บทที่ 2
“เป็นไง เคยเที่ยวกลางคืนบ้างไหมเรา” รานีถามอย่างเอ็นดูหลังจากที่พาอารดาเดินดูรอบๆ เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยังหัวค่ำบรรยากาศจึงดูไม่ครึกครื้นเท่าไร แต่ถ้าเป็นยามดึกละก็รับรองว่าหญิงสาวได้ตาลายกับผู้คนมากหน้าหลายตาแน่
“ไม่เคยค่ะ” อารดาตอบตามตรง
จะเอาเวลาที่ไหนไปเที่ยวเตร็ดเตร่ในเมื่อหลังเลิกเรียนก็ต้องไปทำงานพิเศษหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ที่เรียนจบมาได้ก็เพราะอาศัยว่ามีคนใจบุญเมตตาให้การศึกษา
“เอาละ งานของเธอคืออยู่ที่โต๊ะแคชเชียร์เท่านั้น ไม่ต้องออกไปวุ่นวายที่อื่น อ้อ ถ้ามีใครมาวอแวก็ไม่ต้องสนใจทำงานของเราไปซะ เดี๋ยวจะให้คนพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็สอนงานให้”
อารดาเดินตามรานีไปอย่างว่าง่าย งานแคชเชียร์คงไม่มีอะไรมากแค่คิดเงินเท่านั้น ถ้าเลิกดึกหน่อยก็มีที่พักให้หากกลับบ้านไม่สะดวก คิดว่าน่าจะทำงานได้ไม่มีปัญหาอะไร งานอะไรก็ได้ที่ได้เงินมาเลี้ยงครอบครัวเธอยอมทำทุกอย่างแน่นอน
สองสัปดาห์ต่อมา
อารดาทำงานที่ไนติงเกลคลับด้วยความขยันขันแข็งและมีมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานในร้านทุกคน เธอไม่เคยสนใจว่าใครจะทำอะไรตำแหน่งไหน เพราะถือว่านี่คืออาชีพสุจริตที่ต้องเลี้ยงปากท้องของตน
“มาแต่วันอีกแล้ว ปูเป้” พิตต้า ดาวเด่นของร้านทักทายมาแต่ไกล
“ใช่ เดี๋ยวนี้ปูเป้มากระตุ้นให้พวกเรามาแต่วัน เจ๊ไม่ต้องเมื่อยปากตามพวกเราอีกแล้ว” ลาล่า แม่สาวสะโพกดินระเบิดดาวเด่นของร้านอีกคนเอ่ยขึ้น
“แหม มาก่อนพวกพี่นิดเดียวเองค่ะ” อารดาตอบยิ้มๆ
“จ้า แม่แคชเชียร์คนสวย ตั้งแต่มานั่งเป็นแคชเชียร์เนี่ย แขกกลับช้าเพราะอยากนั่งดูหน้าสวยๆ ของหล่อนจนพวกเจ๊ๆ ทั้งหลายจะตกงานอยู่แล้ว” พิตต้าเอามือมาเชยคางอารดาหยอกล้ออย่างเอ็นดู
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” อารดาหัวเราะกับคำหยอกล้อของเพื่อนร่วมงาน สาวๆ ในห้องแต่งตัวพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เมื่อรานีก้าวเข้ามาในห้องทุกคนก็เงียบกริบรวมถึงอารดาด้วย
“คืนนี้มีวีไอพีมา มีใครว่างบ้าง” รานีกวาดตามองสาวๆ ที่กำลังแต่งตัว
“วีไอพี ใครเหรอเจ๊” พิตต้าถามด้วยความสนใจ
“ลูกค้าคุณวิชัย” รานีตอบสั้นๆ
“ว้าว กระเป๋าหนักละสิ ใครคะ คุณวิชัยมาเองด้วยเหรอเปล่า ถ้าใช่ต้องให้ลาล่าไปทักทายเพราะคุ้นเคยกันดี” เสียงหัวเราะคิกคักดังลั่นห้องไปหมด
“แขกใหม่ คุณวิชัยบอกว่าอยากได้คนใหม่ๆ” เสียงเจ้าของคลับเหมือนกำลังกังวลอะไรบางอย่าง
พักหลังมานางไม่ค่อยได้รับใครมาทำงานในผับ ตั้งใจว่าถ้าหมดรุ่นนี้แล้วเจ้าของอาชีพคนกลางคืนก็จะหยุดตัวเองเหมือนกัน รานีก็อยากมีชีวิตบั้นปลายที่มีความสุขเหมือนคนอื่นเขาที่ไม่ต้องใช้เนื้อตัวใครแลกมาแบบนี้
“คนใหม่ก็มีแต่ปูเป้ละเจ๊” ลาล่ามองไปที่หน้าหญิงสาว
“เอ่อ ต้องทำอะไรบ้างคะ” ปูเป้ถามอย่างกลัวๆ
“ทำอะไรก็แค่ชงเครื่องดื่ม พูดจาหวานๆ ต้องเอาใจนั่งฟังเพลงเป็นเพื่อน แล้วก็...” ลาล่าหยุดพูดแล้วกระซิบมาที่ข้างแก้มใส
“ทำยังไงก็ได้ให้แขกพอใจ ทิปหนักๆ ไม่แน่ถ้าถูกใจอาจได้เป็นหมื่น” อารดาตาโตทันที เงินหมื่นเชียวหรือ รานีมองหน้าหญิงสาวอย่างชั่งใจ ที่จริงแล้วไม่ได้ต้องการให้เด็กใหม่ที่รับมาในตำแหน่งแคชเชียร์ต้องรับแขกวีไอพีที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้ แต่ว่าเคสนี้ทำให้รู้สึกหนักใจ
“สนใจหรือไง ตาโตเชียว” รานีถามอารดาทีเล่นทีจริง พร้อมกับคิดว่าถ้าส่งเธอไปจะต้องจัดการอย่างไรบ้าง
“แหม เงินใครก็อยากได้ จริงไหม ปูเป้” พิตต้าตบบ่าแคชเชียร์สาว
“งั้นตามมา” เจ้าของไนติงเกลตัดสินใจเรียกอารดาไปคุยอย่างเป็นทางการทันที
อารดานั่งนิ่ง เมื่อรานีพูดถึงการต้อนรับแขกวีไอพีคืนนี้ให้ฟังอย่างละเอียด หญิงสาวกำลังชั่งใจว่าจะตกลงใจรับงานนี้ดีหรือไม่ เพราะวันนี้ที่บ้านเกิดปัญหาใหญ่เมื่อสอนหายหน้าไปหลายวันแล้ว โดยทิ้งเงินไว้ให้แค่ไม่กี่พันบาทและถ้าสอนไม่กลับมาวันนี้ ครอบครัวก็จะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อและไม่มีค่ายาของยาย
“เอ่อ แค่ชงเครื่องดื่มและนั่งเป็นเพื่อนใช่ไหมคะ” อารดาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
ตลอดสองอาทิตย์ที่ทำงานที่นี่ก็พอรู้บ้างว่า บางครั้งสาวๆ ของไนติงเกลจะออกไป พิเศษ กับลูกค้า แต่นั่นเป็นการตกลงกันส่วนตัวไม่เกี่ยวกับทางร้าน ที่สำคัญรานีไม่มีนโยบายแบบนี้ในร้าน
“ใช่ แต่ถ้าแขกจะพาเธอออกไป นั่นเป็นเรื่องของเธอกับแขก ฉันไม่เกี่ยว”
“แล้วถ้าไม่ไปได้ไหมคะ” อารดาก้มหน้าถามเสียงเบา
“ได้ มันเป็นสิทธิ์ของเธอ แต่...” รานีเว้นวรรคเล็กน้อยแล้วพูดต่อไปว่า
“เราอาจจะเสียลูกค้าหรือไม่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่นั่งเป็นเพื่อนเอาใจคอยพูดคุยหาเรื่องสนุกมาเล่า จบงานก็อาจจะได้ค่าเสียเวลาแล้วแต่ความใจดีของแขกก็ต้องลองเสี่ยงดู”
“ถ้าปูเป้ขอทำงานนี้ แต่ไม่ออกไปกับแขกได้ไหมคะ”
“เรื่องงานฉันให้เธอทำอยู่แล้วแต่จะไปกับแขกหรือไม่ ฉันให้เธอตัดสินใจเอง”
อารดาต้องกลับมาคิดทบทวนอย่างหนัก บางทีมันอาจไม่ใช่เรื่องที่กลัวก็ได้ อย่างน้อยก็สบายใจว่ารานีไม่บังคับให้ต้องทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การออกไปกับแขกอาจนำรายได้ที่งดงามมาให้ แต่เป็นตายร้ายดีอย่างไรเธอก็จะไม่ทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด
“ทำไมจู่ๆ ถึงคิดอยากทำงานนี้” รานีแปลกใจเหมือนกัน เพราะไม่เคยเห็นอารดาสนใจงานนี้มาก่อน
ตลอดเวลาที่หญิงสาวทำงานที่นี่ก็มุ่งมั่นอยู่กับสิ่งที่ได้รับมอบหมายไม่มีการวอแวสิ่งอื่น ถึงแม้จะมีแขกหนุ่มๆ แวะเวียนมาหาช่องทางสานสัมพันธ์ด้วย แต่เจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น
“นายสอนล่ะ” เจ้าของคลับถามถึงพ่อเลี้ยงที่หายหน้าไปนับจากวันที่เอาเธอมาฝากทำงาน
“ลุงสอน เอ่อ ไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้วค่ะ พรุ่งนี้ยายต้องไปหาหมอถ้าลุงสอนไม่กลับมาคืนนี้ ยายก็จะ...” อารดาก้มหน้าน้ำตาคลอขึ้นมาทันที
ยายของอารดาต้องล้างไตอาทิตย์ละสองครั้ง เงินที่หามาได้ทั้งครอบครัวหมดไปกับการรักษาแต่ก็ไม่เคยมีใครปริปาก ขอแค่ให้ยายมีชีวิตอยู่กับเธอและครอบครัวไปนานๆ ต้องเสียเงินเท่าไรทุกคนก็สู้
“เอาละ ถ้างานคืนนี้ผ่านไปได้ฉันจะให้เบิกล่วงหน้า หรือไม่แน่ถ้าเจอแขกใจดีกระเป๋าหนักอาจไม่ต้องพึ่งเงินฉันก็ได้” รานีลุกขึ้นเดินมาตบบ่าหญิงสาว
“ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ ดูแม่สาวๆ พวกนั้นสิ ไปถามดูก็ได้ไม่มีใครอยากเป็นแบบนี้ แต่เพื่อปากท้องบางทีก็พูดไม่ได้ ดังนั้นก่อนจะทำอะไรตัดสินใจให้ดีแล้วกัน ชีวิตเป็นของเรา”
อารดาเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมา สูดลมหายใจเข้าเรียกกำลังใจตนเองอีกครั้ง ตอนนี้งานอะไรก็ได้ขอให้ได้เงินมาเพื่อครอบครัวเธอยินดีทำทุกอย่างแน่
“ไป ไปแต่งตัวให้สวยจะให้สาวๆ สอนวิธีเรียกทิปให้” รานียิ้มให้กำลังใจ
“ขอบคุณค่ะ”
