บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

ไนติงเกลคลับ

คลับหรูสำหรับคนมีเงินแหล่งท่องเที่ยวของผีเสื้อราตรีกระเป๋าหนา แสงไฟที่ส่องสว่างด้านหน้าร้านตลอดจนชื่อเสียงและความประทับใจที่ไม่รู้ลืมของแขกที่มาเที่ยว ทำให้สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่นิยมตลอดกาลไม่เสื่อมคลาย

“เอาน่าเจ๊ รับรองว่าไม่ผิดหวัง” เสียงชายวัยกลางคนอ้อนวอนด้านหลังร้าน

รานี เจ้าของไนติงเกลคลับวัยสี่สิบปีที่ยังคงเค้าความงามไม่สร่าง ยืนกอดอกมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างชั่งใจว่าจะทำอย่างไรกับคำอ้อนวอนนี้ดี ถ้าเชื่อเธอต้องเสียเงินแสนแล้วจะคุ้มไหมกับเงินที่เสียไป แต่ถ้าไม่เชื่อก็จะกลายเป็นคนใจดำที่ไม่ช่วยเพื่อนมนุษย์ในยามที่ตกยาก

“เงินตั้งแสน แกมีปัญญาใช้ฉันเหรอ นายสอน” รานีถามพลางมองหน้าชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

รานีรู้จักสอนดีกว่าใครทั้งหมดก็ว่าได้ เพราะสอนเป็นลูกน้องเก่าของสามีที่จากไป เคยกินนอนอยู่ในบ้านเป็นเวลาหลายปี นอกจากทำตามคำสั่งลูกพี่แล้วสอนก็ไม่มีความคิดอื่นในการทำมาหากิน จะมีก็แต่ทำอวดเบ่งให้คนกลัวหรือข่มขู่ตามประสานักเลงที่มีลูกพี่เป็นถึงเจ้าของบ่อนดังเท่านั้น

หลังจากที่สามีของรานีเสียชีวิตเพราะถูกกรรมตามสนอง เนื่องจากไปทำร้ายคู่อริฝั่งตรงข้ามถึงชีวิต ไม่นานเขาก็เอากระสุนปริศนาที่หาคนทำไม่ได้จนวันนี้มาส่งให้ถึงหน้าบ้าน เป็นอันจบชีวิตขาใหญ่ที่มีตำนานอันเลื่องลือ เหล่าลูกน้องต่างก็แตกกระเซ็นไปหาที่พำนักใหม่

ไนติงเกลคลับก็พลอยมีผลกระทบไปด้วยในระยะแรก แต่รานีเป็นคนสู้ชีวิตและไม่ยอมงอมืองอเท้าให้ตนเองอับจนหนทาง เส้นสายที่สามีเคยใช้ปูทางยังพอมีอยู่บ้าง แน่นอนว่าเธอก็สานต่อด้วยวิธีการที่ใครๆ ก็ทำกัน

“โธ่ เจ๊ ผมก็เอาลูกสาวมาเป็นประกันแล้วไง” สอนทำเสียงน่าสงสารหวังได้รับเห็นใจ เขากับรานีก็ไม่ใช่คนอื่นเคยเห็นกันมาตั้งแต่สมัยที่เจ้านายเก่ายังมีชีวิตอยู่

“ลูกสาวแกที่ไหน ลูกติดเมียแกต่างหาก” รานีทำเสียงดุ รู้ทันความคิดของสอนหมดทุกอย่าง

“มันก็ลูกผมแหละ ตอนนี้ผมเป็นผัวแม่มัน มันก็เท่ากับเป็นลูกเลี้ยงผม นังปูเป้มันสวยกว่าแม่มันอีกนะเจ๊ ที่สำคัญเรียนเก่งมากจนได้ทุนจากฝรั่งใจบุญส่งให้เรียนจนจบปริญญา นี่มันยังหางานทำไม่ได้ผมก็คุยกับมันแล้วว่าจะให้มาทำกับเจ๊ก่อน”

“เรียนสูงขนาดนั้นก็ควรไปทำงานที่ดีกว่านี้ แกก็รู้งานกลางคืนเนี่ยมันอันตรายแค่ไหน ที่สำคัญฉันเสียดายความรู้ที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมา”

“ถ้านังปูเป้ไม่มาทำงานกับเจ๊แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปให้แม่มันล่ะ ไหนจะคนแก่ที่บ้านอีก เจ๊อย่าคิดมากนักเลย นังปูเป้มันก็ยอมมาทำงานที่นี่แต่โดยดี ผมพูดกับมันแล้วทำไปหักเงินไปหมดหนี้ก็ค่อยไปหางานอื่นทำ หรือไม่ถ้าอยากทำต่อผมก็ไม่ว่า” สอนอ้างไปถึงสมาชิกในครอบครัวคนอื่นที่รอเงินก้อนนี้ไปต่อชีวิต

“สรุปว่าลูกเลี้ยงแกยินดีใช่ไหม ที่จะมาทำงานกับฉัน” รานีถามย้ำอีกคำ

“ยิ่งกว่ายินดีอีก ผมจะไปเอาตัวนังปูเป้มาให้เจ๊ดูเลยนะ” สอนยิ้มอย่างดีใจรีบหันหลังกลับไปบ้านทันที รับรองว่าถ้ารานีเห็นลูกเลี้ยงของเขาแล้วละก็ จะไม่ปฏิเสธเงินแสนที่ขอยืมทันที

รานีพิจารณาเด็กสาวที่นั่งตรงหน้าอย่างพึงพอใจ สอนพูดไม่ผิดว่าลูกเลี้ยงสวยกว่าภรรยาคนปัจจุบันที่ตนเคยเห็น ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาทรวงทรงองค์เอวที่สมส่วนน่ามอง ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราผมยาวสลวยดำมองแล้วถูกใจเหลือเกิน

“ชื่ออะไร” นางถามเป็นคำแรกหลังจากที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว

“ชื่อปู้เป้จ้ะ ปีนี้อายุยี่สิบเอ็ดพอดี เพิ่งเรียนจบหมาดๆ ยังไม่มีงานทำ ยังไงก็ฝากเจ๊ด้วยนะ” สอนรีบตอนแทนทันที

“ฉันไม่ได้ถามแก” รานีทำตาถลึงใส่สอน

ชายวัยกลางคนรีบก้มหน้ารู้ดีว่าพิษสงรานีมากแค่ไหน เฮียเป็นขาใหญ่เจ้าพ่อแต่ผู้หญิงคนนี้คุมเจ้าพ่ออีกที ใครเป็นใครก็รู้กันดีไม่ต้องพูดมาก

“แน่ใจนะว่าจะมาทำงานที่นี่” นางหันไปถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเมตตาเป็นพิเศษ ท่าทางเรียบร้อยของเด็กสาวทำให้รานีนึกเอ็นดูทั้งที่ยังไม่ได้พูดคุยอะไรมาก

“ค่ะ ทำไปจนกว่าจะหางานได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ” อารดา สุขทรัพย์หรือปูเป้ตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

เธอมาที่นี่ตามคำสั่งของพ่อเลี้ยง เนื่องจากตอนนี้ยายป่วยหนักและมารดาก็หาเงินเข้าบ้านได้ไม่พอกับค่ารักษา เมื่อสอนหารือว่าจะให้หญิงสาวมาทำงานกับเจ้านายเก่า ทุกคนที่บ้านจึงไม่มีใครกล้าปริปากขัดขวางเพราะรู้ดีกว่าเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนอยู่รอดต่อไปได้

“แล้วรู้ไหมที่นี่ทำอะไรบ้าง” รานีเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้ อยากรู้ว่าเด็กสาวเต็มใจมาหรือถูกหลอกมากันแน่

“เป็นแคชเชียร์ค่ะ แต่เป็นงานกลางคืนก็คงเลิกดึกหน่อย” หญิงสาวตอบตามที่พ่อเลี้ยงสอนมา

อารดาไม่รู้หรอกว่างานที่ต้องทำคืออะไร สอนบอกแค่ว่าเป็นงานแคชเชียร์ในคลับของเจ้านายเก่า แม้ตอนแรกอรุณมารดาของเธอจะคัดค้านว่างานกลางคืนคงไม่เหมาะกับบุตรสาว แต่เมื่อพ่อเลี้ยงแย้งว่าปากท้องกับความเหมาะสมอะไรสำคัญกว่ากัน หญิงสาวจึงจำเป็นต้องมาทำงานที่นี่

“แคชเชียร์ที่นี่ได้เดือนละหมื่นกว่า ถ้าโชคดีมีทิปก็คงได้มากกว่านั้นแต่คงยากเพราะไม่ได้ออกมาเจอแขก” รานีพูดช้าๆ พลางหยิบธนบัตรปึกใหญ่ออกมาจากเซฟใต้โต๊ะทำงาน

“ออกไปรอหน้าห้องก่อน เดี๋ยวจะให้คนสอนงานให้” ในที่สุดรานีก็ตัดสินใจรับเด็กสาวเข้าทำงาน แต่...

“อะไรเจ๊ ไหนว่าหนึ่งแสนไง ผมก็เอานังปูเป้มาเป็นตัวประกันแล้ว ทำไมให้ผมแค่ห้าหมื่น” สอนโวยวายดังลั่นเมื่อรู้ว่าเงินที่กองตรงหน้ามีจำนวนแค่ห้าหมื่นไม่ใช่หนึ่งแสนตามที่ตกลงไว้แต่แรก

“จะเอาไหม” นางถามสั้นๆ

“เอาครับ” สอนรีบตะครุบเงินทันที

“เด็กคนนี้ท่าทางฉลาดไม่น่าทำงานกับฉันนาน ดีไม่ดีทำๆ ไปอีกวันสองวันก็อาจจะมีบริษัทมาเรียกตัวไปก็ได้ ห้าหมื่นเนี่ย ฉันไม่หักกับเด็กหรอก แต่นายสอนต้องเอามาคืนฉัน”

“เจ๊” สอนตกตะลึง ไม่คิดว่าเงินห้าหมื่นจะเป็นภาระของตนที่ต้องหามาคืน

“ทำไมไม่หักจากเงินเดือนนังปูเป้ล่ะ เราตกลงกันแล้วไงว่าจะให้มันใช้หนี้แทนผม”

“ไอ้สอน” เสียงรานีเข้มขึ้นมาทันที

“ฉันรู้นะเงินนี่แกเจียดเข้าบ้านไม่เท่าไร ที่เหลือก็เอาไปลงบ่อนหรือไม่ก็ลงขวด แกคิดว่าฉันโง่เหรอที่ไม่รู้ทันแก”

สอนนิ่ง รานียังไงก็คือรานีที่รู้ทันไปหมดซะทุกเรื่อง ชายวัยกลางคนกุมเงินในมือแน่นยังไงเสีย ห้าหมื่นนี้ก็ต้องเอาไปให้ได้

“ถ้าอยากได้ก็เซ็นชื่อตรงนี้ ถ้าไม่เอาคงรู้นะต้องทำยังไง” รานีโยนปากกาลงตรงหน้า สอนจำใจต้องเซ็นชื่อลงในกระดาษ ทุกอย่างผิดแผนไปหมดแต่ก็ยังดีที่ได้เงินมา ส่วนเงินคืนเขามีวิธีหามาให้ได้ไม่ยาก

รานีถอนหายใจยาวเมื่อสอนหอบเงินห้าหมื่นกลับออกไป คิดเสียทำบุญต่อชีวิตให้กับอีกหลายคนที่รอเงินก้อนนี้ แม้มันจะไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยสักเท่าไร แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าให้คนหนึ่งสร้างหนี้อีกคนที่ไม่รู้เรื่องต้องรับผิดชอบ

อารดาตื่นตาตื่นใจกับสถานที่ทำงานในค่ำคืนนี้ ไนติงเกลคลับดูหรูหราทันสมัยที่สำคัญที่นี่มีแต่ผู้หญิงน่าตาดีสวยจนละลานตาไปหมด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel