บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

อารดารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเดินเข้าสนามรบที่ต้องระวังข้าศึกทุกฝีก้าว แต่ในความจริงแล้วคือกลัวจนแทบจะก้าวขาไม่ออกมากกว่า รานีกำชับหนักหนาว่าลูกค้ารายนี้ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะท่าทางจะกระเป๋าหนักและถ้าโชคดีคืนนี้อาจจะได้ทิปมากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนอีก

หนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกันนามว่าพอล แลนดอนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ เขาเพิ่งจิบน้ำผลไม้สีสวยที่ทางคลับเอามารับรองหมดไป และกำลังรอสาวสวยมาดูแลพร้อมกับเครื่องดื่มที่ชอบ

“สวัสดีค่ะ” อารดากล่าวคำทักทายด้วยมารยาทและน้ำเสียงที่เป็นมิตร เธอพยายามควบคุมความกลัวไว้ไม่ให้แสดงออกมา

“เชิญครับ ยินดีที่มีสุภาพสตรีสาวสวยให้เกียรติมานั่งเป็นเพื่อน” คนพูดไม่หันมามองว่าคนที่มาหน้าตาท่าทางเช่นไร เขามั่นใจว่าคุณวิชัยต้องไปตามหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้แน่ แต่แล้ว...

เขาถึงกับตะลึง เมื่อได้เห็นหน้าสุภาพสตรีที่กำลังนั่งลงใกล้ๆ เธอสวย น่ารัก อกเป็นอก เอวเป็นเอว ผมยาวตาโต ที่สำคัญดูไม่กร้านโลกมีจริตมากมายอย่างที่เคยเห็นมาก่อน แต่เป็นเหมือนลูกกวางน้อยตัวเล็กๆ ที่ตัวสั่นเพราะความกลัวมากกว่า ช่างถูกใจเสียเหลือเกิน

อารดาฝืนยิ้ม เป็นยิ้มที่ใครก็ดูออกว่าตื่นเต้นและประหม่ามากแค่ไหน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาอยู่ในห้องสองต่อสองกับชายแปลกหน้า ที่กำลังจ้องเธออย่างไม่วางตา แถมชุดแส็กสีแดงก็รั้งขึ้นโชว์เรียวขาสวยที่ไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อนอีก ทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

“นั่งไม่สะดวกเหรอ” พอลถาม เพราะเห็นอารดาพยายามดึงชายชุดแส็กรั้งลงมา เพื่อปิดเรียวขาที่น่ามองให้มากที่สุด

“ปละ เปล่าค่ะ คุณจะรับอะไรดีคะ เดี๋ยวฉันสั่งให้” อารดาไม่ลืมทำหน้าที่ที่ทุกคนสอนมา เธอเห็นว่าบนโต๊ะมีแก้วน้ำสีอำพันแล้ว ก็ควรมีกับแกล้มอีกสักหน่อยถึงจะดี

“ไม่ต้องหรอก มาคุยกันดีกว่า” เขาไม่สนอะไรนอกจากอยากคุยด้วย พอลรั้งตัวอารดาให้นั่งลงใกล้ๆ แล้วมองหน้าอย่างพึงพอใจ

แม้แขกวีไอพีจะไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ให้ลำบากใจ แต่ก็รู้สึกอึดอัดที่ต้องนั่งติดกันขนาดนี้ ยิ่งเขาจ้องหน้ายิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจด้วยแล้ว อารดาก็ยิ่งวางตัวไม่ถูกเลยจริงๆ บอกตามตรงว่าสายตาของคุณแขกวีไอพีนั้น ช่างทำให้แก้มสาวร้อนผ่าวได้เป็นระยะอย่างไม่มีสาเหตุเลยสิน่า

“ทำงานที่นี่นานแล้วเหรอ” ชายหนุ่มถามคำแรก

“เพิ่งมาค่ะ” อารดาก้มหน้าเล็กน้อย

“แล้วเคยทำที่ไหนมาบ้าง”

“ไม่เคยค่ะ”

คำตอบของหญิงสาวตรงหน้าทำให้พอลนิ่งไปเล็กน้อย เขาพิจารณาจากท่าทีการแสดงแล้ว อดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นวิธี โก่ง ราคาสำหรับคืนนี้ หรือเป็นเรื่องจริงที่ว่าพอลเจอมือใหม่หัดขับในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสือสิงห์กระทิงแรดงั้นหรือ

“เล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังบ้างสิ ฉันอยากรู้จักเธอมากกว่านี้”

“เรื่องของฉัน” คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาด้วยความสงสัย

พอลพยักหน้ารับว่าใช่ เขาขยับตัวนั่งในท่าที่สบายราวกับรอฟังว่าเธอจะเล่าอะไรให้ฟังบ้าง แน่นอนว่าอารดาแปลกใจและยังไม่อยากเล่าอะไรตอนนี้ แต่พอลก็มาเหนือชั้นกว่าตรงที่

“มีอะไรมาแลกเปลี่ยนกันไหมล่ะ เธอเล่าเรื่องของตัวเอง ส่วนฉันก็...”

นั่นไง ตามทฤษฎีเป๊ะ เขากำลังต่อรองแลกเปลี่ยน อารดาตั้งสติเพื่อหาทางรับมือ แต่พอลชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า

“เรื่องละหนึ่งพัน จะเล่ากี่เรื่องก็หยิบไปเองนะ” เขาหยิบธนบัตรสีเทาจากเสื้อสูทมากองไว้ตรงหน้า แล้วตั้งหน้าตั้งตารอฟังอย่างตั้งใจพร้อมกำชับว่า

“เรื่องจริงเท่านั้นนะ ถ้าโกหกแม้แต่คำเดียว รับรองว่าฉันเอาคืนคุ้มแน่” เขาคาดโทษไว้แล้วสั่งให้เธอเล่า โดยเริ่มจากแนะนำตนเองก่อน

“ฉัน เอ่อ ชื่อปู้เป้ค่ะ ชื่อจริง อารดา สุขทรัพย์”

“มาทำงานที่นี่ในตำแหน่งแคชเชียร์ แต่วันนี้ฉัน เอ่อ ขอมาทำในตำแหน่งนี้เพราะว่าฉันต้องการเงินพายายไปหาหมอวันพรุ่งนี้ค่ะ”

“เธอได้สองเรื่องแล้ว”

พอลหยิบธนบัตรสีเทาสองใบมาวางไว้ตรงหน้า ทฤษฎีเรียกร้องความสนใจโดยใช้เรื่องครอบครัวให้ชวนสงสาร อยากจะบอกว่าเขาฟังมาเยอะจนแทบจะเดาต่อได้ว่า เดี๋ยวเธอก็คงจะบีบน้ำตาเล่าชีวิตอันรันทดให้ฟัง แล้วจากนั้นก็เป็นเรื่องของการเพิ่มคะแนนความสงสารอีก มุกเดิมที่ไม่ต้องเดาต่อ

“แค่นี้ค่ะ” อารดาไม่รู้จะพูดอะไรให้เขาฟังอีก ความจริงชีวิตเธอมีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก แต่ไม่มีความจำเป็นต้องเล่าให้คนนอกที่เพิ่งรู้จักฟังนี่นา

“แล้วครอบครัวเธอล่ะ ลูก สามีหรือใครอีก” พอลแปลกใจเล็กน้อยที่แม่สาวคนนี้ไม่พูดเรื่องรันทดใดๆ ต่ออีก หรือว่าเจ้าหล่อนจะมีไม้ตายอะไรล่อให้เขาติดกับอีก

“ฉันไม่มีครอบครัวค่ะ” อารดารู้สึกกระดากเล็กน้อยที่ต้องมาเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นฟัง แต่มาคิดอีกทีมันก็ใช้เป็นหัวข้อในการสนทนาให้เวลาในคืนนี้ผ่านไปได้

“ฉันอยู่กับแม่แล้วก็ยาย แม่ฉันแต่งงานใหม่ ฉันมีพ่อเลี้ยงซึ่งอยู่บ้านบ้าง ไม่อยู่บ้างค่ะ” หมดแล้ว ชีวิตเธอ

“เมื่อกี้เธอบอกว่าหาเงินไปรักษายาย ค่ารักษาเท่าไรแล้วเป็นอะไร”

“ยายเป็นโรคไตต้องฟอกไตอาทิตย์ละสองครั้งค่ะ ฉันกับแม่ช่วยกันหาเงินมารักษายาย”

“ด้วยการทำงานในสถานที่แบบนี้เหรอ แล้วทำมานานแค่ไหนแล้ว”

“ปกติฉันช่วยแม่ทำขนมขายอยู่ที่บ้านค่ะ แล้วเมื่อหลายวันก่อนลุงสอน เอ่อ พ่อเลี้ยงของฉันเสนอว่า ให้มาทำงานที่นี่ตอนกลางคืนเพื่อหารายได้เพิ่ม ทีแรกแม่ไม่ยอมแต่ว่าฉันอยากได้เงินเพิ่มก็เลยตัดสินใจมาทำงานที่นี่” คนเล่าก้มหน้าเล็กน้อย

“แล้วทำแบบนี้บ่อยไหม” พอลจิบเครื่องดื่มตรงหน้า รู้สึกว่าเรื่องเล่าเรื่องนี้มีหลายอย่างที่น่าสนใจ ที่สำคัญอยากรู้ว่าเธอจะพานิทานเรื่องนี้ไปทางไหนต่อจนจบ

“เอ่อ คือ ฉันจำเป็นค่ะ ก็เลยต้องทำแบบนี้” ยิ่งพูดอารดาก็ยิ่งรู้สึกกระดาก แม้ปากจะอยากบอกว่าเพิ่งเคยทำเช่นนี้เป็นครั้งแรก แต่ใจก็ค้านว่าเขาคงไม่เชื่อและไม่รู้ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก

“จำเป็นยังไง ทำขนมขายไม่พอกินหรือไง”

“พรุ่งนี้ยายต้องไปฟอกไต ลุงสอนเอาเงินที่บ้านไปหมด ถ้าไม่กลับมาคืนนี้พรุ่งนี้ก็จะไม่มีเงินพายายไปหาหมอค่ะ” อารดาเม้มปากเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อว่า

“ที่ฉันมาทำงานคืนนี้ก็เผื่อว่า...”

“เผื่ออะไร” พอลรุกถามต่อสายตาวาวเป็นประกาย เห็นทีว่าคืนนี้เขาอาจจะได้เป็นพ่อพระใจดีในนิทานของเธอก็ได้

“เผื่อว่าคุณพอใจและกลับมาที่นี่อีก พรุ่งนี้ฉันจะขอเบิกเงินล่วงหน้าพายายไปรักษาค่ะ” แววตาใสซื่อเงยขึ้นสบตาคนที่อยู่ตรงหน้า ประกายแห่งความวิงวอนคล้ายกับจะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่พูดทั้งหมดเป็นความจริงและสำคัญมาก

“ต้องการเบิกล่วงหน้าเท่าไร” สัญชาตญาณของพอลสัมผัสความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ ถ้านี่เป็นเรื่องจริงก็นับว่าอารดาเป็นลูกหลานกตัญญูมากเลยทีเดียว แต่ถ้านี่เป็นเรื่องโกหก เจ้าหล่อนก็สามารถเล่นละครตบตาให้เขาเห็นใจเลยทีเดียว

“อาจจะครึ่งหนึ่งของเงินเดือนค่ะ” อารดาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าคืนนี้จะเป็นอย่างไร แต่ถ้าสำเร็จเงินเดือนครึ่งหนึ่งที่จะเบิกล่วงหน้าก่อน ก็จะพอพายายไปหาหมอและเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านได้จนกว่าจะสิ้นเดือน โดยไม่ต้องคอยว่าพ่อเลี้ยงจะกลับมาเมื่อไร หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ

ยิ่งคุยพอลก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนผู้หญิงอื่นที่เคยเจอมา ไม่ได้มีดีแค่สวยแต่มีสมองรู้จักคิด ที่สำคัญมีความคิดที่น่าสนใจและคำพูดคำจาที่ทำให้อยากคุยต่ออย่างไม่รู้เบื่อ

“น้ำแข็งหมด ฉันไปเอาน้ำแข็งมาเพิ่มให้นะคะ” อารดาลุกขึ้นเตรียมไปหยิบน้ำแข็งมาให้ใหม่

“ไม่ต้อง ฉันไม่ดื่มแล้ว คุยกับเธอสนุกกว่า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel