หน้าที่ใหม่
ห้องทำงานกว้างถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงในแบบโมเดิร์นด้วยสีโทนขาวดำน้ำเงินเข้มประกอบด้วยโต๊ะทำงานใหญ่สีดำของท่านซีอีโอกับเก้าอี้หนังเงาดำวับ และโซฟาหนังสีดำทรงแอลกลางห้อง
ชายร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำนั่งเก้าอี้ทำงานหันหลังให้กับประตูทางเข้า
“สวัสดีค่ะ นาเดีย ศิริการณ์ค่ะ”
ท่านซีอีโอหันเก้าอี้กลับมาหาเจ้าของเสียงหวานเมื่อครู่
สายตาของเขาที่มองเธอมีความดุดัน มาดนิ่ง ๆ ตามแบบฉบับของซีอีโอทำให้คนมาใหม่รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่เท่าความตกใจที่ได้เห็นหน้าท่านซีอีโอ
“คุณ!” นาเดียหลุดปากพูด
“ครับ? เรารู้จักกันด้วยเหรอครับ”
“ปะ เปล่าค่ะ สงสัยจำคนผิด ขอโทษด้วยค่ะที่เสียมารยาท”
“เชิญนั่งซิ ผมมีเวลาไม่มาก”
นาเดียนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามก่อนการสัมภาษณ์จะเกิดขึ้น
“คุณเริ่มงานได้วันไหน”
“คะ?”
ราชันย์ยังคงสภาพหน้านิ่ง ไร้ความรู้สึกแบบเดิมอยู่ รอให้เธอตอบคำถามเขา ส่วนนาเดียก็กำลังเรียกสติตัวเองกลับมาด้วยการหยิกขาตัวเองก่อนจะพูดว่า
“เอิ่ม ดะ เดือนหน้าค่ะ”
“ผมให้เวลาแค่สองอาทิตย์”
“คะ?”
“ถ้าไม่อยากได้งานก็อย่ามาทำให้ผมเสียเวลา แต่ถ้าอยากได้...”
ราชันย์ยื่นเอกสารสัญญาจ้างให้เธอ โดยเขายื่นหน้าที่เน้นตัวหนังสือในส่วนของเงินเดือนชัดเด้งออกมาสะดุดตา
นาเดียรับเอกสารมาสัญญาจ้างมาอ่าน เธอทำตาโตทันทีเมื่อเห็นจำนวนเงิน
“หนึ่งแสน!!”
“ทำไม น้อยไปหรือไง”
“ปะ เปล่าค่ะ”
นาเดียก้มลงอ่านสัญญาต่อก่อนที่จะพูดว่า “สัญญา 5 ปี”
“อืม และถ้าลาออกก่อนกำหนด หรือถูกไล่ออกเพราะเหตุผลเรื่องงาน เธอต้องจ่ายเงินที่เหลือคืนบริษัทตามเวลาที่เหลือ”
“สัญญาจ้างแบบนี้ก็มีเหรอคะ”
“ยอมรับเงื่อนไขนี้ หรือจะวางสัญญาลงแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป เธอเลือกเอา!”
“คุณจะไม่ถามคำถามเกี่ยวกับตัวฉันหรือคำถามสัมภาษณ์งานเลยเหรอคะ”
ราชันย์ยกเรซูเม่และเอกสารต่าง ๆ ที่เธอแนบมากับอีเมลขึ้นก่อนที่จะพูดว่า
“เธอได้ทำงานอย่างที่เธอเขียนในเอกสารพวกนี้หรือเปล่าหละ”
“ค่ะ”
“ฉันพอใจในสิ่งที่อ่าน ที่เหลือฉันจะรู้เองเมื่อเธอเริ่มงาน ฉันเป็นคนที่เชื่อการกระทำมากกว่าคำพูด”
“คือสิ่งที่ดิฉันไม่ได้ใส่ลงไปในใบสมัครคือ เอิ่ม ดิฉันมีลูกแล้ว”
“นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเธอ ฉันไม่สนใจหรืออยากรู้เรื่องส่วนตัวของเธอหรือของใคร ฉันสนใจแค่ผลงานและความสามารถในการทำงานเท่านั้น”
นาเดียไม่พูดอะไรต่อ
ราชันย์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ก่อนจะพูดว่า
“ฉันเหลือเวลาให้เธอแค่ 5 นาที”
นาเดียนิ่งไปซักพักก่อนที่จะหันไปหยิบปากกาในกระเป๋าถือตัวเองออกมาเซ็นสัญญา
“เรียบร้อยค่ะ”
“ก็แค่นั้นแหละ”
ราชันย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ นาเดียลุกขึ้นและยื่นมือออกไปเพื่อเช็คแฮนด์นายใหม่ตามมารยาท
“ขอบคุณสำหรับโอกาสนะคะ”
“ห้านาทีพอดีแป๊ะ”
เขาหยิบเอาสัญญาจ้างและเดินออกไปจากห้องทำงาน ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน ปล่อยให้เธอยื่นมือค้างเติ่งอยู่แบบนั้นในห้องคนเดียว
นาเดียเดินออกจากห้องทำงานเขาด้วยความงงงวย สับสนและยังคงไม่เข้าใจว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เธอเดินออกจากตึกแบบใจลอยแต่เท้าก็นำพาร่างเธอไปที่ร้านไอศกรีมไอริน
“เดีย มาแล้วเหรอ แป๊บนะแก นั่งรอตรงนั้นก่อน”
นาเดียเดินไปนั่งรอเพื่อนซี้แบบใจลอย
“โทษทีแก วันนี้ยุ่งมาก ลูกจ้างฉันก็ลา เห้อ”
ไอรินเดินมาหาเพื่อนหลังจาก 30 นาที
“เดีย เดีย แกได้ยินที่ฉันพูดไหมเนี่ย”
ไอรินเขย่าตัวเพื่อนอย่างแรงจนนาเดียได้สติกลับมา
“หืม?”
“นี่แกโอเคป่ะเนี่ย”
“ฉันเพิ่งได้งาน”
“เห้ย จริงดิ ดีใจด้วยนะแก ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”
ไอรินหน้าตาตื่นเต้น แต่พอเธอมองหน้าเพื่อน
“แล้วทำไมแกทำหน้าอย่างนั้นอ่ะ”
“ราชันย์ ราชันย์คือซีอีโอที่เพิ่งรับฉันเข้าทำงาน”
“......”
“ฉันกำลังจะไปเป็นเลขาของเขาเป็นเวลา 5 ปี”
ไอรินยังคงอ้าปากค้างกับข้อมูลที่ออกจากปากเพื่อน ส่วนนาเดียเริ่มมีสติมากขึ้น เธอเริ่มเล่าเหตุการณ์สัมภาษณ์ให้ไอรินฟังอย่างละเอียด
“หนึ่งแสน!!! คุณพระ นี่แกต้องทำงานให้เขาตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันเลยหรือเปล่าเนี่ย”
นาเดียส่ายหน้าก่อนที่จะพูดว่า
“ในสัญญาเขียนไว้ชัดเจนว่า เวลาทำงานคือ 8 ชั่วโมง ถ้าทำงานเกินเวลาก็จะได้เพิ่ม”
ไอรินทำตาโตอีกครั้ง
“ฉันไม่เคยเห็นสัญญาจ้างแบบนี้มาก่อน ถ้าจะพูดให้ถูก ไม่รวยจริงทำไม่ได้นะอะไรแบบนี้”
“แกว่าฉันตัดสินใจผิดไหม”
“ตอบยากอะแก เพราะถ้าแกพลาด เขาจะไล่แกออกเลยไหมหรือยังไง ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อมือแกนะ แต่แบบ...”
“ฉันมีทางเลือกเดียวคือ ห้ามพลาด เพราะงานนี้จะทำให้ฉันปลดหนี้ได้และฉันจะมีเงินเก็บมากพอไว้ให้ลูก”
ไอรินจับไหล่เพื่อนและพูดว่า “ฉันเชื่อมือแก ว่าแต่จากที่แกเล่าฟังดูเหมือนคนไม่รู้จักกันคุยกัน เขาจะจำแกไม่ได้เลยเหรอ”
“เรื่องนี้ฉันไม่แน่ใจจริง ๆ เพราะทั้งสายตา ท่าทาง คำพูด ไม่เหมือนเขาที่ฉันรู้จักเลยซักนิด สายตาเขาดูว่างเปล่ายังไงบอกไม่ถูก คำพูดตรงไปตรงมา น้ำเสียงแฝงไปด้วยเย็นชา มาดผู้บริหารนิ่ง ๆ ขรึม ๆ”
“ก็นะ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นมั้งแก อารมณ์ทายาทมหาเศรษฐีเข้าถึงยาก เหอะ ๆ”
“ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องเดินหน้าต่อเพื่อลูก นี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวของฉันก็ได้”
“เอาไงเอากันซิแก”
ถึงแม้ว่าไอรินจะยังคงมีความสงสัยมากมายในหัวเรื่องเงื่อนไขของสัญญาจ้างแต่เธอก็ไม่ปฏิเสธว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะทำให้นาเดียได้หายใจหายคออีกครั้ง
ส่วนนาเดียก็ยังคงประมวลข้อมูลในหัวทั้งเรื่องสัญญาจ้าง ความสงสัยในใจว่าเขาจำเธอได้หรือเปล่า และเธอก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าเขาจ้างเธอเพราะประวัติการทำงานอย่างที่เขาพูดหรือเพราะอะไรกันแน่ แต่นั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับคำถามที่ว่าเธอจะทำยังไงไม่ให้ถูกไล่ออกก่อนเวลาตามสัญญา
“จัดให้โต๊ะเลขาฉันอยู่มุมนี้”
“ในห้องทำงานเดียวกับท่านเหรอคะ”
“ใช่ จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในอาทิตย์หน้า”
“ได้ค่ะท่าน”
“เออ อีกเรื่องนึง”
ราชันย์ยื่นบัตรเครดิตให้เลขาพ่อก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “เตรียมชุดทำงานให้เธอด้วย”
“ได้ค่ะ เธอแต่งตัวเชยมากจริง ๆ ค่ะท่าน อิอิ”
ราชันย์มองหน้าเธอด้วยสายตาที่บอกว่า ฉันไม่ได้ตลกกับเธอด้วย
“ดะ ได้ค่ะท่าน”
เลขาพ่อรับบัตรเครดิตจากเขามาก่อนที่จะเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างเงียบ ๆ
“เห้ย นี่มันจะเที่ยงแล้วนิ”
ราชันย์มองนาฬิกาข้อมือตัวเองก่อนที่จะคว้าเสื้อสูทที่พาดอยู่พนักเก้าอี้ และพุ่งตัวออกจากห้องทำงานตัวเองเพื่อมุ่งหน้าไปที่สนามบินตามคำสั่งของพ่อบังเกิดเกล้า
