โซ่รักภรรยาชิงชัง

84.0K · จบแล้ว
ธันยรัศมิ์
56
บท
9.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้งพร้อมเด็กชายคนหนึ่ง ชนิดาภาและลูกจะพบเจอกับอะไรบ้างจากคนใจร้ายเช่นเขา หากสุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏว่าเขาไม่ได้เป็นหมัน นายหัวจะตามรักคืนอ้อมอกแกร่งสำเร็จหรือไม่ มาอ่านกันค่ะ(เป็นนิยายแนวดราม่าหนักพระเอกร้ายนางเอกน่าสงสาร อย่าลืมเตรียมผ้าซับน้ำตากันด้วยนะคะ) (ซี่รี่ย์ชุดสามีร้าย)มีสองเรื่องนะคะ 1.วิวาห์ไม่ปรารถนา (พ่อเลี้ยงพัสกร +แพรลตา) 2.โซ่รักภรรยาชิงชัง (นายหัวราเชนทร์+ชนิดาภา)

สัญญาทางรักแต่งงานสายฟ้าแลบดราม่าจีบเมียเก่าแต่งงานก่อนรักนิยายรักโรแมนติกฟินๆเศรษฐีพระเอกเก่งรักแรกพบ

บทที่1 การกลับมาของเธอ

สนามบินสุวรรณภูมิ

ผู้คนที่เพิ่งลงจากเครื่องต่างคนต่างก็เข้ามารับกระเป๋าของตนเองที่ช่องรับกระเป๋าผู้โดยสาร หญิงสาวร่างเล็กบอบบางผมยาวตรงสลวยราวกับแพรไหม ดวงหน้าวงลีรูปไข่เรียวสวย ริมฝีปากบางจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโต ผิวขาวอมชมพู สูง 158 ซม. อยู่ในชุดเดินทางผ้ายีนส์

ด้านข้างของเธอมีเด็กชายอายุ 5 ขวบ ใบหน้าออกลูกครึ่ง หน้าตาน่ารักดวงตาสีน้ำตาลประกายทอง

“หม่ามี้ฮะ เรารอมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะได้กระเป๋าสักที นิคตื่นเต้น อยากเห็นบ้านที่เมืองไทยของหม่ามี้แล้ว” หนุ่มน้อยเริ่มงอแง

“ใจเย็น ๆ ลูกรัก เดี๋ยวกระเป๋าของเราก็มาถึง คนอื่นเขาก็ยืนรอเหมือนเราทั้งนั้น คนที่ได้ก่อนเป็นของไฟล์บินที่เขาลงจอดก่อนเรา ใจเย็น ๆ นะครับเด็กดี”

หน้าเรียวสวยพูดอย่างยิ้ม ๆ ให้ลูกชายตัวน้อยเพื่อเป็นการปลอบใจให้หนุ่มน้อยใจเย็น แต่ดูเหมือนว่าสายเลือดความใจร้อนที่มีอยู่ในกระแสเลือดของหนุ่มน้อยเข้มข้นกว่า

คำพูดของชนิดาภาเหมือนจะใช้ไม่ค่อยได้ผลเอาซะเลยกับเด็กชายนิค หรือ ธนาวิน หนุ่มน้อยหน้ามุ่ยขัดใจ ทำหน้านึกเซ็งบิดเบ้ปากจิ้มลิ้มเล็กน้อย เมื่อไม่ได้ดั่งที่ใจตนเองปรารถนา

“มาแล้ว มาแล้ว นั่นไงกระเป๋าของเรา หม่ามี๊ รีบหยิบสิฮะ” ร่างเล็กร้องบอกดีใจแทบกระโดดโลดเต้น

“เห็นแล้วจ้าใจเย็น ๆ เดี๋ยวเราก็ได้รับ”

“หม่ามี้ฮะ นี่เรายังต้องไปนั่งเครื่องบินต่ออีกเหรอฮะ นิคนึกว่าถึงบ้านของหม่ามี้แล้วซะอีก นิคอยากนั่งดูการ์ตูนโปรดสบาย ๆ ในห้องของตัวเองแล้ว ว่าแต่บ้านของหม่ามี๊ใหญ่หรือเปล่าฮะ เท่าบ้านเช่าของเราที่อเมริกาหรือเปล่า”

คำถามไร้เดียงสาบนใบหน้าหล่อเหลาเล็ก ๆ ที่เงยขึ้นถามมารดาอย่างอยากรู้ กัดกินใจมารดาเช่นเธออย่างหนักจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้กับลูกน้อยดี นิคมีความฉลาดอยู่เต็มตัว จนใครที่พบเห็นก็ได้แต่นึกชม และอิจฉาหญิงสาวที่มีลูกชายมีแววฉลาดตั้งแต่เด็กรวมถึงรูปร่างหน้าตาที่มีแววว่าโตขึ้นมาหล่อเหลาไม่แพ้นายแบบระดับโลกอย่างแน่นอน

“เออ… ถ้าหม่ามี๊ตอบว่าเรายังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองล่ะจ๊ะ นิคจะเสียใจหรือเปล่า ไปถึงที่โน่นเราอาจจะต้องเช่าห้องพักในโรงแรม หรืออาจจะหาบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ อยู่กันสักช่วงก่อน รอหม่ามี๊หาเงินได้มากพอ เราค่อยซื้อบ้านเป็นของเราเองดีมั้ย”

“ว้า… สรุปแล้ว หม่ามี้ไม่มีบ้านที่เมืองไทยอย่างนั้นเหรอฮะ งั้นเรากลับมาที่นี่ทำไมล่ะฮะ ไม่อยู่ที่อเมริกาเหมือนเดิม อย่างน้อย ๆ บ้านเช่าที่นู่นนิคชอบ แถมไม่ต้องแยกจากเพื่อน ๆ ด้วย กลับมาที่นี่นิคยังต้องหาเพื่อนใหม่อีก” ใบหน้าเล็กซึมเศร้าสลดลงรู้สึกสงสารมารดาจับใจและสงสารตัวเองด้วย

“หม่ามี้ยังเหลือบุญคุณที่ยังจะต้องมาตอบแทนน่ะ”

“บุญคุณ บุญคุณอะไรเหรอฮะหม่ามี๊ ให้นิคช่วยตอบแทนด้วยได้หรือเปล่า จะได้หมดไว ๆ เราจะได้กลับอเมริกากันไงฮะ”

คำพูดไร้เดียงสาจากปากจิ้มลิ้มหนุ่มน้อยธนาวิน ทำให้ดวงตากลมโตของผู้เป็นมารดารู้สึกซึ้งใจในความเป็นห่วงของหนุ่มน้อย ที่มักมีให้เธอเห็นเสมอ ถึงแม้อะไรหลาย ๆ อย่างในตัวของธนาวินจะออกไปทางบิดาค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าแทบจะ 80% เลยทีเดียว โดยเฉพาะนิสัย ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะเหมือนเด็กลูกครึ่งทั่วไปไม่ได้ถอดแบบบิดามาทั้งหมด

จนเธอนึกน้อยใจในบางครั้ง ว่าทำไมโชคชะตาต้องให้ลูกของเธอเหมือนคนใจร้ายมากขนาดนี้ด้วย แม้แต่นิสัยชอบเอาแต่ใจ ปากร้ายนิคก็ยังได้มา ในบางครั้งเมื่อเพื่อน ๆ ทำอะไรไม่ถูกใจ หนุ่มน้อยก็พร้อมที่จะพาลเข้าใส่ เช่นเดียวกับเวลาที่เพื่อน ๆ คิดหาเรื่องหนุ่มน้อย หนุ่มน้อยก็พร้อมที่จะตอบโต้และสู้ไม่ถอย

จนเธอถูกเรียกตามตัวให้ไปพบผอ.โรงเรียนนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่นิคเข้าโรงเรียนมา

“ทุกท่านโปรดทราบคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยด้วยนะคะ อีก 10 นาที เครื่องจะลงจอดที่สนามบินจังหวัดภูเก็ตแล้วค่ะ”

คำประกาศเตือนจากปากของนางฟ้าประจำเครื่องบิน ทำให้เด็กน้อยยิ่งรู้สึกตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้นั่งเครื่องบินร่อนลงกับพื้นนับตั้งแต่เขาเกิดมา ถึงแม้ในใจลึก ๆ จะนึกกังวลบ้าง และเสียใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ามารดาไม่มีบ้านเป็นของตัวเองอยู่ที่เมืองไทย

หนุ่มน้อยตั้งปณิธานในใจเอาไว้ลึก ๆ ว่าหากโตขึ้นจนเขาสามารถหาเงินเองได้ เขาจะซื้อบ้านหลังใหญ่โตให้กับมารดาได้อยู่อย่างสบาย จะไม่ปล่อยให้มารดาต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างเช่นทุกวันนี้

ด้านหน้าสนามบินจังหวัดภูเก็ต

รถโดยสารมากมายที่เข้ามาจอดรับผู้โดยสาร ทำให้หนุ่มน้อยมองดูรอบ ๆ อย่างสำราวจรวมถึงผู้คนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่อเมริกา บ้านเรือนหรือแม้แต่รถโดยสารก็ยังมีความแตกต่างกัน

ส่วนผู้คนเส้นผมสีดำส่วนใหญ่ เค้าโครงหน้าจมูกไม่โด่งสักเท่าไหร่นัก ไม่เหมือนผู้คนที่อเมริกาและตัวของเขา ที่มีจมูกโด่งเป็นสันหน้าตาออกไปทางยุโรปมากกว่าไม่เหมือนมารดา จนหลายครั้งแล้วที่หนุ่มน้อยนึกสงสัยว่าตนเองคงจะเหมือนกับบิดา เพราะเขาเคยส่องกระจกเห็นว่าตัวเองแทบจะไม่มีส่วนไหนที่เหมือนมารดาเลยสักนิด ยกเว้นเส้นผมที่ดกดำเงาเรียบรื่น

“สรุปแล้วเราจะไปนอนโรงแรมหรือหาบ้านเช่าล่ะฮะหม่ามี๊”

เสียงเล็ก ๆ เงยหน้าถามมารดา พร้อมกับมือเล็กลากจูงกระเป๋าใบเล็กลายซุปเปอร์แมนของตนเอง เตรียมที่จะขึ้นรถโดยสารเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ต่างทยอยออกมาจากสนามบิน บางคนก็มีรถโก้หรูมารับพร้อมกับมี ญาติ ๆ มาโอบกอดต้อนรับอย่างอบอุ่น จนหนุ่มน้อยมองด้วยสายตาละห้อยและอยากให้ตนเองกับแม่มีภาพอย่างนี้บ้าง

“นี่ก็ใกล้เย็นแล้วหม่ามี๊ว่า เราไปหาโรงแรมพักก่อนดีกว่านะ”