ตอนที่5 นอนในห้องผม
หลังจากที่ภูมิไทไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพักใหญ่เปมิกาก็ง่วนอยู่กับการกินหมึกย่างจนตอนนี้หมึกย่างในถาดสแตนเลสใหญ่ก็ได้หมดลงไม่เหลือสักชิ้น
“อืม.. เอ่อะ”
ร่างบางนั่งตัวตรงเรอออกมาอย่างไม่ห่วงสวยหลังจากเคี้ยวหมึกชิ้นสุดท้ายหมดปาก
“แล้วเค้าจะกินอะไรล่ะ”
พออิ่มจนพุงกางเปมิกาก็พึ่งนึกได้ว่าคนที่หาหมึกพวกนี้มาน่าจะยังไม่ได้กินอะไรเธอจึงรีบมองซ้ายมองขวาแล้วลุกไปที่ตู้เย็นทันที
“ฉันหุงข้าวกับทำไข่เจียวให้คุณก็แล้วกัน”
เปิดตู้เย็นมาเจอไข่หญิงสาวก็หยิบมันออกมาสองลูกก่อนจะมองไปที่หม้อข้าวตั้งอยู่ที่เคาเตอร์ครัวแล้วลงมือหุงข้าวด้วยความชำนาญก่อนจะเริ่มตอกไข่ใส่ถ้วยเพื่อที่จะตีทำไข่เจียว
“ทำอะไรเหรอครับ”
“พอดีฉันกินหมึกย่างจนหมดกลัวคุณไม่มีอะไรกินฉันเลยถือวิสาสะหุงข้าวกับจะทำไข่เจียวให้คุณ”
เปมิกาหันยิ้มอ่อนให้ชายหนุ่มที่กำลังถือผ้าเช็ดผมของเขาที่เปียกหมาดๆอยู่เธอละอายใจพอสมควรที่กินไม่เหลือเผื่อแผ่ให้เจ้าของอาหาร
“กินหมดถาดเลยเหรอครับ”
“คือ.. อย่าโกรธฉันเลยนะคะฉันหิว”
หญิงสาวรีบขอโทษชายหนุ่มที่กำลังยืนทำสีหน้านิ่งงัน
“เปล่าครับผมไม่ได้โกรธแค่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณจะกินไม่เยอะเสียอีก...หมึกยังมีอีกนะครับผมย่างให้คุณใหม่ก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันอิ่มมากแล้วเกรงใจคุณด้วย”
“นี่คุณทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอครับ”
“เป็นสิคะฉันทำได้หลายเมนูด้วยแต่ตอนนี้ทำได้แค่ไข่เจียวเพราะฉันเห็นในตู้เย็นมีแค่ไข่”
“อืม..พรุ่งนี้ผมจะหาของสดมาใส่ตู้เย็นไว้ให้คุณจะได้มีของทำกับข้าว”
“ดีค่ะ..”
หญิงสาวว่าจบก็รีบจัดการทอดไข่เจียวให้คนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารทันทีไม่นานนักไข่เจียวฟูกรอบสีเหลืองสวยก็วางตรงหน้าชายหนุ่ม
“หอมน่ากินมากเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ...รออีกสักพักข้าวคงสุก”
เปมิกานั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่มเพื่อที่จะหาเรื่องสนทนากับเขาต่อเผื่อว่าเธอจะได้ล้วงข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเจ้าของเกาะนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย
“คุณอยู่ที่นี่มานานแล้วเหรอคะ”
“ครับ”
“เกาะนี้เป็นเกาะของใครเหรอคะทำไมฉันไม่เห็นมีคนพลุกพล่านเหมือนเกาะอื่นเลย”
“เกาะนี้เป็นเกาะส่วนตัวครับของลูกชายคุณทัดเทพที่นี่ให้คนที่ไม่มีที่อยู่มาใช้ชีวิตที่นี่และมาทำงานช่วยกันดูแลที่นี่ครับ”
ภูมิไทคิดว่าหากเขาบอกกับเธอว่าเขาเป็นใครเธอคงจะไม่เชื่อเขาอยู่ดีอีกอย่างให้เธอได้รู้จักกับเขาในฐานะชาวประมงธรรมดาๆแบบนี้ก็ดีแล้วเพราะเขาเองก็ไม่อยากอวดอ้างว่าตังเองเป็นใครสักเท่าไร
“แสดงว่าคุณไม่มีที่อยู่อย่างนั้นเหรอคะถึงได้มาอยู่ที่นี่”
“อืม...ผมก็อยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กๆก่อนพ่อแม่ผมจะเสียอีก...เอ่อ..จริงสิคุณหายมาแบบนี้พ่อแม่คุณไม่ห่วงแย่เหรอครับ”
“ฉัน...ไม่มีแล้วล่ะค่ะพ่อฉันไม่เคยเห็นส่วนแม่ก็เสียไปตั้งแต่ฉันอยู่มหาลัย”
พูดถึงเรื่องพ่อกับแม่เธอก็มีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างที่ภูมิไทสังเกตได้ชัด
“เสียใจด้วยนะครับ..แล้วตอนนี้คุณดีขึ้นบ้างหรือเปล่า”
“คะ?”
หญิงสาวเงยหน้าเบิกตามองอีกฝ่ายอย่างสงสัยแม่เธอเสียไปนานแล้วตอนนี้ก็ทำใจได้นานแล้วด้วยทำไมอีกฝ่ายถามอย่างกับว่าเธอพึ่งจะเสียแม่ไปอย่างนั้น
“ก็..คุณอกหัก”
“เอ่อ...อืม..ก็เศร้าอยู่ค่ะ..แต่ได้กินหมึกย่างของคุณไปฉันก็อารมณ์ดีแล้วล่ะค่ะ”
เปมิกายกมือเกาหัวแกรกๆทั้งยิ้มหน้าแหยที่ตนนั้นลืมไปเสียได้ว่ามาที่นี่ได้ก็เพราะออกอุบายว่าอกหักอยากฆ่าตัวตาย
“อืม...งั้นผมต้องย่างให้คุณกินทุกวันแล้วล่ะ”
ภูมิไทเห็นว่าหญิงสาวดูจะอารมณ์ดีขึ้นเพราะหมึกย่างของเขาตัวชายหนุ่มเองก็ยิ้มออกแอบไม่เข้าใจว่าคนที่อกหักจนถึงขั้นฆ่าตัวตายจะอารมณ์ดีขึ้นได้เร็วเพราะหมึกย่างจริงหรือแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากมายนักด้วยไม่เข้าคนอกหักเพราะไม่เคยรักใครแบบคนรักเขาถึงว่ากันว่าใจคนเปลี่ยนกันได้แทบทุกวินาทีเป็นแบบนี้นี่เอง
“ดีค่ะฉันชอบ...เอ่อ..แล้วฉันมาอยู่ที่เกาะแบบนี้ต้องบอกให้เจ้าของเค้ารู้ก่อนหรือเปล่าคะคุณพาฉันไปขออนุญาตเค้าหน่อยสิ”
เปมิกาคุยไปคุยมาเธอก็เริ่มโยงถึงคนที่ตัวเองต้องการจะพบเจอ
“เอ่อ..เค้าไม่อยู่ครับกลับกรุงเทพไปทำงานคุณอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจเลยครับไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น”
“อ้าว..เอ่อแล้วเค้าจะกลับมาเมื่อไรคะ”
หญิงสาวรีบถามชายหนุ่มถึงวันกลับของเจ้าของเกาะเพราะหากเขาไม่กลับมาเท่ากับเธอมาที่นี่เสียเที่ยวแถมยังเกือบตายเพราะวิธีการมาที่เกาะอีกต่างหาก
“น่าจะไม่นานนะครับถ้าเค้ามาแล้วเดี๋ยวผมจะบอกอีกที”
“อืม..ไม่นาน...ค่ะ”
เปมิกาเริ่มหน้าเจื่อนลงเพราะคิดไม่ตกว่าคำว่าไม่นานของชายหนุ่มนั้นมันประมาณกี่วันกันหากจะถามซ้ำหรือถามอะไรเพิ่มก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะมองเธอผิดสังเกต
“ดูคุณอยากจะเจอเค้าจังเลยนะครับ”
“คือ...ฉัน...ก็แค่ไม่อยากเป็นคนลักลอบเข้ามาอยู่ในที่ของคนอื่นโดยที่ไม่ขออนุญาตน่ะค่ะไม่มีอะไร”
เมื่ออีกฝ่ายดูสงสัยเปมิกาก็รีบหาเหตุผลมาตอบคนที่ถามโดยไม่ให้เขานั้นสงสัยได้เพราะหากเกิดการสงสัยขึ้นแล้วเดี๋ยวมันจะไม่ดีต่อแผนการของเธอ
“อ่อ..ครับ”
“แล้วคืนนี้คุณต้องออกเรืออีกหรือเปล่าคะ”
ที่เปมิกาถามแบบนี้เพราะในใจหวังว่าเขาจะไม่อยู่ในช่วงกลางคืนเธอจะได้นอนหลับตาได้อย่างสนิทแม้นจะทำท่าไว้ใจชายหนุ่มแต่ยังไงการอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าสองต่อสองในบ้านริมทะเลหลังเดียวแถมไกลจากผู้คนแบบนี้ความอันตรายของเธอก็ยังอยู่ในขีดที่ยังต้องระวังตัวสุดชีวิต
“ไม่หรอกครับผมพักผ่อน”
ภูมิไทคิดว่าเขายังทิ้งหญิงสาวที่ผ่านเหตุการณ์คิดฆ่าตัวตายมาหมาดๆไม่ได้หากเขาไม่อยู่แล้วเธอคิดสั้นขึ้นมาอีกคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร
“แล้วคุณจะให้ฉันนอนที่ไหนคะ”
“ในห้องผมไงครับ”
“อ..อะไรนะคะ”
สาวเจ้าถามไปหัวใจก็เต้นแรงไปในหัวตอนนี้เริ่มคิดไม่ดีไว้ก่อนแล้วแม้นอีกฝ่ายจะหล่อดูดีเท่าไรแต่เธอก็ใช่ว่าจะยอมถวายตัวให้เขาง่ายๆแบบวันไนท์สแตนโดยไม่คิดอะไรหากไม่ใช่คนที่รัก
