บทที่ ๘
สองเด็กน้อยกับน้าสาวประสานเสียงหัวเราะกัน เสริมให้บรรยากาศภายในห้องครัวเย็นนี้ดูสดชื่นกว่าทุกวัน เด็กทั้งสองคนกำลังช่วยกันแต่งหน้าไอศกรีมอย่างสนุกสนานโดยมีปานชนกกับป้านวลคอยเป็นลูกมือให้
“สงสัยคุณแม่จะมาแล้ว เดี๋ยวยายนวลไปเปิดประตูให้คุณแม่ก่อนนะคะ”
พูดจบร่างท้วมก็แยกออกจากครัวตรงไปที่หน้าบ้านทันที
“คุณแม่ขา วันนี้น้องพาฝันทำไอติมให้คุณแม่ด้วยค่ะ”
ทันทีที่เห็นหน้ามารดา แฝดคนน้องก็รีบวิ่งนำหน้าพี่สาวตรงเข้าหาพร้อมกับอ้าแขนให้มารดาอุ้มขึ้นอีกด้วย
“เหรอคะ ไหนพาคุณแม่ไปดูหน่อยซิว่าทานได้หรือเปล่า”
ผู้เป็นมารดาพูดพลางหอมแก้มแฝดคนน้องที่กำลังอุ้มอยู่โดยไม่ลืมที่จะย่อตัวลงไปหอมแก้มแฝดคนพี่ด้วย
“นี่ค่ะ พี่ทอฝันกับน้องพาฝัน น้าป่าน คุณยายนวลช่วยกันทำให้คุณแม่ค่ะ”
น้องทอฝันรีบรายงานพร้อมฉุดมือมารดาให้เดินตามไปในครัว
“โอ้โห... น่ากินจังเลย ไหนให้คุณแม่ลองชิมหน่อยซิว่าอร่อยหรือเปล่า”
แล้วณรันดาก็ตักไอศกรีมที่เด็กทั้งสองเพิ่งแต่งหน้าเสร็จเมื่อครู่เข้าปาก
“อื้ม... อร่อยที่สุดเลย”
หญิงสาวทำตาโตพร้อมด้วยน้ำเสียงยืนยันว่าไอศกรีมตรงหน้าอร่อยจริงๆ เด็กน้อยยิ้มแก้มแทบปริ ที่ได้ยินคำชมจากมารดา
“แล้วเป็นไงบ้างคะ วันนี้สองสาวดื้อกับน้าป่านหรือเปล่าคะ”
ณรันดาเอ่ยถามพร้อมกับตักไอศกรีมป้อนให้ลูกสาวทั้งสองคนไปด้วย
“ไม่ดื้อเลยค่ะ”
สองเสียงดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน
“เอ... จริงหรือเปล่าน้า”
ณรันดาทำทีเหมือนไม่เชื่อที่ลูกสาวตัวแสบพูด
“จริงค่ะ ไม่เชื่อถามน้าป่านดูก็ได้”
น้องพาฝันรีบตอบพร้อมกับหันมองหน้าน้าสาวอย่างต้องการคำยืนยัน
“โอเคๆ คุณแม่เชื่อก็ได้ มา... มาช่วยคุณแม่กินก่อนเร็วเดี๋ยวละลายหมด อดกินกันพอดี”
ณรันดาก็อุ้มลูกสาวขึ้นนั่งบนเก้าอี้ทีละคนพร้อมกับเลื่อนถ้วยไอศกรีมถ้วยใหญ่ไว้ตรงหน้าเด็กทั้งคู่ จากนั้นสองพี่น้องก็ทำหน้าที่จัดการไอศกรีมในถ้วยโดยไม่ลืมที่จะตักป้อนมารดา ปานชนก และป้านวลที่ยืนมองดูทั้งสองคนอย่างเอ็นดูด้วย
“นี่ปลาย วันนี้ตอนเสร็จงานนะ อยู่ๆ น้องพาฝันเกิดคิดถึงเธอขึ้นมาซะงั้นแหละ”
ปานชนกเล่าให้เพื่อนรักฟังขณะที่เด็กทั้งคู่กำลังนั่งดูการ์ตูนหน้าทีวีกับป้านวลอยู่
“เฮ้อ... เราสงสารลูกจังเลย ไหนจะเรียน และยังต้องมาทำงานตั้งแต่เด็กอีก”
หญิงสาวค่อยๆ พ่นลมหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ
“เอาน่า คงเป็นเพราะว่าวันนี้ยายสองแสบดันเห็นเพื่อนๆ มีพ่อแม่มาด้วยนั่นแหละ เลยรู้สึกอยากให้แม่ตัวเองมาเหมือนคืนอื่นๆ บ้าง... อย่าคิดมาก นี่เดี๋ยวก็เหลือไปถ่ายชุดเด็กที่สตูฯ อีกงานเดียวยายสองแสบก็ว่างแล้ว เราค่อยพาไปเที่ยวกัน ปลายจะได้พักสมองบ้าง”
ปานชนกพยายามพูดไม่ให้เพื่อนคิดมาก
“เออ ป่าน พรุ่งนี้เรารบกวนให้มาอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ หน่อยนะ พอดีคุณมาร์คชวนเราไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนน่ะ”
ณรันดาเอ่ยบอกเพื่อนอย่างเกรงใจ
ชื่อมาร์ค ที่ดังขึ้นทำให้หัวใจปานชนกเต้นผิดจังหวะขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวมือไม้ที่ก็วางอยู่ดีๆ ก็ดันเกิดรู้สึกว่ามันไม่มีที่วางซะอย่างนั้น ทว่าก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ไม่ใช้เพื่อนรักได้รู้ถึงอาการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง
“อืม... ได้ซิไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเรามาอยู่เป็นเพื่อนเอง ปลายไปเถอะ รู้จักออกงานบ้างก็ดีเหมือนกัน”
หญิงสาวตั้งสติเล็กน้อยก่อนรับคำเพื่อนรัก
“ขอบใจมากนะจ๊ะ... เราเกรงใจป่านจังเลยจริงๆ เราไม่อยากจะไปหรอกแต่ก็เกรงใจคุณมาร์ค เราปฏิเสธเขามาหลายงานแล้ว”
ณรันดารีบอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ
“ดีแล้วละปลาย คุณมาร์คเป็นคนดี เราว่าปลายลองเปิดใจดูเขาหน่อยก็ดีนะ”
แนะนำเพื่อนรักไปเช่นนั้น หัวใจตัวเองก็กระตุบวาบแปลก
“ป่านก็รู้ว่าเรายังไม่พร้อม แค่ทุกวันนี้เราจะหาเวลาให้ลูกได้ยังยากเลย”
ณรันดาดึงเรื่องเวลาและลูกขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
ณรันดานั้นรู้ใจตัวเองดีว่า เพราะอะไรที่เธอถึงไม่สามารถที่จะเปิดใจรับมาร์คได้ ทั้งที่มาร์คก็ดีกับเธอทุกอย่าง ทว่าเธอกลับมีความรู้สึกว่าเธอนั้นไม่ดีพอสำหรับมาร์ค แต่ในใจลึกๆ นั้นคงเป็นเพราะ... เธอยังคงลืมพ่อของลูกฝาแฝดเธอไม่ได้นั่นเอง
