บทที่ ๑๓
รถยุโรปคันงามสีดำจอดที่หน้าบ้าน ณรันดาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือทันที เมื่อมองเข้าไปในบ้านแล้วยังเห็นว่าไฟในห้องนอนของลูกสาวยังเปิดอยู่
“ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่ทำให้คุณต้องออกจากงานมาก่อนแบบนี้”
ณรันดาเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับปลาย ผมเข้าใจ”
มาร์คเอ่ย แววตาที่จ้องมองนั้นก็แสดงให้หญิงสาวตรงหน้าเห็นว่าเขาเข้าใจเธอจริงๆ
“ขอบคุณมากค่ะ... งั้นปลายขอตัวก่อนนะคะ”
ณรันดาขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนเปิดประตูลงจากรถ
มาร์คยังไม่ได้เคลื่อนรถออกไปทันที เขารอจนณรันดาเดินเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้วจึงค่อยๆ เคลื่อนรถออกจากบริเวณหน้าบ้าน
ขณะที่รถของมาร์คกำลังเคลื่อนออกไปจนพ้นหน้าบ้านหญิงสาว และเลี้ยวออกไปจนไม่เห็นท้ายรถแล้ว รถสปอร์ตสีดำคันงามอีกคันก็เคลื่อนมาจอดแทนที่ เจ้าของรถเพ่งมองเข้าไปภายในบ้านที่เปิดไฟอยู่ เขามองเห็นเพียงเงาที่เคลื่อนไหวไปมาเท่านั้น เพราะประตูหน้าต่างนั้นปิดม่านไว้มิดชิดทำให้ไม่สามารถมองเห็นด้านในได้ชัดเจนอย่างใจต้องการ
รวิชญ์ตัดสินใจออกจากงานมาหลังจากที่สองหนุ่มสาวแยกออกมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น โดยอ้างว่าวันรุ่งขึ้นต้องมีประชุมงานด่วน เพื่อที่จะสะกดรอยตามสองหนุ่มสาว เพราะเขาเชื่อว่าอย่างไรมาร์คก็ต้องไปส่งเธอที่บ้าน ถ้าเขาไม่ตามเธอไปวันนี้ เขาไม่แน่ใจว่าจะได้เจอณรันดาอีกเมื่อไร และนับว่าเขาตัดสินใจถูกเลยทีเดียว เพราะมันทำให้เขาได้รู้ว่าณรันดาอาศัยอยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเธออยู่กับใคร แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ได้อยู่กับผู้ชายหน้าฝรั่งคนนี้อย่างที่ใจเขากลัว
“ปลาย คราวนี้คุณไม่มีทางหนีผมไปได้... ผมจะเอาคุณกลับมาเป็นของผมให้ได้”
รวิชญ์พูดขึ้นเหมือนเป็นการให้สัญญากับตัวเอง หลังจากที่เขาพยายามจ้องมองเข้าไปภายในบ้านอยู่นานและคิดว่าวันนี้คงจะไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านี้ รวิชญ์จึงค่อยๆ เคลื่อนรถออกจากบริเวณหน้าบ้านไป
ภายในห้องโถงของบ้าน ณรันดากำลังนั่งโอบกอดร่างเล็กของแฝดผู้น้องที่กำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยนอยู่บนโซฟา โดยมีป้านวลทำหน้าที่ปลอบอยู่ข้างๆ
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ คุณแม่กลับมาแล้ว ไม่ร้องนะคะ คนเก่งของคุณแม่เงียบนะคะ”
ณรันดาทั้งกอด ทั้งหอมแก้มอย่างปลอบขวัญเด็กตัวเล็ก มือบางก็พลางปาดเช็ดน้ำใสๆ ของเจ้าตัวเล็กที่กำลังไหลอาบเต็มสองแก้ม น้องพาฝันได้แต่ซบหน้าอยู่กับอก ผู้เป็นมารดา สองมือน้อยๆ โอบกอดแน่นอย่างกลัวว่าเธอจะหนีหายไปเช่นนั้น
“ป้านวลไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวปลายดูเองค่ะ”
ณรันดาหันไปบอกกับป้านวลเมื่อเห็นว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว
“คุณปลายจะทานอะไรร้อนๆ สักนิดไหมคะ เดี๋ยวป้าทำให้”
ป้านวลถามอย่างมีน้ำใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ... อ้อ ว่าแต่น้องทอฝันงอแงหรือเปล่าคะ แล้วยายป่านทานอะไรแล้วหรือยัง”
ณรันดานึกเป็นห่วงแฝดผู้พี่กับเพื่อนรักขึ้นมา เพราะไม่รู้ว่าระหว่างที่เธอไม่อยู่นั้นเด็กสองคนจะสร้างความวุ่นวายอะไรไว้บ้าง
“คุณป่านทานเรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนน้องทอฝันก็ไม่งอแงหรอกค่ะจริงๆ น้องพาฝันก็ไม่ได้งอแงนะคะ เธอหลับไปแล้วด้วย แต่อยู่ๆ ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วก็ร้องหาคุณแม่ พอไม่เจอก็เลยยิ่งร้องไห้ใหญ่”
ป้านวลรายงาน
“ป้านวลเข้านอนเถอะค่ะ น้องพาฝันเงียบแล้ว เดี๋ยวปลายเอาขึ้นไปนอนด้วยเลย”
“คุณปลายพาน้องขึ้นไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าปิดบ้านปิดไฟให้เอง”
ป้านวลรีบขันอาสา
ณรันดาอุ้มร่างลูกสาวคนเล็กขึ้นไปข้างบนตามคำแนะนำของผู้อาวุโส เวลานี้น้ำตาของเด็กน้อยนั้นเหือดแห้งไปแล้ว เหลือเพียงเสียงสะอื้นน้อยๆ
“คุณแม่ขา น้องพาฝันจะนอนกับคุณแม่นะคะ”
เสียงปนเสียงสะอื้นเอ่ยขึ้น
“ได้สิคะ แต่ตอนนี้คนเก่งของคุณแม่ต้องเงียบก่อน แล้วเราเข้าไปหาพี่ทอฝันด้วยกันก่อนนะคะ”
ณรันดายื่นเงื่อนไขให้ลูกสาว เป็นผลให้เด็กสาวตัวน้อยถึงกับยิ้มออกทันที
“กลับมาแล้วเหรอปลาย”
ปานชนกถามขึ้นเมื่อประตูห้องของเด็กน้อยเปิดออก
“น้องทอฝันหลับหรือยังป่าน”
“หลับแล้วจ้ะ... มียายตัวแสบนั่นแหละ สงสัยจะฝันร้าย สะดุ้งตื่นมาร้องหาแต่แม่ ป้านวลเลยต้องเอาตัวลงไปข้างล่าง กลัวทอฝันจะตื่นขึ้นมาอีกคน”
ปานชนกบอกเพื่อนรัก มือเรียวพลางขยี้เข้าที่ศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“อืม เดี๋ยววันนี้ปลายจะเอาน้องพาฝันไปนอนด้วย ป่านจะนอนกับปลายหรือว่าจะกับน้องทอฝันที่ห้องนี้ก็ได้นะ”
“งั้นป่านนอนเป็นเพื่อนน้องทอฝันแล้วกัน... ปลายไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
ปานชนกบอกเพื่อนรักเมื่อเห็นว่าเธอยังอยู่ในชุดเดิมเมื่อหัวค่ำนี้
“จ้ะ ฝากน้องพาฝันก่อนแล้วกัน... หนูอยู่กับน้าป่านก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณแม่อาบน้ำเสร็จแล้วคุณแม่มารับไปนอนด้วยกันนะคะ”
ณรันดาบอกเพื่อนสาวก่อนหันกลับมาบอกกับลูกสาวตัวน้อยที่ยังคงกอดเธอแน่นอยู่
“คุณแม่รีบมารับน้องพาฝันนะคะ น้องพาฝันจะไปนอนกับคุณแม่”
เสียงอ้อนนั้นยังคงปนเสียงสะอื้นน้อยๆ อยู่เช่นเดิม
“ค่ะ... คุณแม่ขอเวลาแป๊บเดียวแล้วจะรีบมานะคะคนเก่ง หนูอยู่กับน้าป่านก่อนนะคะ”
พูดจบณรันดาก็กดริมฝีปากบางได้รูปเข้าที่แก้มยุ้ยๆ หนึ่งทีก่อนส่งร่างเล็กให้เพื่อนรักดูแลแทนเธอก่อน
