ตอนที่ 3 ช่วยเหลือแบบตกกระไดพลอยโจน(1)
คาซาร์ถามออกไปแต่ก็ได้เพียงแค่รอยยิ้มมุมปากจากวิฬาร์เท่านั้น เธอเลยตอบออกไปพร้อมกับรอยยิ้มแบบกวนๆ
" เจ้าฮีโร่ไงคะ "
คาซาร์ถึงกับจิ๊ปากในลำคอ นี่ไม่รู้เรื่องจริงๆหรือว่าแกล้งเขากันแน่ที่เขาถามมันชื่อเธอใช่ชื่อหมาที่ไหนล่ะ
" กูถามชื่อมึงไม่ใช่ชื่อหมา หรือมึงเป็นหมาถึงได้ตอบชื่อนั้น "
วิฬาร์ถึงกับส่งค้อนวงใหญ่ไปให้กับเขา เธอแค่แหย่เล่นนิดเดียวเองทำจริงจังไปได้
" โหนี่คุณ ฉันแค่แหย่เล่นนิดเดียวหลอกด่ากันซะได้ ฉันชื่อวิฬาร์ รู้แค่นี้ก็พอแล้ว เราคงไม่ได้รู้จักกันไปมากกว่านี้หรอก พรุ่งนี้เช้าคุณก็ต้องไปแล้วไม่ใช่หรอ ต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตอย่าอยากรู้จักกันเลยฉันกลัวปืน "
ร่างเล็กบอกออกไปเพราะเธอไม่ชอบพวกนักเลงตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอจึงไม่อยากรู้จักกับเขาแม้ว่าเขาจะดูหล่อเหลาอย่างกับดาราก็เถอะ แต่ชีวิตแขวนบนเส้นด้ายแบบนี้เธอก็รู้สึกกลัว เดี๋ยวก็ติดร่างแหไปกับเขาไม่เป็นอันได้ทำมาหากินกันพอดี
" หึ กูยังไม่ได้พูดเลยว่าอยากรู้จักมึง กูก็แค่ถามชื่อจะได้รู้ว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตถูก แล้วทำอาชีพอะไรทำงานอยู่ที่ไหน "
วิฬาร์มองดูคนตรงหน้าที่เจ็บขนาดนี้ยังจะมาซักประวัติของเธออย่างกับเธอเป็นคนไข้เสียเอง จริงๆเธอต้องถามเขามากกว่าเพราะเขาคือคนแปลกหน้าสำหรับเธอ
" ฉันไม่ใช่คนไข้นะคะคุณหมอ ไม่ต้องซักประวัติหรอกค่ะ "
" ถามก็ตอบ "
คาซาร์พูดออกไปโดยที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆแต่วิฬาร์ยังคงเหล่ตามองเขาด้วยความระแวง แต่ทว่าเธอก็ยังตอบออกไปอยู่ดีไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
" พนักงานร้านสะดวกซื้อค่ะ หน้าปากซอยเข้าบ้านนี่แหละ "
" อยู่คนเดียวทำไมถึงเลือกอยู่บ้าน ทำไมไม่อยู่คอนโด "
" เพราะว่าอยู่บ้านมันสะดวกไงคะ อยู่บ้านมันก็ให้ฟิวส์ครอบครัว ฉันไม่ชอบคอนโดแคบๆมันอึดอัด ฉันชอบบรรยากาศรอบบ้านมันดูโล่งตาดี ประวัติแค่นี้พอไหมคะคุณหมอ "
คาซาร์มองดูรอบๆบ้านของเธออีกครั้งโดยที่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดที่เธอประชดมาเลยสักนิด
" มันก็ดูโล่งตาจริงๆ "
คาซาร์มองดูรอบๆบ้านของเธอที่แทบไม่มีของตกแต่งอะไรเลยมีแค่ชั้นวางของแล้วก็ทีวีตู้เย็นแค่นั้นเลยจริงๆ โต๊ะกินข้าวยังไม่มีเลย ความสะอาดตากับไม่มีอะไรอยู่ในบ้านเลยมันเป็นเส้นบางๆกั้นกันเอาไว้จริงๆ
" นี่คุณอย่ามาบูลลี่นะ ฉันเช่าบ้านอยู่ราคาเดือนนึงก็ตั้งหลายบาทตกแต่งบ้านได้เท่านี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว "
วิฬาร์ไม่ได้ตกแต่งบ้านในโทนต่างๆแต่เธอเน้นให้บ้านมีความสะอาดมากกว่าเพราะลำพังเงินเดือนของเธอมันก็เดือนชนเดือนอยู่แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของตกแต่งบ้านให้สวยหรูกันเล่า
" ยังไม่ได้ว่าอะไร อย่างน้อยบ้านมึงก็สะอาด ก็น่าอยู่ดี "
คาซาร์พูดออกไปในแบบที่คิด แม้ว่าบ้านเธอจะไม่ได้มีของอะไรมากมายแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าของที่จำเป็นเธอก็มีครบหมด ถ้าให้เขาเดาเธอก็คงกินข้าวตรงที่เขานั่งนี่แหละ
" แล้วกินข้าวที่ไหน "
" ตรงที่คุณนั่ง เป็นได้ทั้งโซฟา โต๊ะกินข้าว เตียงนอนดูทีวี มุมอ่านหนังสือ "
" อืม ครบดี "
คาซาร์ทายาทมหาเศรษฐีชื่อดังของเมืองนี้ถึงกับอึ้ง เอาจริงๆเขาก็เป็นลูกคนรวยคนหนึ่งนั่นแหละทุกอย่างภายในคฤหาสน์ภัทรมนเป็นสัดเป็นส่วนทั้งหมดแยกกันอย่างชัดเจน ซึ่งต่างจากเธอไปมากแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเขาเองปรับตัวได้
" คืนนี้คุณนอนตรงนี้แล้วกันฉันจะนอนข้างบน ว่าแต่คุณหิวไหมกินอะไรมาหรือยังฉันจะทำอะไรให้กิน "
วิฬาร์แม้จะกลัวเขาแล้วก็ปืนของเขาแต่เธอก็ยังเป็นห่วงเพราะตอนนี้แผลของเขาแม้ว่ากระสุนมันจะไม่ได้ฝังเข้าไปข้างในแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคงจะเจ็บน่าดูเพราะเธอซับเลือดไปเยอะมาก แต่เขาไม่ยอมแสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย เธอเลยไม่รู้ว่าเขาเจ็บขนาดไหน
" ยัง ไม่ใช่ไม่หิวหมายถึงยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า "
คาซาร์บอกออกไปเพราะเขาเองหลังจากได้นั่งพักจนหายเหนื่อยแล้วก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ
" ถ้าอย่างนั้นคุณรอแป๊บนึง ฉันจะทำอะไรมาให้กินรับรองว่าจะทำสุดฝีมือเลย "
วิฬาร์เดินไปที่มุมห้องครัวของตัวเอง ซึ่งก็อยู่ถัดไปไม่กี่ก้าวนั่นแหละ เพียงแต่มันมีประตูกั้นเอาไว้เพื่อไม่ให้กลิ่นของอาหารมันโชยเข้ามาในบ้านแค่นั้น เวลาผ่านไปไม่ถึง 10 นาทีวิฬาร์ก็เดินออกมาพร้อมเมนูที่เธอตั้งใจทำให้กับเขา เธอยกถาดมาวางมันลงตรงหน้าเขาพร้อมกับสูดกลิ่นที่หอมกรุ่นนั้น
" หอมไหมคุณ ฉันตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะคุณจะได้กินข้าวแล้วก็กินยาจะได้หลับสบายๆหน่อย "
" ข้าวอะไร นี่มันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ใช่หรือ "
คาซาร์ตั้งแต่เกิดมากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนับครั้งได้เลย แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจเพียงแค่ไม่คิดว่าเมนูที่เธอทำสุดฝีมือมันจะคือบะหมี่
" ก็ใช่ไงคุณ คุณจะหวังให้ฉันทำอาหารภัตตาคารให้กินหรอ ทำไม่เป็นหรอกค่ะ ที่บ้านมีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลยค่ะ ในตู้เย็นมีแค่ผักเท่านั้นคุณก็ต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ผักและไข่ แต่อย่าดูถูกมันเชียวนะเพราะว่าในชามนี้อร่อยมากคุณลองดูก่อนแล้วจะติดใจเรียกร้องให้ฉันทำให้กินอีก "
" เหอะ "
คาซาร์เมื่อเห็นอาหารตรงหน้าก็รู้สึกหิวขึ้นมา วันนี้ทั้งวันเขายังไม่ได้กินอะไรเลยเพราะมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับคาสิโนที่มันมีปัญหาแล้วก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาถูกไล่ยิงแบบนี้ เขายกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมากินหลังจากที่เห็นวิฬาร์กำลังกินมันอย่างเอร็ดอร่อย จนท้ายที่สุดบะหมี่นั้นก็หมดถ้วยจริงๆ
" ฮ่าๆๆๆ ทีแรกก็นึกว่าจะไม่ชอบที่ไหนได้ไม่เหลือแม้กระทั่งน้ำซุป "
วิฬาร์บอกหลังจากที่เธอกินบะหมี่ที่ต้มมาเพียงซองเดียวให้กับตัวเองแล้วยังเหลือน้ำซุปอยู่อีกมากแต่สำหรับเขาเธอต้มมาให้ตั้ง 2 ห่อแต่เขากลับไม่เหลือแม้กระทั่งน้ำซุปแสดงว่าเขาคงหิวมากจริงๆ
" มีอีกไหม คือ...วันนี้ทั้งวันกูยังไม่ได้กินอะไรเลย พอได้กินขึ้นมามันก็เลยยังไม่รู้สึกอิ่มเท่าไหร่ "
คาซาร์บอกออกไป ในตอนนี้เขาหิวมากไม่เหลือแม้แต่คราบมาเฟียผู้แสนน่ากลัวแล้ว คงเหลือไว้แค่คาซาร์ผู้ที่กำลังขอร้องหญิงสาวตรงหน้าให้ทำบะหมี่ให้เขากินเพราะเขาทำไม่เป็นเลย เรื่องเข้าครัวเขาแค่แยกระหว่างกระทะกับหม้อต้มออกก็เก่งมากแล้ว
" ได้อยู่แล้ว แต่รอบนี้จะเป็นชามสุดท้ายนะคุณ ไม่ใช่ว่าฉันหวงแต่ว่าบะหมี่ถ้ากินมากเกินไปคุณจะนอนไม่ได้เพราะมันจะอืด ตื่นเช้าขึ้นมาหน้าคุณจะบวมเป็นพ่อหมูเลยนะ "
ร่างเล็กพูดจบก็เดินเข้าไปในครัวพร้อมกับทำบะหมี่ให้เขาทานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอเปลี่ยนรสชาติให้กับเขาเพราะกลัวว่าถ้ากินแบบเดิมอีกครั้งเขาจะรู้สึกเลี่ยน เวลาผ่านไปไม่ถึง 10 นาทีเหมือนเดิมเธอก็ออกมาพร้อมกับบะหมี่ชามโตที่วางตรงหน้าเขาอีกครั้ง แต่แล้วก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอตกใจนั่นก็คือน้ำซุปในชามบะหมี่ของเธอหายเกลี้ยงไปหมดแล้ว
" คุณกินน้ำซุปในชามของฉันหรอ "
ร่างเล็กถามออกไปอย่างสงสัยปนตกใจ
" ใช่ กินรองท้องไปก่อนไง หิว ทำไมในนี้มียาพิษหรอถึงกินไม่ได้ "
" บ้าหรอ! "
