บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ตอนที่ 4

“ทำไมจีน...ทำไมถึงยอมแพ้อะไรง่ายๆ ทำไมไม่รู้จักอดทน”

ภาพทุกอิริยาบถในวัยเยาว์ผ่านช่วงเวลาต่างๆ ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ความทรงจำที่แน่นแฟ้นระหว่างพี่น้องฉายชัดราวเป็นเรื่องในปัจจุบัน แม้ตัวเองจะหนีไปไกลแสนไกล ถูกความเจ็บช้ำปิดตาบังใจแค่ไหนก็ไม่อาจลบความรู้สึกจริงๆ ที่มีออกไปได้เลย

ตลอดเวลาที่จากกันเธอทั้งคิดถึงทั้งเคืองแค้น ราวอกจะแตกเป็นเสี่ยง ทางออกหาไม่เจอ ทางจะเดินกลับก็ไม่มี

“จีนัส...จีนัส...เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงห้าวทุ้มที่คุ้นเคยเรียกอยู่ด้านนอกโดยไม่ได้เคาะประตูทำให้หญิงสาวที่นอนเหม่อรีบใช้มือปาดเช็ดน้ำตา

“มีอะไร...” เธอตอบเสียงห้วนพลางนึกสงสัยทำไมเขามาเช้าขนาดนี้ หรือว่าไม่ได้ไปไหนเลยตั้งแต่เมื่อคืน และนอนค้างที่นี่กับเด็กนั่นด้วย

“คุณแม่บอกไม่สบายเป็นอะไรมากไหม...พี่เอายามาให้”

“ไม่กิน...หนักกว่านี้ยังไม่ตาย คุณเลิกยุ่งกับฉันซะทีฉันอยากอยู่คนเดียว...เข้าใจไหม!”

เสียงแผดตวาดลั่นดังมาจากด้านในของห้องนอน ชายหนุ่มถอนหายใจยาวๆ ด้วยความห่วงกังวล เขารีบไปยกโต๊ะตัวเล็กซึ่งใช้วางแจกันเพื่อตกแต่งตรงบันไดมาตั้งหน้าห้องหญิงสาว และนำอาหารกับยาวางไว้ให้

หวังว่าเธอคงจะออกมาทานมันเพราะคงไม่มีใครได้คอยดูแลใกล้ชิดนัก พอเสร็จจากตักบาตรหน้าบ้านตอนเช้าต่างก็ต้องพากันไปที่วัดเพื่อเตรียมงานต้อนรับแขกในตอนเย็นกันอีก เขาอยากจะลองชวนกันต์ศิตางค์ไปด้วย แต่เธอมาไม่สบายเสียก่อนอีกทั้ง...คงยากสักหน่อยที่จะพูดให้เธอยอมไปง่ายๆ

ศิลาภินมองประตูห้องอดีตคนรักอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปสมทบกับบุคคลด้านนอกที่รอตักบาตรและเตรียมของเพื่อใช้ในงานศพ มีเวลาอีกไม่นานแล้วที่ศพของฉัตรชฎาจะต้องถูกเผา เธอจะได้ไปอยู่ยังภพภูมิที่เหมาะสมและจากคนทางนี้ไปตลอดกาล

แต่หากยังไม่ได้รับการอโหสิกรรมให้อภัยจากพี่สาวคนเดียวของเธอแล้ว ไม่รู้ว่าดวงวิญญาณที่แสนอาภัพนั้นจะเป็นสุขได้อย่างไร

“อ้าวธีร์ลงมาแล้วเหรอ...จีนัสว่ายังไงบ้าง”

“ไม่ได้ว่าอะไรครับ...ผมวางอาหารกับยาไว้ให้แล้วเดี๋ยวคงลุกมากินเอง”

“คุณพ่อ...” คุ้มขวัญรีบไต่ลงจากการอุ้มของจิตนารีเดินหรามือเข้าหาบิดาทำราวกับห่างกันมาเป็นปี ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะตั้งแต่เกิดมาเด็กน้อยก็ได้รับการเอาใจใส่จากทั้งบิดามารดาและคนรอบข้างเป็นอย่างดี ในวันนี้เมื่อเด็กน้อยต้องขาดแม่จะรู้สึกเหว่ว้าย่อมหาที่พึ่งทางใจและเกาะติดแจไม่ยอมห่างอย่างที่เห็น

“อืม...อย่างนั้นเหรอ แม่ชักเป็นห่วงนะเห็นเมื่อกี้ดูซีดเซียวมากน่าตกใจเชียว ไม่มีใครอยู่บ้านเสียด้วยเกิดเป็นอะไรมากกว่านั้นขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเนี่ย”

“ให้ใครอยู่เป็นเพื่อนสักคนก็ได้คุณ ที่วัดเพื่อนบ้านก็ช่วยกันอยู่หลายคน ทางนี้ยังไงก็น่าเป็นห่วงกว่า”

ชนชาติเสริม สีหน้าเขาก็กังวลไม่น้อย เพิ่งจะเสียลูกสาวไปคนหนึ่งอีกคนก็มาไม่สบายเสียอีกใจคนเป็นพ่อเป็นแม่มีหรือจะไม่รู้สึกหดหู่ใจหา “ให้อ้ออยู่ก็แล้วกันนะ...อ้าวอ้อมาพอดีเดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนจีนัสหน่อยนะเขาไม่สบายเผื่ออาการหนักจะได้มีคนดูแลส่งข่าว” “ค่ะคุณนารี...” ลูกสาวแม่ครัววัยยี่สิบตอนปลายยิ้มและรับปาก เธอเองไม่ค่อยอยากทำหน้าที่นี้เท่าไหร่หรอกแต่คงขัดไม่ได้ เธอสนิทสนมกับฉัตรชฎาแต่ทางด้านกันต์ศิตางค์ลูกสาวคนโตของบ้านนั้นแทบไม่รู้จักมักคุ้นเลยเพราะเมื่อสี่ปีที่แล้วก่อนที่กันต์ศิตางค์จะไปอยู่ยังต่างประเทศเธอยังไม่ได้มาเป็นผู้ช่วยมารดาที่บ้านหลังนี้เลย จึงรู้สึกไม่ค่อยสนิทใจเท่าไหร่

“อย่าไปขัดใจเขานะอ้อ...จีนัสเขาเป็นคนเอาแต่ใจยังไงก็คิดว่าช่วยดูและน้องนุ่งก็แล้วกันนะ”

นี่คือสิ่งมัดใจคนทั้งบ้าน ความเป็นกันเองไม่ถือตัวของทั้งสองสามีภรรยาประมุขของบ้านทำให้ทุกคนที่ทำงานด้วยรู้สึกสบายใจไม่อึดอัด แต่เหมือนทุกคนจะรับรู้ได้ว่าการกลับมาครั่งนี้ของเจ้านายอีกคนราวกับมีฝนฟ้าตั้งเค้าอึมครึมเพื่อรอเวลาพายุลูกใหญ่จะมาอย่างไรอย่างนั้น

“ไปกันเถอะธีร์...ย่าหยา”

“ครับ...” เมื่อตกลงกันเสร็จสรรพเรียบร้อยศิลาภินซึ่งเป็นสารถีของบ้านรีบเดินล่วงหน้าไปยังรถของตัวเองเพื่อพาทุกคนไปที่วัด ส่วนบรรดาแม่บ้านแม่ครัวและคนงานอื่นๆ ก็เก็บข้าวของที่ใช้ตักบาตรเสร็จแล้วไปไว้ในบ้าน พวกเขาขึ้นรถอีกคนโดยมีคนขับรถของบ้านพาตามไป

งานศพผ่านพ้นไปด้วยดีจนกระทั่งในคืนสุดท้าย ญาติผู้เสียชีวิตต่างโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปก่อนวัยอันสมควรของฉัตรชฎาโดยเฉพาะผู้เป็นบิดาและมารดาบุญธรรมดูจะอาดูรกับการไว้อาลัยครั้งสุดท้ายนี้ไม่น้อย อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าร่างของลูกสาวพวกเขาก็จะต้องถูกเผาตามประเพณี คงเหลือแต่เถ้ากระดูกไว้เพื่อทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กันต่อไปเท่านั้น ชีวิตของหญิงสาวแม้จะไม่ลำบากยากเข็ญจนเกินไปแต่ก็นับว่าอาภัพอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยได้รับความสุขกายสบายใจที่แท้จริงสักครั้ง แม้วาระสุดท้ายยังต้องจากไปด้วยน้ำตาเพราะยังมีห่วงอยู่นั่นเอง

“จีนัสมันใจดำเหลือเกินนะคุณ...จะจุดธูปบอกให้อภัยน้องสักหน่อยยังทำไม่ได้ ตั้งแต่กลับบ้านมาก็วันแรกนั่นแหละที่มาวัดหลังจากนั้นไม่ยอมโผล่มาเลย” จิตนารีคุยกับสามีที่นั่งข้างๆ พร้อมกับยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา

“ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน...ผมรู้สึกว่าความผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผมนะนารี เพราะผมไม่มั่นคงกับคุณทำจีนเขาเกิดมา ผมทำให้แม่ของจีนเจ็บช้ำน้ำใจ...เรื่องมันกลับวนมาทำร้ายลูกเราทั้งสองคน จีนัสสูญเสียคนรักให้กับน้องสาวจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ส่วนจีนก็ต้องจมอยู่กับคำประณามว่าแย่งแฟนพี่สาว ต้องเสียใจจนถึงวาระสุดท้าย...”

ชนชาติลูบใบหน้าที่ล่วงเลยตามวัยหยาบๆ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นบางครั้งเขาอาจจะโกรธอาจจะแสดงอาการโมโหออกไปบ้าง แต่ในจิตสำนึกๆ เขารู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเวรกรรมที่เขาสร้างขึ้น และวนเวียนมาถึงบุตรสาวทั้งสองที่ต้องทนรับความทุกข์ทรมานทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ

“อย่าคิดมากเลยค่ะคุณ...เรื่องมันแล้วไปแล้วแก้ไขอะไรก็ไม่ได้จีนเขาจากไปแล้วก็ถือว่าเขาหมดทุกข์หมดโศกในภพนี้เสียนะคะ ส่วนเราก็คงยังมีเวรมีกรรมต้องอยู่ชดใช้กันต่อไป”

จิตนารีซับน้ำตาอีกครั้งมองคู่ชีวิตที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหมองเศร้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ต่างก็อยากให้คนตายจากไปโดยไม่ต้องมีห่วงกังวลเพื่อดวงวิญญาณของเธอจะได้ไปสู่สุคติไม่ต้องวนเวียนให้ต้องทุกข์ทรมานอีก

แต่จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อเจ้าของเรื่องที่ทำให้ดวงวิญญาณนั้นกังวลไม่ยอมลดทิฐิเสียที ครั้นจะบังคับขู่เข็ญก็รู้ว่าเป็นการตอกย้ำความเจ็บช้ำที่เคยมีของกันต์ศิตางค์เข้าไปอีก ตอนนี้หนทางเท่ากับมืดไปทุกด้าน

“คุณพ่อ...คุณแม่...ผมฝากย่าหยาไว้สักครู่นะครับ”

“หือ...จะไปไหนเหรอธีร์” จิตนารีรับตัวหลานสาวที่ศิลาภินส่งให้มานั่งบนตัก พลางมองถามชายหนุ่มอย่างสงสัยเพราะโดยปกติ ตลอดเวลาตั้งแต่มีงานศพมา พ่อลูกคู่นี้เขาไม่ห่างกันเลยไม่ว่าผู้เป็นพ่อจะงานยุ่งมากมายแค่ไหนก็จะจับเจ้าตัวน้อยติดสอยห้อยตามอยู่เสมอ

“เอ่อ...ผมมีธุระจำเป็นมากๆ ต้องไปทำครับ แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเดี๋ยวผมมานะครับ”

“จ้ะ...จ้ะ...” จิตนารีตอบรับอย่างงงๆ มองไล่หลังบุตรเขยที่เดินลิ่วๆ ไปขึ้นรถ

“ไปไหนของเขานี่ก็ใกล้พระสวดแล้วนะคะ คืนสุดท้ายแล้วด้วย”

“คงธุระสำคัญจริงๆ น่ะคุณเจ้าตัวเขาก็บอกแล้วนี่” สองตายายหันเหความสนใจมาที่หลานสาวคนโปรด ไม่ได้ระแวงสงสัยธุระของศิลาภินอีก หากรู้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มคิดจะทำนั้นคืออะไรทั้งคู่คงตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel