บทที่ ๑๑
ณรันดาเดินออกจากงานมาเงียบๆ หลังจากที่บอกคุณหญิงกาญจนากับมาร์คว่าจะมาเข้าห้องน้ำ หญิงสาวเดินลัดเลาะมาจนถึงบริเวณสระว่ายน้ำของโรงแรมแล้วตรงไปยังเก้าอี้ตัวยาวมีเบาะสำหรับนั่งว่างอยู่มุมหนึ่งของสระว่ายน้ำก่อนทิ้งตัวลงนั่ง ถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วใช้มือเรียวค่อยๆ บีบนวดบริเวณปลายเท้าอย่างเบามือ
หญิงสาวยังคงยึดเก้าอี้ตัวเดิมไว้ ปล่อยตัวตามสบายอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ โดยไม่ทันสังเกตว่าเวลานี้กำลังมีคนจ้องมองเธออยู่อย่างไม่ละสายตา
“ปลาย นั่นคุณใช่ไหม”
เสียงคุ้นหูนั้นทำให้หัวใจณรันดาเต้นเร็วผิดปกติ ถึงแม้ว่าเขาจะเรียกเธอเพียงครั้งเดียว ทว่าเธอกลับมั่นใจว่าเสียงนั้นต้องเป็นของเขาแน่ๆ
‘ผู้ชายไร้หัวใจ’
หากแต่ในใจเธอกลับพยายามคัดค้านว่าไม่ใช่ ต้องไม่ใช่ เพราะเธอไม่อยากเจอเขาอีก เธอกำลังหนีเขาและก็หนีเขาได้มาหลายปีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอกับเขาจะได้มาพบกันอีกในวันนี้
“ปลาย ปลายใช่ไหม”
เขาเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง
เป็นผลให้ณรันดาจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงด้วยความอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แล้วหัวใจก็กระตุกวาบขึ้นมาทันที มือชา หน้าชา จนถึงใบหู
‘ใช่เขาจริงๆ เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง นี่เรากำลังหนีผู้ชายคนนี้อยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะหนีเขาไม่พ้น ไม่จริง เป็นไปไม่ได้’
คำพูดเหล่านี้ดังอยู่ในอก ใบหน้านวลส่ายน้อยๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองที่ได้เจอเขาวันนี้ ที่นี่ สีหน้าเจ้าหล่อนเวลานี้แสดงออกชัดเจนว่ากำลังตกใจอยู่ไม่น้อย
“ปลาย คุณจริงๆ ด้วย”
รวิชญ์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงและสีหน้าแววตาฉายชัดว่าดีใจมาก และน่าจะดีใจมากที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้
นับจากวันที่ณรันดาหนีจากเขาไปเงียบๆ ไม่ทิ้งแม้แต่จดหมายหรือข้อความใดๆ ไว้ มีเพียงแต่ของมีค่าที่เขาเคยซื้อให้เธอด้วยความเสน่หา หวังตอบแทนเธอที่เธอให้ความสุขกับเขาได้ทุกครั้ง ทุกเวลาที่เขาต้องการเท่านั้นที่เธอทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า
และจากวันนั้น เขาก็รอคอยเธอและตามหาเธออย่างมีความหวัง จนเวลาล่วงไปจนสี่เกือบห้าปีแล้ว ใครเลยจะรู้ว่าเขาและเธอจะได้กลับมาเจอกันอีกในวันนี้อย่างไม่คาดฝัน
ณรันดารีบลุกขึ้นยืนสวมรองเท้า แล้วก้าวออกจากเก้าอี้ที่ตัวเธอเพิ่งยึดเอาไว้นั่งพักอยู่ทันที เมื่อเห็นร่างสูงของผู้ชายที่เธอพยายามหนี กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ทว่ามือแข็งแรงของเขากลับไม่รอช้า รีบคว้าข้อมือเรียวเอาไว้ได้ก่อนที่เธอจะเดินพ้นเก้าอี้ตัวนั้นไป
“ขอโทษนะคะ ดิฉันว่าคุณคงจำคนผิด... กรุณาปล่อยมือดิฉันด้วยค่ะ”
ณรันดาเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก พยายามบิดข้อมือเรียวให้พ้นจากพันธนาการของเขา ทว่ายิ่งเธอพยายามเอาออก เขายิ่งบีบมันแน่นขึ้น
“ผมไม่มีทางจำเมียผมผิดคนหรอกครับ”
น้ำเสียงที่ลอดไรฟันออกมานั้นหนักแน่นและชัดเจน แววตาที่เพิ่งดีใจเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาเล็กน้อย
ณรันดาได้ยินที่เขาพูดถึงกับทำตาโต ด้วยไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาเช่นนี้
“นี่คุณพูดอะไรของคุณมิทราบ” ณรันดาเสียงแข็งใส่เขา
“ทำไม หรือว่าแค่คำพูดมันไม่เพียงพอ คุณต้องการให้ผมพิสูจน์ในสิ่งที่ผมพูดหรือเปล่าล่ะ... ก็ดีเหมือนกันจะได้รู้กันไปเลยว่าคุณเป็นเมียผมจริงๆ หรือเปล่า”
พูดจบรวิชญ์ก็ดึงร่างบางเข้ามาปะทะอกกว้างของเขา สองแขนแข็งแรงรีบรวบเอวบางเอาไว้ทันที
“อุ๊ย... นี่คุณปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อยไงล่ะ”
ณรันดาทั้งทุบทั้งตีเข้าที่อกกว้างอย่างเต็มแรง ทว่าดูเหมือนสิ่งที่เธอทำไปนั้นมันยิ่งทำให้เธอเป็นฝ่ายเจ็บมือเปล่าๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำของเธอเลย
“ปลายผมคิดถึงคุณจังเลย”
รวิชญ์กดริมฝีปากของเขาเข้ากับแก้มนวลอย่างถือสิทธิ์ก่อนกระซิบริมหูเธอ
“ปล่อยนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉันนะ”
“ปลาย คุณใจร้ายมาก คุณหนีผมไปทำไม ไหนคุณบอกผมมาซิว่าคุณหนีผมทำไม”
ริมฝีปากเขายังคงวนเวียนซุกไซ้ซอกซอนหาความหอมหวานบนใบหน้านวลของเธออยู่ไม่ขาด
หญิงสาวก็ยังคงพยายามหลบหนีริมฝีปากซุกซนนั้น แต่ด้วยที่เธอกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะโดนเขารวบร่างไว้แน่น จึงไม่สามารถรอดพ้นจากการกระทำของเขาไปได้
“ฮึ... ใจร้ายเหรอคะ ใครกันแน่ที่ใจร้าย ปล่อยดิฉันเถอะค่ะคุณรวิชญ์ เรื่องระหว่างคุณกับฉันมันจบไปนานแล้ว เราอย่ามารื้อฟื้นมันอีกเลยค่ะ”
“ผมไม่ปล่อย คราวนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณหนีผมไปได้อีกแล้วปลาย”
เขากดริมฝีปากเข้าที่แก้มนวลอีกครั้งก่อนถอนออกมาจ้องใบหน้านวลของเธออีกครั้ง
“ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่าเรื่องของเรามันจะ...”
เสียงเธอถูกเขากลืนกลับเข้าไปในลำคอเมื่อริมฝีปากเขาประกบเข้ากับริมฝีปากเธอ รวิชญ์จู่โจมเธออย่างไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว
ณรันดาพยายามบ่ายเบี่ยงหลบหลีกเขาในคราแรก แล้วจู่ๆ ความรู้สึกแปลกๆ ความวาบหวามก็แทรกเข้ามาทันทีที่เขาคลี่ริมฝีปากเธอออกเพื่อมอบจูบอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลิ้นอุ่นของเขาค่อยๆ ไล้แตะแต้มบนเรียวปากบางจนเธอต้องเผยอริมฝีปากขึ้นอย่างเผลอไผลเพียงเพื่อต้องการสูดเอาอากาศหายใจเท่านั้น ลิ้นซุกซนก็สอดแทรกเข้ามาอย่างถือสิทธิ์ทันที
ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะเข้าข้างเธอหรือว่าจงใจกลั่นแกล้งเขา ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรจะเกินเลยไปกว่านี้ ก่อนที่เธอและเขาจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
“พี่วิชญ์คะ พี่วิชญ์”
เสียงเรียกชื่อเขาที่ดังมาแต่ไกลนั้น เป็นผลให้ชายหนุ่มรีบถอนริมฝีปากออกทันที แขนแข็งแรงปล่อยร่างบางเป็นอิสระกะทันหัน
ณรันดาเหยียดริมฝีปากยิ้มที่มุมปากน้อยๆ พร้อมด้วยสายตาที่จ้องมองเขาอย่างเหยียดๆ
“ฮึ... นี่หรือคนที่บอกว่าคิดถึงกันเมื่อครู่ นี่หรือคนที่กล่าวหาฉันว่าใจร้าย และนี่หรือคือคนที่ประกาศว่าจำเมียตัวเองได้ แค่นี้ยังกลัวจนถอยกรูดไม่เป็นท่า คุณรวิชญ์ คนอย่างคุณมันก็เท่านี้ ยังไงคุณมันก็แค่คนขี้ขลาดและไร้หัวใจในสายตาฉันเหมือนเดิม”
ณรันดาเอ่ยออกมาตามที่ใจคิด แล้วเธอก็หมุนร่างเดินตรงกลับเข้างานโดยไม่หันกลับมามองเขาอีก ปล่อยให้เขายืนหน้าชาอยู่กับสิ่งได้ยินเมื่อครู่
