
โทษทีนะข้ามิใช่ ฮูหยินของท่านอีกแล้ว
บทย่อ
“ฮูหยินพวกเรากลับมารักกันอีกครั้งได้หรือไม่” “โทษทีนะ ข้ามิใช่ฮูหยินของท่านอีกแล้ว” เรื่องย่อ หลี่หรูหรานเฝ้ารอคอยสามีกลับบ้านมาเนิ่นนาน ไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่นางเฝ้ารอคอยด้วยความรัก กลับนำพาสตรีอื่นเข้าจวน มิหนำซ้ำยังคู่ยังมีพยานรักอีกด้วย เมื่อเรื่องมันกลับตาลปัตรเป็นเยี่ยงนี้ หลี่หรูหรานไม่ขอทนจึงมอบหนังสือหย่าร้าง เป็นรางวัลให้สามีผู้สุดแสนประเสริฐคนนี้ได้ลิ้มลองความรักอันแสนหวานชื่น ให้แก่ชายโฉดหญิงชั่ว ส่งเสริมคนรักให้ครองคู่กันตราบนานเท่านาน ทว่าคนหน้าด้านไร้ยางอายกลับตามตอแยอดีตฮูหยินไม่เลิกรา อ้อนวอนให้นางกลับไปรักกันอีกครั้ง ช่างประเสริฐนัก มีหรือที่หลี่หรูหรานจะกลับไปกินของเก่า นางแค่นยิ้มหัวเราะเยาะเบา ๆ กิริยาท่าทางของหญิงสาวคล้ายคนหยิ่งผยอง ถือดีไม่น้อยนัก คำพูดคำจาอันแสนนุ่มนวลตอบกลับไปแค่ว่า... โทษทีนะ ข้ามิใช่ ฮูหยินของท่านอีกแล้ว
ตอนที่1 แฝด
หลี่หรูหรานกุมมือเด็กชายตัวเล็กเอาไว้ หลังจากที่เห็นป้ายแขวนห้อยโอนเอนไปมาประดับอยู่ด้านข้างของรถม้า หญิงสาวฉีกยิ้มหวาน มองป้ายแขวนนั้นด้วยแววตาแห่งความปลื้มปีติยินดียิ่งนัก ในที่สุดสามีของนางก็กลับบ้านเสียที หลายปีมานี้นางเฝ้ารอคอยให้เขาหวนคืนกลับมาทุกวี่วัน
เด็กชายตัวเล็กกระตุกแขนของมารดา ตาแป๋ว ๆ คู่นี้มองท่านแม่ด้วยความสงสัย “ท่านแม่ขอรับ ในรถม้าใช่ท่านพ่อของข้าหรือไม่” น้ำเสียงของเจ้าตัวเล็กฟังดูนุ่มนวลนัก ในมือของเจ้าหัวผักกาดนี้ยังถือซาลาเปาเอาไว้
เขาติดตามท่านแม่ออกมาทำการค้าอยู่บ่อย ๆ ไม่เคยงอแงร้องไห้โยเยเหมือนน้องสาว แต่ว่า...เขายังเป็นเด็กจึงไม่เข้าใจมากนัก ทำไมท่านแม่ต้องทำงานหนักเวลาพักผ่อนก็แสนจะน้อยนิด แต่ทำไมคนอื่น ๆ ถึงเอาแต่นอนสบายอยู่ในบ้าน
โดยเฉพาะท่านอา กับอาสะใภ้ ที่วัน ๆ ไม่เห็นต้องทำอันใด มีแต่นั่ง ๆ นอน ๆ แล้วก็แบมือขอเงินจากท่านแม่ของเขาแทบทุกวัน จนท่านแม่กรุ่นโกรธก็หลายครั้งหลายครา
ท่านย่าก็อีกคน วัน ๆ ก็เอาแต่เข้าโรงพนัน พอกลับจวนตระกูลเจี้ยนก็รีบให้พ่อบ้านมาหาท่านแม่ของเขาอย่างเร่งรีบ ข่มขู่ต่าง ๆ นานา หากไม่นำเงินให้จะแพร่ข่าวกำจายว่านางเป็นดอกซิ่งแดง
เขาได้ยินเต็มสองรูหู ไม่พอใจท่านอาและท่านย่ายิ่งนัก ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ทว่าเขาก็มีสายเลือดครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี้ยน และเขาก็อยากรู้นักว่า ท่านพ่อของตนจะมีหน้าตาเช่นไร จิตใจงดงามมากน้อยเพียงใดกัน
เขากับน้องสาวเฝ้ารอคอยท่านพ่อให้กลับบ้านมานานหลายปี วันนี้พอรู้ก็ย่อมต้องรู้สึกตื่นเต้นยินดีจนมือไม้เย็นไปหมด “ท่านแม่ ท่านพ่อใจดีหรือไม่ ท่านพ่อจะดีใจหรือไม่หากได้พบข้ากับน้องเล็ก”
หลี่หรูหรานไม่รู้ว่ายามนี้ลูกชายคิดอ่านอันใดเพียงแค่นางยิ้มหวาน มองลูกชายด้วยความเอ็นดู ก่อนยอบกายนั่งลง แล้วใช้มือไล้กรอบหน้าของบุตรชายอย่างอ่อนโยน “ในรถม้าคือพ่อของเจ้า เขาย่อมต้องดีใจมาก แน่ ที่ได้พบกับพวกเจ้าทั้งสอง”
“ขอรับ” เจ้าหัวผักกาดแสนน่ารักน่าชังพยักหน้า เดินตามท่านแม่อย่างว่าง่าย “ขากลับพวกเราแวะรับน้องเล็กเลยดีหรือไม่ขอรับ” เจี้ยนสือเอ่ยถาม น้องสาวของเขาเป็นเด็กน่ารักและยิ้มเก่ง
ติดแค่ว่านางชอบเอาแต่ใจ และชอบโวยวายเสียงดังคล้ายเด็กผู้ชายก็ว่าได้ ท่านแม่จึงมีความกังวลใจ หากนางเติบโตไปเป็นเด็กแก่นแก้วแสนซนคงจะไม่ดีนัก เช่นนั้นจึงนำนางไปฝากให้ท่านป้าหยางช่วยดูแล ระหว่างที่ทำการค้าแทนท่านพ่อ
ตั้งแต่เขาจำความได้ ท่านป้าหยางเป็นสตรีน้ำใจงามรับดูแลน้องสาวของเขา โดยไม่คิดเงินสักอีแปะ ทั้งยังคอยอบรมให้นางรู้จักการเรียนเขียนอ่าน อีกทั้งยังมีศาสตร์แขนงต่าง ๆ ที่สตรีพึงต้องรู้
ส่วนเขานะหรือ แม้มิได้มีท่านอาจารย์มาคอยสั่งสอนส่วนตัว ระหว่างที่ช่วยท่านแม่นั้น เขาก็มักอ่านตำราอยู่เงียบ ๆ ในห้องด้านข้าง ยังมีบรรดาผู้ดูแลร้านมากความรู้ คอยอบรมสอนสั่งเขา
หากจะเรียกก็คงเป็นท่านอาจารย์มากความสามารถก็ได้กระมัง เพราะว่าชายผู้นั้นเป็นท่านแม่รับเข้ามา ว่ากันว่าเขาเป็นบัณฑิตสอบตก เพราะมีคนเล่นพรรคเล่นพวกจึงสอบได้คะแนนต่ำสุด
ท่านแม่เห็นเขานั่งหมดอาลัยตายอยาก จึงชักชวนให้มาดูแลร้าน ทว่าความสามารถของเขามีไม่น้อย นำพาร้านที่ย่ำแย่พ้นวิกฤติมาในที่สุด ท่านแม่จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ดูแลร้าน แล้วยังไหว้วานให้สอนหนังสือยามที่มีเวลาว่าง
ชายผู้นั้นมีแซ่ เหวิน นามว่า ฉาง
เด็กชายตัวเล็กครุ่นคิดถึงท่านพ่อว่าจะใจดีเหมือนท่านลุงเหวินฉางหรือไม่ ที่ผ่านมาหากเขาถูกคนอื่นรังแกก็มักจะพบท่านลุงคอยออกหน้าให้เสมอ ตระกูลเล็กใหญ่ในเมืองนี้ ต่างก็ไม่กล้ากล่าวหาว่าเขากับท่านแม่ถูกขับออกจากตระกูลเจี้ยน
บ่อยครั้งที่ถูกตราหน้าจากคนอื่นว่าเขาเป็นลูกที่ถูกทิ้ง ตระกูลเจี้ยนเสือกไสขับไล่ให้ออกมาพำนักอยู่นอกจวนเพราะคนพวกนั้นใส่ร้ายท่านแม่ของเขาว่าเป็นสตรีสวมหมวกเขียว จึงถือโอกาสที่ท่านพอไม่อยู่ ขับไล่ออกมาจากจวน
ท่านแม่ของเขาเป็นสตรีเข้มแข็ง ภายนอกดูอ่อนหวานอ่อนโยนแสนดี แต่อย่าให้นางเกรี้ยวกราดขึ้นมาเล่า เช่นนั้นก็ตัวใครตัวมัน น้อยครั้งที่มารดาของเขาจะพิโรธ หากไม่มีอันใดมารบกวนจิตใจ ย่อมมีทีท่าแสนน่ารักต่อบุตรชายหญิง
นับตั้งแต่ท่านพ่อออกจากบ้านไป หลายปีมานี้เขากับน้องเล็กเฝ้าถามมารดาเสมอ เมื่อไรท่านพ่อจะกลับมาเสียที ในที่สุดวันนี้เขาจะได้พบท่านพ่อแล้วจริง ๆ
เจี้ยนสือจับมือท่านแม่เอาไว้ ทั้งคู่เดินลัดเลาะไปยังบ้านท่านป้าหยาง พอแง้มประตูเปิดเข้าไปก็พบกับเด็กหญิงตัวเล็กนั่งอยู่บนชิงช้า ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความขื่นขม อาจเป็นเพราะถูกท่านป้าอ่านตำราให้ฟังกระมัง สีหน้าของน้องเล็กคล้ายกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ท่านแม่ พี่ใหญ่” เจี้ยนชิงกระโดดลงจากชิงช้า วิ่งแจ้นหน้าบานมาหาท่านแม่กับพี่ใหญ่ อารามดีใจของเด็กหญิงตัวเล็กเข้ามาโผสวมกอดมารดาทันใด
จากนั้นร่างเล็กแสนบอบบางถูกอุ้มขึ้นมา “คิดถึงมากขนาดนี้เชียวหรือ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถาม แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ดึงจมูกบุตรสาวอย่างหยอกเย้า
“เจ้าค่ะ” ดรุณีน้อยตอบกลับอย่างรวดเร็ว นางเบื่อจะแย่อยู่แล้ว ท่านป้าหยางวัน ๆ เอาแต่ให้นางอ่านตำรา เวลาเล่นก็น้อยนิด จนนางจะกลายเป็นหนอนหนังสืออยู่แล้ว
วันนี้อากาศดีหน่อย ท่านป้าใจดีเลยพาออกมานั่งชิงช้า ถ้าเกิดว่านางบอกว่าเบื่อจะแย่อยู่แล้ว ท่านป้าหยาง อาจน้อยใจ เสียใจก็ได้ เวลาที่อยู่กับท่านป้า ไม่ใช่ว่ามีแต่ความทุกข์มากขนาดนั้น
แต่กลับได้ความรู้เพิ่มพูนขึ้นอีกด้วย เสียดายก็แต่นางขี้เกียจตัวเป็นขนไม่อยากอ่านตำรา อยากฝึกวรยุทธ์เสียมากกว่า หลายส่วนนัก มักถูกท่านป้าตำหนิบอกเป็นสตรีต้องเรียบร้อยอ่อนหวาน
“ดูหน้านางสิ นางน่ะคงอยากฝึกยุทธ์กระมัง” ป้าหยางมีหรือจะไม่รู้ใจหลานสาวคนนี้ อ่านตำราทีไรเป็นต้องมีสีหน้างอง้ำทุกครา หากเป็นตำราฝึกยุทธ์ละก็ยิ้มหน้าบานราวกับเซี่ยงรื่อขุย เห็นแล้วคนแก่เยี่ยงนางจะเอาใจออกห่างได้เยี่ยงไรกัน “เอานี่ตำราวรยุทธ์”
ว่าแล้วหญิงชรายื่นตำราเล่มหนึ่งให้ดรุณีน้อย นางซ่อนเอาไว้ในสาบเสื้อมาเกือบหนึ่งชั่วยาม คิดว่าอยากให้เป็นของรางวัลแก่เด็กดี ที่ว่านอนสอนง่าย ทว่าจะสอนง่ายหรือไม่ นางล้วนยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านป้า...” เจี้ยนชิงตาวาวโรจน์ หยิบตำรามากระโดดโลดเต้นยกใหญ่ อาการดีอกดีใจนี้ทำเอาท่านป้าและท่านแม่ รวมถึงพี่ชายที่ยิ้มกว้าง เห็นน้องสาวดีใจเยี่ยงนี้ พี่ชายก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
“ขอบคุณพี่หญิงที่เมตตาเจ้าค่ะ” หลี่หรูหรานเอ่ยขอบคุณพร้อมกับวางบุตรสาวลงยืนบนพื้น
“คนกันเองทั้งนั้น จะเกรงใจอันใด ข้ารักใคร่เอ็นดูนางดั่งลูกหลาน น่ารักน่าชังเพียงนี้ ผู้ใดจะไม่รักกันได้เล่า” ใบหน้าของนางคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม อาจเป็นเพราะรู้ว่าอีกไม่นาน หลานสาวคนนี้คงจะไม่มาพบอีก นางได้ยินว่านายท่านเจี้ยนกลับมาแล้ว
ชายคนนั้นอาจไม่ชอบให้บุตรสาวแสนน่ารักน่าชังเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้านก็เป็นไปได้ ครั้นจะอาสาออกปากขอไปดูแลคุณหนูน้อยที่จวนตระกูลเจี้ยนก็หาใช่เหตุไม่
“ขอบคุณท่านป้า ท่านป้าใจดีที่สุดเลย” ว่าแล้วแม่หนูน้อยกระโดดเข้ามาสวมกอดหญิงสูงวัย ด้วยความปลื้มใจใบหน้าของนางจึงประดับด้วยรอยยิ้มอยู่
“เสี่ยวชิง จำไว้นะเจ้าต้องตั้งใจร่ำเรียน ศึกษาให้มาก ป้าคนนี้อาจไม่มีโอกาสได้ดูแลเจ้าอีกแล้ว” อนาคตไม่แน่นอน คุณชายของนางออกจากจวนมานานมากแล้ว
บัดนี้สมควรแก่เวลาที่ต้องกลับจวนเสียที หากมิใช่เพราะซื่อจื่อของนางหลงใหลได้ปลื้มหลี่หรูหราน ป่านนี้ก็คงแต่งงานมีฮูหยินไปนานแล้ว มีเจ้าหัวผักกาดให้นางได้เลี้ยงดูแล้วกระมัง
“เหตุใดพี่หญิงจึงพูดเยี่ยงนี้เล่าเจ้าคะ”