บทที่ ๕
บรรยากาศภายในโรงเรียนอนุบาลยามเช้าเช่นนี้ เด็กๆ ต่างพากันจับกลุ่มวิ่งเล่นบริเวณสนามเด็กเล่นที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้
เช้านี้ณรันดาต้องมารับเด็กที่หน้าโรงเรียนแทนครูเวร เนื่องจากครูเวรประจำวันเกิดป่วย ทำให้เธอได้มีโอกาสเจอหน้าผู้ปกครองของเด็กและได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กบางคนบ้าง
“สวัสดีครับ... ทำไมเช้านี้คุณปลายถึงมายืนรับเด็กเองล่ะครับ”
เสียงสุขุมนุ่มหูดังขึ้นเมื่อเจ้าของเสียงลดกระจกรถหรูที่กำลังจะเลี้ยวเข้าประตูโรงเรียนลง
“สวัสดีค่ะคุณมาร์ค... พอดีครูนวลจันทร์ไม่สบาย เพิ่งโทร.มาบอกเมื่อเช้าค่ะ เลยหาครูมายืนรับเด็กๆ แทนไม่ได้ ปลายว่างเลยอาสามารับแทนค่ะ”
เสียงหวานของครูสาวที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เดี๋ยวผมเอารถไปจอดแล้วจะมายืนเป็นเพื่อนนะครับ”
พูดจบเขาก็กดเลื่อนกระจกขึ้นแล้วหักพวงมาลัยรถตรงไปยังลานจอดรถประจำตำแหน่งทันที จากนั้นก็รีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อยแล้วรีบเดินตรงมาหาหญิงสาวที่หน้าประตูทางเข้าของโรงเรียนตามที่บอกไว้
“วันนี้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศหรือคะคุณมาร์ค”
ณรันดาเอ่ยถามทันทีที่ร่างของชายหนุ่มหยุดอยู่ข้างๆ
“ไม่ครับ... วันนี้งานที่ออฟฟิศไม่มีอะไร ผมเลยเข้ามาดูเด็กๆ สักหน่อย”
เขาตอบหญิงสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
มาร์ค ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ สูงราวหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ดวงตาคมกริบสีมรกตดูมีพลัง อีกทั้งแพขนตายาวหนารับกับดวงตาคมคู่นั้นยิ่งเสริมให้ดูมีเสน่ห์ชวนฝัน จมูกโด่งขึ้นสันอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากบางได้รูปสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติ ซึ่งถ้าดูจากรูปหน้าแล้วเขาออกจะดูเป็นฝรั่งมากกว่าที่จะเป็นลูกครึ่งที่มีเชื้อไทยผสมอยู่
มาร์คเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ ทว่ามารดาของเขาเป็นผู้ดูแล โดยมี ณรันดาคอยเป็นผู้ช่วยอีกแรง นอกจากนี้เขายังมีธุรกิจหลักอีกอย่างคือธุรกิจเกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้าง
“แสดงว่าเคลียร์โครงการก่อสร้างบ้านจัดสรรล่าสุดเรียบร้อยแล้วสิคะ”
“ก็ยังไม่เรียบร้อยดีครับ แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเจ้าของโครงการคุยกันง่ายและดูท่าจะไม่เรื่องมากด้วย”
มาร์คยังคงส่งยิ้มพราวเสน่ห์อยู่ไม่ขาด
นี่หากเป็นหญิงอื่นป่านนี้หัวใจคงจะละลายไปแล้ว เพราะทั้งสายตาและรอยยิ้มนั้นช่างหวานเยิ้มจนชวนหลงใหลเลยทีเดียว หากแต่หญิงสาวตรงหน้าเขาคือณรันดา ซึ่งไม่เคยคิดอะไรกับเขาเกินไปกว่าคำว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้น
มาร์คพอจะทราบดีว่าสาวเจ้าคิดเช่นไรกับตัวเอง แต่เขาไม่สามารถที่จะหักห้ามหรือหยุดที่จะไม่ให้ใจผู้หญิงตรงหน้าได้ เขาไม่เคยสนใจอดีตของเธอแม้แต่น้อยเขายินดีและยอมรับที่จะเป็นพ่อสองพี่น้องคู่นี้อย่างเต็มใจ แต่หญิงสาวไม่ยอมรับในข้อเสนอต่างๆ พวกนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามหยิบยื่นให้เธอมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทว่าก็ยังไม่ละความพยายามเพียงแต่จะค่อยๆ แทรกแซงเข้าไปหัวใจของเธอ หวังเพียงว่าสักวันหนึ่งเธอคงเห็นใจและยอมใจอ่อนให้บ้าง เมื่อถึงวันนั้นเขาคงดีใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอ... แล้วนี่น้องพาฝันอยู่ไหนครับนี่”
มารค์มองรอบๆ ไม่เห็นน้องพาฝันอยู่ข้างณรันดาเหมือนทุกครั้งจึงถามขึ้น
รวีรันตราแฝดคนน้องจะค่อนข้างติดคุณแม่มากกว่าแฝดคนพี่ โดยปกติแล้วถ้ามีโอกาส น้องพาฝันจะเลือกคลุกคลีอยู่กับคุณแม่มากกว่าไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ซึ่งจะแตกต่างจากแฝดผู้พี่ คนนี้จะไม่ติดคุณแม่ น้องทอฝันจะคุยกับคนอื่นๆ ได้ง่ายกว่าน้องพาฝัน ทว่าเด็กทั้งสองคนก็ยังคงเป็นเด็กน่ารัก เข้ากับคนง่าย อีกทั้งยังเป็นเด็กช่างเจรจาด้วยกันทั้งคู่
“วันนี้เล่นกับเพื่อนๆ อยู่ตรงโน้นน่ะค่ะ”
ณรันพยักพเยิดไปทางกลุ่มเด็กน้อยที่กำลังวิ่งเล่นอยู่สี่ห้าคน
“เอ... แปลก วันนี้ไม่เกาะติดคุณแม่เหมือนทุกวัน”
เขาเอ่ยขึ้นสายตามองที่เด็กๆ กลุ่มนั้น
“คงเบื่อคุณแม่แล้วมั้งคะ”
ณรันดาหัวเราะน้อยๆ
“ใครจะกล้าเบื่อครับ คุณแม่น่ารักออกขนาดนี้”
ได้ทีเขาก็ชมซึ่งๆ หน้า โดยไม่สนใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีท่าทางเช่นไร
ณรันดาได้ยินที่เขากำลังชมเธออยู่ แต่หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เธอชวนเขาคุยเรื่องต่างๆ เพื่อให้ได้มีอะไรสนทนากัน ดีกว่าปล่อยให้ยื่นนิ่งจ้องหน้าเธอเงียบๆ
