บทที่ ๑๒
“มายืนอยู่ตรงนี้เอง โรสเดินหาทั่วงานเลย เอ... พี่วิชญ์อยู่กับใครคะ เมื่อกี้โรสเห็นเหมือนมีใครยืนอยู่ด้วย”
เสียงใสของรสรินทร์ดังขึ้นพร้อมๆ กับกวาดสายตามองรอบสระน้ำ ก่อนจ้องหน้าพี่ชาย
“อ๋อ แขกที่มางานนี่แหละจ้ะ... พี่เห็นเขาอยู่คนเดียวก็เลยเดินมาคุยด้วย”
“อืม... งั้นเราเข้าไปในงานกันเถอะค่ะ งานเริ่มแล้วอีกสักครู่พี่ฟ้าก็จะขึ้นเวทีแล้วนะคะ คุณแม่เลยให้โรสมาตาม”
เจ้าหล่อนพูดมือก็พลางฉุดดึงพี่ชายให้เดินตามเข้าไปด้านใน
รวิชญ์จำต้องเดินตามน้องสาวเข้ามาในงาน อันที่จริงเขาไม่อยากจะมาร่วมงานเท่าไรนัก แต่ก็ขัดมารดาไม่ได้เลยจำต้องมาด้วย หากแต่เวลานี้เขากลับรู้สึกว่าต้องขอบคุณมารดาที่ลากเขามางานด้วย หลังจากที่เขาได้เจอกับณรันดาเมื่อครู่
รสรินทร์ดึงมือพี่ชายเข้ามาในงานจนกระทั่งเกือบถึงโต๊ะวีไอพีของงาน รวิชญ์ กวาดสายตาดูว่ามีใครร่วมโต๊ะนั้นอยู่บ้าง แล้วหัวใจเขาก็ต้องกระตุกวาบขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดสีน้ำทะเลที่เขาเพิ่งประทับรอยจูบไปเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าเขาจะได้เจอและอยู่ใกล้เพียงไม่นาน เขาก็จำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
คราวนี้รวิชญ์เป็นฝ่ายรีบสาวเท้าเดินขึ้นนำหน้าน้องสาวแทน
“พี่วิชญ์อย่าเดินเร็วสิคะ โรสยิ่งเดินไม่ถนัดอยู่”
รสรินทร์บ่นอุบเมื่อเวลานี้เธอเป็นฝ่ายโดนพี่ชายฉุดดึงแทน
“สวัสดีครับคุณหญิง”
รวิชญ์เอ่ยทักทายพร้อมยกมือขึ้นทำความเคารพคุณหญิงกาญจนาทันทีที่มาถึงโต๊ะ
ณรันดาต้องอึ้งอีกครั้งที่ได้เจอเขาบนโต๊ะอาหารนี้ ทั้งๆ ที่เธอทำใจเอาไว้แล้ว หลังจากที่ได้พบคุณหญิงอรพิน เธอทราบดีว่าท่านเป็นมารดาของรวิชญ์ หากแต่เธอไม่คิดว่ารวิชญ์จะมางานนี้ด้วย เพราะรู้ดีว่ารวิชญ์ไม่ชอบออกงานสังคมแบบนี้ เมื่อได้พบเขาเมื่อครู่ ใจจริงเธอไม่อยากจะกลับมาที่โต๊ะเลย แต่ด้วยความเกรงใจเจ้าของงานเธอเลยจำใจต้องกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่เข้ามาช้า พอดีว่าเจอเพื่อนเก่า เลยคุยกันนานไปหน่อยครับ”
สายตาชายหนุ่มไม่ได้อยู่ที่ผู้สูงอายุที่นั่งอยู่ทว่ากลับไปจับจ้องอยู่ที่ใบหน้ารูปไข่ที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่
“โอ๊ย... ไม่ต้องขอโทษขอโพยอะไรหรอก พ่อรวิชญ์มาก็ดีแล้ว ป้าจะได้แนะนำให้รู้จักลูกชายป้า”
คุณหญิงกาญจนาเอ่ยอย่างเป็นกันเอง แล้วก็ทำหน้าที่แนะนำลูกชายให้รู้จักกันทันที
“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งครับคุณมาร์ค”
รวิชญ์ทักทายขึ้นก่อนหลังจากที่คุณหญิงกาญจนาแนะนำสองหนุ่มให้รู้จักกัน
“อ้าว รู้จักกันแล้วหรือ”
คราวนี้คุณหญิงอรพินเอ่ยขึ้นบ้าง
“ครับคุณแม่ ก็บริษัทคุณมาร์คนี่แหละครับที่ประมูลโครงการบ้าน และคอนโดฯ ผมไปได้”
รวิชญ์หันมาตอบมารดา ก่อนแทรกตัวลงนั่งข้างๆ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตรงข้าม ณรันดา และสามารถมองหน้าเธอได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
“อ้าว เหรอ... โลกกลมจริงๆ คนกันเองทั้งนั้น”
เสียงคุณหญิงกาญจนาดังขึ้นอีกครั้ง
“อ้อ... นี่หนูณรันดา เป็นผู้ช่วยป้าเองจ้ะ”
คุณหญิงกาญจนาแนะนำณรันดาอีกครั้งบนโต๊ะอาหาร เพราะรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้ยังไม่ทันที่จะได้แนะนำเจ้าตัวก็ขอปลีกตัวไปห้องน้ำเสียก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณณรันดา”
รวิชญ์เน้นเสียงเรียกชื่อหญิงสาวหนักแน่น
สายตาคมกริบยังคงจดจ้องเธออยู่ ทว่าเวลานี้แววตานั้นฉายแววไม่พอใจชัดเจนที่เขาเห็นเธอนั่งเคียงคู่อยู่กับลูกชายประธานจัดงานในวันนี้
บรรยากาศบนโต๊ะวีไอพียังคงดูสดชื่น ทุกคนต่างสนทนาแลกเปลี่ยนกันในเรื่องต่างๆ ทว่ามีเพียงณรันดาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งนิ่ง ไม่ค่อยพูด ถามคำตอบคำเท่านั้น รวิชญ์ลอบสังเกตเห็นว่าเจ้าหล่อนน่าจะต้องมีนัดต่อแน่ เพราะเธอมองดูนาฬิกาข้อมือบ่อยครั้ง
มาร์คก็เห็นเช่นเดียวกับรวิชญ์ หากแต่เขารู้ว่าหญิงสาวที่นั่งข้างๆ มีนัดกับใคร เขาก้มลงกระซิบข้างหูเมื่อเห็นเจ้าหล่อนมองนาฬิกาอีกครั้ง
“อยากกลับบ้านแล้วหรือครับ”
“ปลายเป็นห่วงเด็กๆ ค่ะ ไม่รู้ป่านนี้จะหลับหรือว่าจะรอปลายอยู่ก็ไม่รู้”
ณรันดาตอบเสียงดังให้ได้ยินเพียงสองคน นั่นยิ่งทำให้รวิชญ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกขัดใจ ด้วยความอยากรู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน และทำไมต้องกระซิบกระซาบกันแบบนี้ด้วย
“เดี๋ยวให้คุณเพียงฟ้าเดินแบบชุดผ้าไหมก่อนนะครับ ผมจะรีบไปส่ง”
“จริงๆ แล้วคุณอยู่งานต่อกับคุณแม่คุณก็ได้นะคะ ไม่ต้องไปส่งปลายก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยอย่างเกรงใจ ด้วยไม่อยากป็นภาระเขา
“ทำอย่างนั้นได้ไงกันครับ ผมไปรับคุณมาก็ต้องไปส่งคุณถึงที่สิครับ อีกอย่างเกิดเจ้าแสบสองคนเห็นคุณกลับเองโดยไม่มีรถผมไปส่งจะพาลโกรธผม ไม่ยอมคุยกับผมขึ้นมา คราวนี้ก็แย่สิครับ”
เพียงแค่มาร์คเอ่ยถึงเจ้าแสบสองคน รอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนเรียวปากบางทันที และนั่นยิ่งส่งผลให้คนที่กำลังจ้องมองอยู่นั้นแทบจะนั่งไม่ติดเลยทีเดียว
“พี่วิชญ์เป็นอะไรไปคะ นั่งอยู่ไม่สุขเลย”
รสรินทร์กระซิบถามพี่ชาย
ทว่ารวิชญ์กลับไม่ตอบ ปล่อยให้น้องสาวส่งค้อนวงใหญ่ให้ เพราะตอนนี้ใจเขาอยากจะลุกขึ้นไปลากผู้หญิงตรงหน้าออกจากไอ้หนุ่มหน้าฝรั่งคนนั้นนัก
¬หลังจากเพียงฟ้าเดินแบบจนครบทุกชุด มาร์คก็ขอตัวทุกคนออกจากงานเพื่อไปส่งณรันดาตามที่เขาสัญญาไว้
“คุณหญิงคะ ปลายต้องขอตัวก่อนนะคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่อยู่จนจบงานไม่ได้ ปลายเป็นห่วงเด็กๆ ค่ะ”
ณรันดาเอ่ยขอตัวลากลับ พร้อมกับขอโทษที่ต้องออกจากงานก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะหนูปลาย ยังไงก็ให้พ่อมาร์คส่งให้ถึงบ้านนะลูก ป้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
คุณหญิงกาญจนากล่าวอย่างอ่อนโยนพลางยิ้มให้อย่างเอ็นดู จากนั้นณรันดากับมาร์คก็หันมากล่าวลาทุกคนบนโต๊ะวีไอพี ก่อนพากันเดินออกจากงานไป
