ตอนที่ 1 ห่างไกล
ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลือยกายท่อนบน หยดน้ำที่เกาะพราวไปทั่วเรือนร่างโดยเฉพาะบริเวณมัดกล้ามทำให้ดูเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่เหนือคำบรรยาย แรงสวมกอดจากทางด้านหลังทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะหันมาดุคนหื่นไม่รู้เวล่ำเวลาเสียงหวาน
"พี่กานต์ อย่ามัวแต่เล่นสิคะ รีบไปแต่งตัวได้แล้วค่ะ"
"อยากกอด คงไม่ได้กอดอีกนานเลย" คนชอบฉวยโอกาสบอกด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
"อายก็คงคิดถึงพี่กานต์มากแน่ๆ เลยค่ะ แต่อายไปด้วยไม่ได้จริงๆ อายต้องดูแลแม่" ในชีวิตนี้เหลือท่านเพียงคนเดียวที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ดังนั้นเธอต้องตอบแทนพระคุณและทำหน้าที่ลูกที่ดี
"แล้วพี่ล่ะ" คนขี้งอนหันหน้าหนีไปอีกทางด้วยความน้อยอกน้อยใจ หลายครั้งที่เขาเอ่ยปากชวนเธอไปด้วยแต่ก็ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง
"พี่กานต์น่ะดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว แค่ปีเดียวเองค่ะ"
"ตั้งปีหนึ่งต่างหาก อายใจร้ายกับพี่มากนะ" กันต์ธรกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
"เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ พี่กานต์ชักจะดื้อใหญ่แล้ว" หญิงสาวรีบตัดบทด้วยการเดินหนีไปจัดกระเป๋าใบใหญ่ให้เขาเพิ่มอีกใบ
"พี่ไม่อยากไปแล้ว"
"แน่ะ! พี่กานต์ อย่าทำให้คุณแม่ต้องผิดหวังสิคะ" อชิรญาเอ่ยเตือนสติอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สำหรับเธอไม่ว่ายังไงแล้วบุพการีก็ต้องมาก่อนอะไรทั้งสิ้น วันนี้เธอไม่เสียใจที่เขาต้องเดินทางไปไกลแสนไกล แค่เพียงได้รับรู้ว่าเขายังคิดถึงเธออยู่ตลอดเวลาก็พอ
"ก็พี่หวงอาย"
"ทราบแล้วค่ะ อายดูแลตัวเองได้ อายบอกแล้วไงคะว่าอายจะรอพี่กานต์เสมอ" เจ้าตัวส่งยิ้มหวานพลางมองหน้าชายคนรักด้วยท่าทางน่ารักจนคนมองอดไม่ได้ที่จะดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดอีกครั้ง
"วันนี้อายต้องไปส่งพี่นะ"
"อายต้องไปส่งพี่กานต์อยู่แล้วค่ะ" อชิรญาพยักหน้ารับคำ ถึงเขาไม่บอกให้ไปเธอก็จะไป เพราะลึกๆ แล้วเธอเองก็อดใจหายกับความห่างไกลครั้งนี้ไม่ได้เช่นกัน
เวลา 18.00 นาฬิกา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
"ถ้าไปถึงแล้วพี่จะรีบโทรหาอายนะ" เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยบอกในระหว่างที่เตรียมตัวเรื่องเอกสารต่างๆ ก่อนการเดินทาง คนที่มาส่งเขาในวันนี้มีแค่หญิงสาวคนรัก ส่วนมารดาจะเดินทางตามไปทีหลัง ท่านจึงได้แต่อวยพรให้เขาเดินทางปลอดภัยแต่ก็ยังไม่วายค่อนขอดมาถึงคนรักของบุตรชายซึ่งไม่ชอบหน้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรเพียงเพราะคำว่า 'ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นสะใภ้'
"ค่ะ อายจะรอนะคะ"
"แล้วตอนนี้แม่อายเป็นยังไงบ้าง" คนที่ชายหนุ่มเอ่ยถึงคือมารดาของหญิงสาวที่เขาพอรับรู้ข่าวมาว่าท่านป่วย โดยเฉพาะช่วงหลังอาการกำเริบมากกว่าเก่า
"ตอนนี้แม่สบายดีค่ะ อายบอกแม่แล้วว่าพี่กานต์กำลังจะเดินทางไปอเมริกา แม่บ่นถึงพี่กานต์ด้วยนะคะ” อชิรญาบอกด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่ามารดารักและเอ็นดูชายตรงหน้ามากขนาดว่าจะขอมาส่งด้วยแต่ติดตรงที่ร่างกายของท่านยังไม่แข็งแรงพอ จึงได้แต่ฝากถ้อยคำอำลามาบอกกับชายคนรัก ความรักจากมารดาของเธอที่มีให้แก่เขาทำเอากันต์ธรรู้สึกใจหายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
'วันนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะลูก' หญิงสูงวัยกล่าวชวนชายหนุ่มที่เข้าใจว่าเป็นคนรักของบุตรสาว ด้วยความที่เห็นว่าคบหากัน อีกทั้งเจ้าตัวยังดูเป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติบุตรสาวของตน
'ขอบคุณครับคุณน้า ได้ทานกับข้าวฝีมือคุณน้าทีไรน้ำหนักผมขึ้นทุกที' กันต์ธรยิ้มหวานพลางลูบท้องตนเองเป็นการยืนยันคำพูดไปด้วย
'พูดเอาใจคนแก่อีกแล้ว กานต์อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าลูก น้าจะได้ออกไปซื้อมาทำให้' คำถามของมารดาทำเอาหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ อดแซวออกไปไม่ได้
'แม่คะ ไม่ถามอายบ้างเหรอคะ อายอยากทานต้มยำกุ้งค่ะ'
'เราน่ะได้กินทุกวันอยู่แล้ว แต่ตากานต์นานๆ จะมาบ้านเราที แม่ก็ต้องถามเป็นธรรมดา' หญิงสูงวัยหันไปพูดกับลูกสาวอย่างรู้ทันว่ากำลังถูกเจ้าตัวแซวเรื่องอาการลำเอียงแบบที่เคยหยอกล้อบ่อยๆ ในยามที่อยู่ด้วยกันสองคน
'ผมอยากทานปลากระพงนึ่งฝีมือคุณน้าครับ' ชายหนุ่มบอกเมนูที่อยากกินอย่างไม่คิดจะขัดข้อง
'ไม่เบื่อเหรอลูก มาทีไรกินแต่ปลากระพงนึ่งทุกครั้งเลย'
'ก็ไม่มีใครทำอร่อยเท่ากับคุณน้าอีกแล้วนี่ครับ ผมอยากทานฝีมือคุณน้าคนเดียว' กันต์ธรพูดออกไปอย่างที่ใจคิด เขายอมรับว่ารู้สึกอบอุ่นไม่น้อยที่เห็นว่าท่านเอาใจใส่และรักเขาราวกับเป็นลูกคนหนึ่ง ผิดกับตนเองที่อาจจะไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับหญิงสาวข้างกาย นอกจากควงไว้ยามเหงา พอเบื่อแล้วก็ทิ้ง เห็นผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องมือสนองความใคร่เท่านั้น
'งั้นเดี๋ยวน้าไปเตรียมของก่อนนะลูก' หญิงสูงวัยลุกขึ้นไปเตรียมตัวออกไปหาซื้อของที่ตลาดสดใกล้ๆ บ้าน ปล่อยให้หนุ่มสาวได้คุยกันตามลำพัง
"ทำไมเงียบไปล่ะคะพี่กานต์ มีอะไรหรือเปล่า?" อชิรญาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจมอยู่กับภวังค์ความคิด
"ไม่มีอะไรครับ อายเองก็ดูแลแม่ดีๆ ล่ะ พี่คงจะคิดถึงแม่อายเหมือนกัน" แม้ไม่ได้รักใคร่ในตัวหญิงสาวตรงหน้ามากมาย แต่สำหรับผู้ใหญ่แล้วท่านให้ความเอ็นดูเขาอยู่ไม่น้อย
"แล้วไม่คิดถึงอายเหรอคะ" อชิรญาเย้ากลับไปด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
"แน่นอนสิครับ พี่ต้องคิดถึงอายอยู่แล้ว" คนปากหวานรับคำพร้อมดึงร่างบางเข้ามากอดเป็นการตอกย้ำคำพูดของตนเองอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้อชิรญารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เธอกลัวว่าอ้อมกอดแห่งความอบอุ่นนี้จะเป็นอ้อมกอดสุดท้ายของเขาและเธอ เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังฟุ้งซ่านมากเกินไป หญิงสาวจึงรีบสลัดความคิดนั้นออกไปทันที
"ไม่แน่นะคะ พี่กานต์ไปเจอสาวๆ ที่นั่นแล้วอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้" เธอว่าพลางย่นจมูกใส่ชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้เล็กๆ
"อายน่ารักขนาดนี้พี่จะไปมีคนอื่นได้ยังไง" น้ำเสียงทุ้มย้ำอีกครั้งในขณะที่ดวงตาคมเข้มมองลึกลงไปอย่างมีความหมาย
"แล้วอายจะรอดูค่ะ พี่กานต์ไปเตรียมตัวได้แล้วค่ะ" เจ้าของร่างบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าจนคนมองแทบไม่อยากจะเดินทางไปไหนในเวลานี้
"รอพี่นะอาย แล้วพี่จะรีบกลับมาหา"
"อายจะรอค่ะ อายรักพี่กานต์นะคะ" เสียงหวานตอบกลับไปบ้าง บัดนี้ดวงตากลมโตเริ่มมีหยาดน้ำใสคลออยู่เต็มสองตาทั้งๆ ที่ยังคงฝืนส่งยิ้มให้กับชายคนรัก แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับคำว่า 'รัก' ของหญิงสาวที่มักพร่ำบอกเขาแทบทุกเวลา แต่กันต์ธรก็อดใจหายไม่ได้เมื่อเห็นน้ำตาของเธอ
"อย่าขี้แย เดี๋ยวไม่สวยนะ"
"ฮึก...ไม่ร้องแล้วค่ะ โชคดีนะคะ ขอให้พี่กานต์ประสบความสำเร็จทุกๆ อย่าง อายจะคอยเป็นกำลังใจให้ ทุกครั้งที่พี่กานต์เหงาขอให้พี่กานต์รู้เอาไว้ว่าอายยังอยู่ตรงนี้ ยังเป็นคนที่ห่วงใยพี่เสมอ" อชิรญาบอกลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ทั้งเขาและเธอต้องจากกันไปอีกนานแสนนาน ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าไม่อยากให้เขาไปจากเธอแล้ว อยากให้เขาพูดออกมาเหลือเกินว่าจะไม่ไปไหน จะอยู่ด้วยกันที่นี่แต่ก็คงเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
"พี่ก็เหมือนกัน คงจะคิดถึงอายมาก" มือหนาเอื้อมมาลูบศีรษะเล็กจนเจ้าตัวถึงกับยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
"รีบไปได้แล้วค่ะ"
"พี่ไปก่อนนะ ถึงแล้วจะโทรหา" เจ้าของร่างสูงใหญ่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะฝืนตัวเองให้เดินออกมาจากบริเวณนั้น และไม่คิดที่จะหันหลังกลับไปด้วยความกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน
อีกด้านหนึ่งของสนามบิน เจ้าของร่างเพรียวระหงในลุคนางแบบกำลังยืนร่ำลาคนรักของตนเองเช่นเดียวกัน จะแตกต่างก็ตรงที่ฝ่ายชายมีท่าทีอาลัยอาวรณ์ฝ่ายหญิง แต่สำหรับฝ่ายหญิงนั้นแววตาดูเป็นประกายและดีใจอย่างออกนอกหน้า ครั้นพอเหลือบไปเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของชายคนรัก ใบหน้าสวยเฉี่ยวก็ถึงกับแสดงความฉุนเฉียวออกมาทันที
"โอ๊ย! น่ารำคาญจริงๆ นี่ภูจะทำหน้าแบบนั้นอีกนานไหม"
"ภูไม่อยากให้เคทไป ภูคิดถึงเคทนะ" ภูมินทร์หรือภู นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของกิจการส่งออกที่ตอนนี้พ่วงตำแหน่งคนรักของนางแบบสาวมาแรงของวงการบอกเสียงเศร้าที่จะต้องห่างไกลกับหญิงคนรักเป็นเวลานาน
"อย่าพูดจาเลี่ยนนักเลยภู เคทไปถ่ายแบบแค่สามเดือน ทำอย่างกับว่าไปเป็นปีสองปี" หญิงสาวกล่าวเสียงเครียดกับท่าทางเหงาหงอยของชายคนรักที่ตนเองพยายามสลัดทิ้งหลายครั้งหลายคราแต่ก็ไม่สำเร็จสักที อาจเป็นเพราะว่าผู้ชายคนนี้กระเป๋าหนักและคอยเอาอกเอาใจเธอทุกอย่าง
"ภูขอโทษ อย่าโกรธภูเลยนะ"
"เคทไปก่อนนะ แล้วเจอกัน...บายค่ะ" มัชฌิมารีบตัดบทพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางไปยังช่องทางสำหรับขึ้นเครื่อง อย่างน้อยก็ไปหาเอาเหยื่อรายใหม่ข้างหน้า เบื่ออะไรเดิมๆ เต็มทน ผู้ชายอะไรตื้อเก่งชะมัด ดีนะที่โฆษณาตัวใหม่ของเธอได้เดินทางไปถ่ายทำถึงประเทศอเมริกา แถมดีไซเนอร์คนไทยที่รู้จักมักคุ้นกันก็ขอตัวเธอเพื่อไปเดินแบบให้เป็นเวลาสองเดือน ทีนี้เวลาที่เหลือเคทจะสนุกให้เต็มที่เลย คอยดู!
"ขอโทษนะคะ" นางแบบสาวกล่าวคำขอโทษออกไปเสียงห้วน นึกโมโหคนจัดการเรื่องที่นั่งไม่น้อย เลือกฝั่งริมหน้าต่างให้ก็จริงแต่ดันเป็นแบบ Full Flat 2-2-2 ซึ่งทำให้ที่นั่งฝั่งริมหน้าต่างทั้งสองฝั่งไม่สามารถเดินออกมายังทางเดินได้ ถ้าไม่ปีนข้ามเก้าอี้ของผู้โดยสารข้างๆ ก่อน แถมอีตานี่ยังทำท่าราวกับไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา ครั้นพอได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายเต็มสองตา ท่าทีของนางแบบสาวก็เริ่มเปลี่ยนไป ผู้ชายอะไรดูดีไปทุกสัดส่วนจริงๆ
"เชิญครับ"
"มาคนเดียวเหรอคะ?" หลังจากเข้ามานั่งประจำที่ของตนเองเรียบร้อย มัชฌิมาเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาต่อคนเชื้อชาติเดียวกันและไม่ลืมส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้เป็นการปิดท้าย แต่อีกใจก็ยังนึกเคืองที่อีกฝ่ายทำราวกับไม่รู้จักนางแบบดังอย่างตน
"ครับ" กันต์ธรตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"ไปทำงานหรือว่าไปเที่ยวคะ" นางแบบสาวถามออกไปตรงๆ ด้วยความอยากรู้มากกว่าจะคิดว่าเป็นการเสียมารยาท
"ทำงานครับ ผมต้องไปดูแลความเรียบร้อยเรื่องกิจการของครอบครัว" ชายหนุ่มตอบอีกครั้งแล้วก้มหน้าสนใจกับหนังสือตรงหน้าที่เขาตั้งใจว่าจะอ่านฆ่าเวลา เพราะเพิ่งถูกปลุกให้ตื่นจากนิทราเมื่อสักครู่จึงทำให้ไม่สามารถข่มตาหลับลงไปได้อีก
"เก่งจังค่ะ ว่าแต่คุณจะไม่เงยหน้ามาคุยกับฉันหน่อยหรือคะ" ทันทีที่เจ้าหล่อนพูดจบกันต์ธรก็จำต้องหันกลับมามองใบหน้าของผู้หญิงที่นั่งข้างๆ แบบจริงจังเป็นครั้งแรกและอดตื่นตะลึงไปกับความสวยเฉี่ยวที่เห็นไม่ได้
"ขอโทษทีครับที่ผมเสียมารยาท" ชายหนุ่มรีบเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงเก้อๆ
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือ" รอยยิ้มสวยเฉี่ยวถูกส่งกลับมาก่อนที่ทั้งคู่จะพากันคุยอย่างถูกคอจนลืมไปว่าเวลานี้ควรจะเป็นเวลาพักผ่อนมากกว่า เนื่องจากทั้งเขาและเธอต้องใช้เวลาอยู่บนนี้ด้วยกันอีกนานหลายชั่วโมง
