บทที่ 3 ฉันไม่ใช่แด๊ดดี้ของเธอ
หนูน้อยได้ยินเผยรอยยิ้มดีใจจนหน้าบาน เขามองตาค้างนึกคิดในใจว่าแม่เด็กคงสวยน่าดู ขนาดแค่ยิ้มยังสะกดเขาให้อึ้งได้เลย หนูน้อยปล่อยแขนออกเปลี่ยนมาเป็นถลาเข้าโอบลำคอแกร่งไว้แทน
ดวงหน้าสวยหวานน่ารักแบบเด็กลูกครึ่งดวงตาคมเช่นเดียวกับเอเดนแบบชาวตะวันออกกลางลูกผสมหลายเชื้อชาติ ก้มซุกลงที่หัวไหล่แกร่ง ของชายหนุ่มอย่างโหยหาความอบอุ่น ร่างสูงชาดิกทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกเด็กกอดเป็นครั้งแรก
“หนูน้อยอย่าทำแบบนี้ ฉันไม่ใช่แด๊ดดี้ของเธอจริง ๆ นี่สมองของเธอยังปกติอยู่ดีหรือเปล่า เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปหาหมอ หรือไปหาพ่อแม่ของเธอดีหรือเปล่า เธอคงคิดถึงพ่อของเธอมากสินะ ถึงได้ทักว่าฉันเป็นพ่อของเธอไปได้”
เสียงห้วนหงุดหงิดจากปากของชายหนุ่มที่ชักเริ่มรำคาญเด็กน้อย ต่อให้เธอจะสวยน่ารัก ราวกับตุ๊กตาบาร์บี้เจ้าหญิงในตำนานนิทาน แต่คนอย่างเขาก็ไม่คิดที่จะใจอ่อน
เพราะเขาไม่ชอบเด็กมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้เด็กคนนี้จะให้ความรู้สึกที่พิเศษมากกว่าเด็กคนไหน ๆ ตั้งแต่แรกพบ แต่เขามั่นใจว่าตลอดที่ผ่านมาเขาป้องกันตัวเองดีมาโดยตลอด คงไม่เผลอไปวางไข่ให้ผู้หญิงคนไหนอุ้มท้อง จนมีเด็กมาเรียกเขาเป็นพ่อแบบนี้
“ปล่อยคอฉันเถอะ เห็นไหมฉันจะหายใจไม่ออกแล้ว แค่ก ๆ”
เอเดนแกล้งหายใจติดขัดเล็กน้อย เหมือนเขากำลังจะขาดอากาศหายใจ จนหนูน้อยค่อย ๆ ปล่อยมือจากลำคอแกร่งมายืนมองจ้องหน้า ฝ่ามือเล็กทั้งสองยกขึ้นสำรวจหน้าตาของบิดาลูบไล้ไปมาแทบทุกส่วน ตั้งแต่ตาจมูกปาก
“คิก คิก คิก”
เสียงใสกังวานราวกับระฆังแก้วหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะก้มหน้าน่ารักแนบริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูของตนเองหอมแก้มบิดา
“แด๊ดดี้ของหนู หล่อที่สุดในโลกเลยค่ะ”
“ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้ว เธอก็ยังไม่เชื่อฉันอยู่ดีเหรอเนี่ยหนูน้อย ฉันว่าเธอคงประสาทไม่ดีแล้วล่ะมั้ง”
ชายหนุ่มใช้มือหนาของตนเอง ค่อย ๆ ผลักมือเล็กของหนูน้อยออกจากหน้าของตนเองอย่างเบา ๆ เพราะไม่อยากจะทำลายความรู้สึกของเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาบริสุทธิ์
“ฉันต้องไปแล้วนะ ขอตัว”
ร่างสูงลุกขึ้นก้าวยาว ๆ เดินหนีไปที่ประตูลิฟท์ โดยที่ไม่รู้ว่าแม่หนูน้อยกำลังวิ่งตามหลังของเขามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลั่งไหล เมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอีกแล้ว
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกร่างสูงก้าวเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วพร้อมกดปิด พลันสายตาเห็นหนูน้อยที่กำลังจะวิ่งเข้ามาในลิฟต์อย่างไม่กลัวตาย ในขณะที่ประตูลิฟท์กำลังใกล้จะปิดลง
“เฮ้ย บ้าชิบ”
มือแกร่งทั้งสองรีบจับดันประตูลิฟท์เอาไว้อย่างรวดเร็ว จนหนูน้อยสามารถเข้ามาอยู่ในลิฟท์จนสำเร็จ ชายหนุ่มถึงได้ปล่อยมือจากประตูลิฟต์จนปิดแน่นแนบสนิท
“ฮือ ฮือ แด๊ดดี้ใจร้าย ฮึก ไหนสัญญากับลูซี่แล้วไงคะ ฮึก ว่าจะไม่หนีไปไหน” เด็กน้อยร้องไห้ปนหอบเหนื่อยเงยหน้ามองเอเดนอย่างเสียใจสุดซึ้ง
“เธอชื่อลูซี่สินะ ถ้าฉันจำไม่ผิดจากเมื่อกี้” เอเดนกล่าวถามอย่างอ่อนโยนขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่สไตส์เขาเลยสักนิดให้ตายสิ
“ใช่ค่ะแด๊ดดี้ แด๊ดดี้จะทิ้งลูซี่ไปอีกแล้วใช่ไหมคะ”
หยดน้ำตาเล็ก ๆ หลั่งไหลลงมาเป็นทาง จนมองภาพบิดาตรงหน้าอย่างพร่านมัวน่าสงสาร
“โอ๊ย วันนี้เป็นวันเฮงซวยอะไรของกูวะ ซวยจริง ๆ โชคดีอย่างเดียวที่งานสำเร็จ”
เอเดนเริ่มปวดหัวยกมือกุมขมับบ่นพึมพำ เรื่องตรงหน้าในตอนนี้แก้ยากกว่าตามเก็บศัตรูตัวฉกาจเสียอีก
ลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่างสุดประตูเปิดออก หนูน้อยที่อยู่ภายในลิฟท์ร้องไห้สะอึกสะอื้นดวงตากลมโตจ้องมองบิดาอย่างตัดเพ้อ จนหัวใจที่ไม่เคยอ่อนยวบให้กับใครมาก่อนถึงกับอ่อนยวบเป็นครั้งแรก ด้วยความรู้สึกสงสารและผิดอย่างมหันต์
โดยที่เขาเองก็บอกไม่ถูก ว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้กับตัวเองได้ทั้งที่เด็กเป็นลูกใครก็ไม่รู้ หรือเป็นเพราะว่าเด็กน้อยข้างหน้านี้เป็นเพียงเด็กไร้เดียงสาและบริสุทธิ์
แต่หากจะพูดไปแล้ว ที่ผ่านมาชีวิตของการเป็นมาเฟียต่อให้เป็นศัตรูต้องฆ่าสังหาร หากเป็นลูกของศัตรูต่อให้เป็นเพียงแค่ทารก เขาก็เคยฆ่าสังหารมาแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเพียงแค่ได้เห็นสบตาเด็กน้อยคนนี้ เขากลับมีอาการแปลก ๆ นับไม่ถ้วนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“มานี่หนูน้อย ฉันจะพาเธอไปส่งให้กับนางพยาบาลเอง”
มือหนาเอื้อมไปจับจูงมือเล็กไว้ในกำมืออุ่นของตัวเอง พาไปที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า
“คุณนางพยาบาลครับ เด็กคนนี้…”
“พี่นางพยาบาลสุดสวยคะ แด๊ดดี้ของหนูมารับหนูแล้วค่ะ หนูจะออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับแด๊ดดี้ได้เลยหรือเปล่าคะ”
เสียงหวานใสน่ารักรีบกล่าวขัดบิดาออกไป เพราะหากช้ากว่านี้เธอคงไม่มีโอกาสได้พูดอีก ทำให้ชายหนุ่มถึงกับยืนอึ้งนิ่งค้างรู้สึกเสียเหลี่ยมเด็กน้อยเสียแล้ว เพราะไม่คิดว่าเด็กน้อยจะฉลาดรีบฉกฉวยโอกาสขึ้นมาด้วยความเจ้าเล่ห์แบบนี้
