวิตเอาไว้ แล้วยังมีคุณชายน้อยมาด้วยขอรับ” พ่อบ้านหวงรีบปาดเหงื่อ พูดจาติดขัดไม่น้อย หายใจหายคอไม่สะดวกเอาเสียเลย
เกรงว่าในจวนวันนี้ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักเท่าไรนัก นายน้อยกลับมามิใช่ตัวคนเดียว ทว่ากลับนำพาสตรีอื่นเข้าบ้าน ซ้ำยังประกาศกร้าวว่านางคือฮูหยินของจวนตระกูลเจี้ยน
“เหอะ...” นางแค่นเสียงหัวเราะ ปล่อยมือออกจากการกอบกุมเด็ก ๆ ทั้งสอง นางยกมือขึ้นเท้าเอวดั่งแจกันมีหู ใบหน้าบิดเบี้ยวไม่มีน้ำตาออกจากดวงตากลมโตในยามนี้สักนิด
ทว่ามันกลับเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น นางเอ่ยเสียงกระด้าง “ดูแลลูกข้าอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องให้พวกเขาเข้าไป” พอพูดจบนางคว้าเอาท่อนไม้เดินเข้าไปด้วย
นางแสนดีไม่เกรี้ยวกราด ไม่เคยทำตัวต่ำช้า ทุ่มเทดูแลคนตระกูลเจี้ยนแทนเขามาหกปี หกปีมานี้นางต้องทนกับคำครหาว่าเป็นสตรีสวมหมวกเขียว จนสุดท้ายพิสูจน์ตนเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วเขามีสิทธิ์อันใด ทำร้ายจิตใจของนางถึงเพียงนี้
กลับมาแทนที่จะกลายเป็นเรื่องนี้ แต่กลับเป็นเรื่องชั่วช้าเสียนี่ ถึงกระนั้นยังไม่ส่งข่าวคราวกลับมา แต่กลับนำพาสตรีอื่นมาหยามหน้า มิหนำซ้ำยังมีลูกด้วยกันอีก เห็นนางเป็นตัวอันใด นึกอยากจะทำอันใดก็ได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือย่อมไม่มีทาง!
ปัง! เสียงประตูถูกเปิดออกด้วยแรงกระแทกจนเกิดเสียงดังขึ้น ในห้องที่นั่งพูดคุยสนุกสนานยิ้มแย้มกลับพากันตระหนกตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เมื่อพบว่าผู้มาเยือนเป็นหลี่หรูหราน ในมือของนางถือท่อนไม้เอาไว้ ท่าทางไม่ยำเกรงสิ่งใด
ขณะที่หญิงสาวกำลังเงื้อท่อนไม้ในมือคิดจะฟาดลงชายโฉด แต่เขากลับจับท่อนไม้เอาไว้แล้วใช้ฝ่ามือฟาดลงยังแก้มของฮูหยินที่ตกแต่งอย่างถูกต้อง จนนางเซถลาล้มลงบนพื้น “เจ้าบีบบังคับข้าเองนะ”
เจี้ยนคังโยนท่อนไม้ทิ้ง มองดูภรรยาที่ไม่ได้พบหน้ามาหลายปี “อาหรานหากเจ้าทำตัวดีหน่อย ค่อยพูดค่อยจา ข้าไม่มีทางลงไม้ลงมือกับเจ้า แต่เป็นเจ้าต่างหากที่มุ่งหมายทำร้ายนางกับลูกชายข้า”
“ลูกชายท่านหรือ ลูกชายของท่านอย่างนั้นหรือ ช่างน่าขันนัก” หลี่หรูหรานไม่คิดไม่ฝันว่าความรักที่นางทุ่มเทสุดชีวิตจะจบลงเช่นนี้ ชายผู้นี้เป็นคนมักมากตั้งแต่เมื่อไรกัน หากปีที่เขาไม่อยู่มิใช่นางหรือที่ทำงานอดหลับอดนอน ช่วยแบ่งเบากิจการที่ย่ำแย่ จนวันนี้กิจการของเขาก็ได้กำไรมาหลายส่วน
“นางชั่ว อย่าพูดจายั่วยุลูกชายข้านะ เป็นเจ้าต่างหากที่สร้างเรื่อง หากมิใช่เจ้าสวมหมวกเขียวให้ลูกชายข้า เรื่องจะเป็นเช่นนี้หรือ” แม่สามีรีบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ในเมื่อลูกชายกลับมาแล้ว มิหนำซ้ำสะใภ้คนนี้ก็มีฐานะร่ำรวยใช้ได้
มีหรือที่นางจะไม่รีบร้อนลงมือพูดจาเรื่องเก่าก่อนให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย “ลูกแม่อย่าไปฟังคำนางพูด” คำยุแยงจากปากของมารดา เจี้ยนคังได้ยินจะไม่สงสัยได้อย่างไรกัน
“หลายปีมานี้ เจ้าไม่เคยส่งข่าวคราว มีแต่ท่านแม่ส่งจดหมายให้ข้า เจ้ากระทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” เขาไม่คิดเลยว่านางจะกระทำตัวไร้ยางอายเยี่ยงนี้
“ข้าสวมหมวกเขียวหรือ เป็นข้าหรือที่ผิด ท่านรู้หรือไม่ วันที่ท่านเดินทางออกนอกเมืองไป สามวันให้หลังข้าก็พบว่าตั้งครรภ์ได้สองเดือน หากไม่ใช่ลูกท่าน แล้วเป็นลูกชายชู้ คนไหนกัน ข้ามิเคยกระทำตัวหยาบช้าเหมือนที่ท่านแม่กล่าวหา ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์”
“จนบัดนี้เจ้ายังไม่คิดจะยอมรับความผิดอีกหรือ” ผู้เป็นสามีเอ่ยเสียงกร้าว ใบหน้าดุดันนัก ไม่คิดไม่ฝันว่านางจะกล้ากระทำเรื่องชั่วช้า ระหว่างที่เขาไม่อยู่ ท่านแม่ส่งจดหมายรายงานเรื่องนางให้ฟังอยู่เป็นประจำ บัดนี้คิดจะทำร้ายคนรักของเขาย่อมไม่มีทางให้เกิดเรื่องเช่นนั้นเป็นแน่
หลี่หรูหรานคับแค้นใจนัก ไม่อาจเปล่งเสียงแห่งความเสียใจ รวมถึงไม่อาจหลั่งน้ำตาให้กับคนชั่วได้ นางทำได้แค่ใช้มือกุมแก้มเอาไว้ มองหญิงสาวที่มาใหม่ด้วยสายตาชิงชังสุดขั้วหัวใจ
เพื่อสตรีนางนี้แล้ว เขากล้าลงมือทุบตีนางต่อหน้าสตรีอีกคน ทว่าหญิงสาวที่กอดลูกชายเอาไว้นั้น ส่งสายตายิ้มเยาะมาให้ จนหลี่หรูหรานต้องขยับกายแล้วลุกขึ้นยืน “ท่านแม่บอกอันใดท่านก็เชื่ออย่างนั้นหรือ” นางย้อนถามเสียงสั่น จ้องเขม็งไปยังมารดาและน้องชายสามีที่พากันนั่งอมยิ้มไม่มีความทุกข์ร้อนอันใด
ยามนี้คงสาแก่ใจใช่หรือไม่ คิดจะกำจัดนางให้พ้นทางอย่างนั้นหรือ หลี่หรูหรานไม่ยินยอมตกเป็นเครื่องมือของใคร นางยังพูดอีกหนึ่งคำรบว่า “หากนางบอกว่าข้าตายแล้ว ท่านก็คงจะเชื่อใช่หรือไม่ ช่างน่าขันสิ้นดี”
“นางคือมารดาของข้า ย่อมไม่มีทางกล่าวโป้ปดแน่” เจี้ยนคังเอ่ยเสียงแข็ง จ้องมองหลี่หรูหรานไม่วางตา หวั่นว่าหากเขาพลั้งเผลอนางจะลงไม้ลงมือทำมิดีมิร้ายคนรักของเขากับลูกชาย จึงระแวดระวังมิให้นางเข้ามาใกล้
“ถอยออกไปนะ ข้าสั่งให้เจ้าออกไปไม่ได้ยินหรือไร หรือว่าอยากให้ข้าลงไม้ลงมือกับเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง” หนนี้เจี้ยนคังเอาจริง ไม่ยอมให้นางคิดมารังแกข่มเหงครอบครัวเขาอีกครั้ง ที่ผ่านมาเป็นเขาที่ละเลยไป
ท่วงท่าของฮูหยินจากตระกูลหลี่ดูสูงส่งสง่างาม แม้ถูกฟาดเข้ามายังใบหน้า นางก็มิได้เสียสติตัดพ้ออันใด นางแค่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นว่า “เพื่อนางแล้ว ท่านช่างกล้าลงมือกับข้าเยี่ยงนี้ ได้วันนี้ท่านกับข้าขาดกัน”
ในขณะนั้นเองเป็นเจี้ยนสือเดินเข้ามา เห็นท่านแม่ยืนเนื้อตัวสั่น สีหน้าบิดเบี้ยว เขามองไปยังชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมคาย คาดว่าชายคนนี้คงเป็นบิดาของเขากระมัง เช่นนั้นแล้วเด็กชายวัยห้าหนาวจึงพูดขึ้นอย่างขอไปที “ท่านคงเป็นท่านพ่อสินะ”
ความดีอกดีใจของเจี้ยนสือได้มลายหายไปสิ้น หลงเหลือเพียงแค่ความน้อยอกน้อยใจ ในเวลานี้ เขารู้สึกไม่พอใจนัก จึงขึ้นเสียงดังก้องขึ้นว่า “ท่านทำร้ายแม่ข้าทำไมกัน”