๙ หลบหน้า (๑)
๙
หลบหน้า
จากที่ไม่เคยคิดสืบเรื่องราวของหญิงสาวหลังแยกกันไปสักครั้ง พยายามตัดดมิสาออกไม่ต้องการให้เหลือแม้กระทั่งร่องรอยในความนึกคิด ไม่อยากเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว เขาถึงได้โหมงานหนักจนขึ้นแท่นผู้บริหารอย่างรวดเร็ว
หลังงานศพของคุณปู่ก็ดูแลกิจการโรงแรมในเครือ Witton hotel ในแถบยุโรปทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป หนังสือพิมพ์ลงข่าวถึงการดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของเขาจนมีสาวหลายคนแวะเวียนมาทำความรู้จักไม่ขาดสาย
บิดาเองก็ต้องการให้เขามีคู่ตุนาหงันเสียที ถึงได้บังคับลูกชายหมั้นหมายกับลูกสาวจากตระกูลดังอย่างเวนด้า ลิเบลล่า วู้ด หญิงชนชั้นสูงที่มีพ่อกับแม่บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่นิวยอร์ก ทั้งยังเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของวิทตัน หล่อนยังเป็นดาราฮอลลีวูด ถึงจะไม่โด่งดังมากแต่ก็พอมีคนรู้จัก
การมาเมืองไทยครั้งนี้ของภูวิศก็เพื่อดูแลกิจการโรงแรมในเครือ Witton Hotel ประเทศไทย และช่วยดูแลความเป็นอยู่ของน้องสาวก่อนจะบินกลับนิวยอร์กในสัปดาห์หน้า ยังมีงานอีกมากต้องสะสาง แต่ดูเหมือนว่าคงต้องยืดเวลาออกไปอีกสักหน่อยแล้ว
“ไปสืบเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อดมิสา ตุลากุลมาให้ฉัน เอาแบบละเอียด ห้ามตกหล่นแม้แต่นิดเดียว และฉันต้องการข้อมูลภายในเช้าวันพรุ่งนี้” สั่งงานผู้ติดตามเสียงเข้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียดจนเอ็ดเวิร์ด แมคเวลล์ เลขาส่วนตัวต้องรับเอกสารมาถือไว้ก่อนค้อมศีรษะให้เจ้านาย ออกจากห้องทำงานของอีกฝ่ายไปอย่างเงียบเชียบ
นอกจากเป็นเลขาทำงานเกี่ยวกับเอกสารแล้ว ยังดูแลความปลอดภัยเก่งเรื่องการต่อสู้อีกด้วย เรียกได้ว่ามีครบครันในคนเดียว คุ้มกับเงินเดือนที่จ้างซึ่งสูงจนน่าตกใจ
มือหนาเคาะลงบนโต๊ะเป็นจังหวะขณะที่คิดเรื่องเมื่อช่วงเย็น เขารีบไปงานเลี้ยงแล้วกลับอย่างรวดเร็วเพราะต้องการรู้เกี่ยวกับดมิสา
เด็กหญิงมนสิชาหน้าเหมือนแม่ก็ไม่แปลก แต่ที่อยากรู้คือบิดาต่างหาก หล่อนแต่งงานกับใคร แล้วท้องตอนไหน อาศัยอยู่บ้านกับลูกสาวเพียงสองคนอย่างนั้นเหรอ ทุกคำถามพุ่งเข้ามาจนทำให้คืนนั้นนอนเกือบไม่หลับ
และเมื่ออยู่บนโต๊ะอาหารเลขาคนสนิทก็ยื่นแฟ้มข้อมูลที่ใช้เวลาเพียงคืนเดียวหามาให้เจ้านาย เขารีบรับไปเปิดดูอย่างถี่ถ้วน อ่านละเอียดเสียยิ่งกว่าเซ็นสัญญากับคู่ค้าซะอีก ดวงตาคมฉายแววดีใจเมื่อรู้ว่าเธอท้องช่วงที่แยกจากเขา
นั่นหมายถึงพ่อของเด็ก...คือภูวิศอย่างไรเล่า!
หนึ่งสัปดาห์แล้วที่พนักงานในโรงแรมนรินยาได้รับข่าวว่าจะมีบริษัทใหญ่มาเทคโอเวอร์ หรือซื้อกิจการไป ทุกคนต่างอยากรู้เกี่ยวกับเศรษฐีผู้นั้น เขาเป็นใครเหตุใดจึงเลือกลงทุนกับโรงแรมที่ดูท่าจะล่มแห่งนี้ แต่เบื้องบนก็ปิดข่าวเงียบเหลือเกิน แม้กระทั่งหัวหน้าอย่างดมิสายังไม่ทราบ
หล่อนค่อนข้างร้อนใจอยากรู้ว่าทิศทางของโรมแรมจะเป็นไปในทางใด ถ้าจะเปลี่ยนพนักงานใหม่ก็คงรีบหางานรองรับ ไปถามกับผู้จัดการโรงแรมหลายรอบแต่ก็ไม่ได้คำตอบสักครั้ง มีเพียงให้รอเวลา คาดว่าสัปดาห์หน้าทางบอร์ดบริหารคงประกาศอย่างเป็นทางการ
ถอนหายใจหลายรอบก่อนรับโทรศัพท์ของบุตรสาว เหลือบดูเวลาพบว่าโรงเรียนของเด็กน้อยเลิกแล้ว คงกำลังรอรถตู้มารับกลับบ้าน
“ว่าไงคะคนเก่งของแม่” กรอกเสียงนุ่มถามในขณะที่เดินเข้าไปในห้องทำงานของตนเอง เปิดเอกสารเวรของพนักงานในความดูแลตนเอง แล้วก็รายชื่อนักศึกษาซึ่งกำลังจะมาฝึกงานจำนวนสามคน
‘วันนี้คุณครูจะสอนพิเศษ หนูกลับค่ำนะคะ’ มือเรียวกำลังเปิดหน้าเอกสารชะงักทันที ลูกสาวเพิ่งอยู่ประถมหนึ่งทำไมถึงต้องเรียนพิเศษ ในเมื่อเนื้อหาก็ยังไม่หนักเท่าไหร่ อีกทั้งเพิ่งเปิดเทอมมาได้สองเดือนเท่านั้นเอง
“แม่ขอคุยกับคุณครูหน่อยได้ไหมคะ” ได้ยินเสียงเหมือนลูกสาวกำลังกระซิบกับใคร คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที ไม่นานก็ได้ยินเสียงคุณครูประจำชั้นของบุตรสาว
‘สวัสดีค่ะคุณแม่น้องชิชา ครูอรเองนะคะ’ หล่อนนั่งลงที่เก้าอี้ทันที ปิดแฟ้มแล้วพุ่งความสนใจไปยังปลายสาย
“ทำไมเด็กๆ ถึงต้องเรียนพิเศษคะ ไม่เห็นมีจดหมายแจ้งมาก่อนเลย” ปกติหากมีกิจกรรมอะไรทางโรงเรียนก็จะมีจดหมายถึงผู้ปกครอง แต่การเรียนพิเศษช่วงเย็นหล่อนไม่เคยทราบมาก่อน เกิดความไม่เข้าใจจนต้องถามให้ชัดเจน
‘เป็นโครงการพิเศษค่ะ เพิ่งเริ่มวันนี้เลยไม่ได้ส่งจดหมายแจ้งให้คุณแม่ ขอโทษจริงๆ นะคะ ตอนนี้คุณครูทุกท่านก็กำลังติดต่อผู้ปกครองของนักเรียนเพื่อแจ้งให้ทราบเช่นกันค่ะ’ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันยังไม่คลาย แต่ในเมื่อทางโรงเรียนแจ้งมาอย่างนั้นจึงไม่อยากขัด
หล่อนถอนหายใจเมื่อนึกว่าตนเองกังวลมากเกินไป เรื่องของมนสิชาคือเรื่องใหญ่ของเธอเสมอ ไม่ว่าลูกจะหกล้มเพียงเล็กน้อย หรือออกอาการไม่สบายให้เห็นคนเป็นแม่ก็ห่วงจนไม่เป็นอะไรทำอะไรแล้ว เช่นเดียวกับการหาคนรัก..
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาทำความรู้จัก แต่ไม่เคยผ่านด่านของลูกสาวได้เลย อันที่จริงเด็กน้อยก็ไม่ได้ขัดขวางหรือทำกิริยาร้ายกาจ เพียงแต่ว่าชายเหล่านั้นไม่อาจทนที่คนรักสนใจลูกมากกว่าตนเองได้
ถึงได้ล่าถอยทำให้หล่อนอยู่กับลูกสองคน ครองสถานะโสดมาจนถึงวันนี้...
“ถ้าอย่างนั้นฝากลูกดิฉันด้วยนะคะ” จำต้องฝากฝังทั้งที่ไม่อยากให้ลูกสาวกลับบ้านค่ำ มองนาฬิกายังไม่ถึงเวลาเลิกงานของตนเอง หล่อนหยิบเอกสารนักศึกษาฝึกงานมาเปิดดูอีกครั้ง พยายามคิดว่าอยู่โรงเรียนคงไม่เป็นไรหรอก
โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้บุตรสาวกระโดดโลดเต้นดีใจมากแค่ไหนที่จะได้ไปเที่ยวสวนสนุกกับคุณลุงแสนใจดี
ผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์ที่เรียกได้ว่าหนักหนาเอาการ เธอต้องดูเกี่ยวกับการเข้าพักของลูกค้า และยังจัดอบรมให้แก่พนักงานของตนเองที่เกิดการปรับเปลี่ยนขึ้นในองค์กร ผู้บริหารคนใหม่เข้ารับตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว มีเพียงผู้บริหารระดับสูงและหุ้นส่วนเท่านั้นที่รู้ว่าใครดำรงตำแหน่ง
วันนี้มีประชุมผู้จัดการแผนกต่างๆ เพื่อฟังนโยบายจากผู้บริหาร แน่นอนว่ามันคือวันที่เธอจะรู้จักนายจ้างคนใหม่ของตนเอง เห็นเขาว่าเป็นบริษัทที่มาจากต่างประเทศ มีโรงแรมในเครือนับร้อยกระจายไปตามทวีปต่างๆ จนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาเทคโอเวอร์โรงแรมนรินยา
อะไรคือเหตุจูงใจให้ชาวต่างชาติผู้นั้นซื้อโรงแรมที่กำลังจะปิดบริการ น่าสงสัยเหลือเกิน
ดมิสามาแต่เช้าเพื่อเตรียมเข้าประชุม เข้าห้องน้ำมาเพื่อทำธุระส่วนตัว และในขณะที่นั่งอยู่บนชักโครกก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาของคนภายนอก
“ฉันรู้แล้วว่าใครเป็นผู้บริหารคนใหม่ของโรงแรมเรา” น้ำเสียงนั้นบอกอย่างตื่นเต้น ทำเอาหล่อนที่อยู่ในห้องน้ำลุ้นระทึกไปด้วย
“จริงเหรอ เห็นเขาปิดกันแทบตาย แกรู้ได้ไง” คนฟังก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันด้วยอยากรู้มานานว่าใครกันจะมากู้วิกฤตครั้งนี้ของโรงแรม ร่างบางที่ไม่มีส่วนร่วมพยายามเงี่ยหูฟัง ถึงจะเป็นผู้จัดการแผนกต้อนรับแต่ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าใครดำรงตำแหน่งประธาน
“แกรู้จักคุณ Gavin witton ไหม” ชื่อของชาวต่างชาติโผล่ขึ้นมา และทำให้ดมิสาตัวนิ่งค้างไปชั่วขณะ ในใจภาวนาให้ไม่ใช่อย่างที่ตนเองคิด
“รู้จักสิ นั่นเจ้าพ่อด้านโรงแรมไม่ใช่เหรอ เครือ Witton Hotel มีเป็นร้อย เอ๊ะ หรือมีเป็นพันแล้วนะ” หันไปถามกันด้วยความสงสัย
“เรื่องนั่นช่างมัน แต่ถ้าแกรู้จักคุณเกวิน แกก็ต้องรู้จักลูกชายสุดหล่อของเขาใช่ไหม” ได้ยินเสียงกรีดร้องเบาๆ พอให้ได้ระบายความอัดแน่นที่มีในอกของหญิงสาว
“ทำไมฉันจะไม่รู้จัก ฉันน่ะชอบเขามากเลยนะแก เป็นลูกครึ่งไทยด้วย หล่อแมนแฮนซัมสุดๆ คุณภูวิศของฉัน” ชื่อที่หญิงผู้คนนั้นเอ่ยทำให้ดมิสาแทบทรงตัวไม่อยู่ อยู่ดีๆ อากาศก็ร้อนสลับหนาวจนรับรู้ได้ถึงเหงื่อที่ค่อยไหลออกมาตามไรผม
มือเรียวชาจนไม่รู้สึก สมองตื้อไปชั่วขณะจนต้องปลุกตนเองให้ตื่น ไม่มีทางหรอก จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อชายผู้นั้นกินดีมีความสุขอยู่ที่นิวยอร์ก อีกทั้งโรงแรมของ Witton ที่ประเทศไทยก็มีตั้งสิบกว่าแห่ง กระจายไปตามภูมิภาค
แล้วจะมาเป็นประธานของโรงแรมนรินยา...ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ!
“หยุดความมโนของแกไว้ก่อน ที่ฉันจะบอกก็คือคุณภูวิศมาเป็นผู้บริหารคนใหม่ของโรงแรมเราจ้า เห็นว่าจะควบกิจการเข้ากับโรงแรม Gold Witton hotel แต่รายละเอียดฉันก็ไม่แน่ใจ ต้องไปฟังเขาประชุมกันอีกที ว้ายสายแล้ว รีบไปเถอะ” สองสาวจูงแขนกันออกไปข้างนอกหลังเติมหน้าและพูดคุยกันเรียบร้อย
เสียงกดชักโครกดังขึ้นพร้อมการปรากฏกายของผู้จัดการแผนกต้อนรับส่วนหน้า มือไม้สั่นอย่างไม่อาจห้ามได้ ถึงจะพยายามหลอกตัวเองมากแค่ไหนก็ไม่อาจหลีกหนีความจริงพ้น
ความจริงที่ว่าหล่อนต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักและพ่อของลูก
ร่างบางตัดสินใจจะเดินออกจากห้องน้ำที่อยู่ชั้นหนึ่ง ทว่าพอชะโงกหน้าออกไปก็ต้องรีบปิดประตูเข้ามาทันที คนที่ผ่านไปเมื่อสักครู่หากหล่อนตาไม่ฝาด คือเขาใช่ไหม!
ผู้ชายรูปร่างสูงกำยำ ใส่ชุดสูทสีเข้มของแบรนด์ดัง ทรงผมถูกเซตให้เปิดตั้ง ใบหน้าคมคายแสนหล่อเหลาแม้มองด้านข้าง มีผู้ติดตามหลังหนึ่งคนซึ่งเธอไม่ทันได้มอง รีบหลบเข้ามาอยู่ในห้องน้ำเสียก่อนกลัวว่าเขาจะเห็นตนเอง
หัวใจเต้นเร็วดังกลองเพล ยกมือขึ้นจับหน้าอกพลางผ่อนลมหายใจออกช้าๆ มือเย็นเชียบเหมือนกับไปแช่น้ำแข็ง ไม่อยากจะเชื่อว่าห่างกันไปกว่าเจ็ดปีแล้วจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
มันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้น พระพรหมเล่นตลกอะไรอยู่...
“อ้าวพี่มิ ไม่เข้าประชุมเหรอคะ” พนักงานในแผนกของหล่อนเดินเข้ามาในห้องน้ำ พลางทำสีหน้าสงสัย
“อ่ะ เกือบลืมบอก วันนี้คุณหยางเข้าพักที่โรงแรมเรา เห็นว่าครั้งนี้อยู่เกือบเดือนค่ะ ถ้าพี่มิว่าง..” ยังพูดไม่ทันจบคนเป็นหัวหน้าก็เข้าไปจับมือทั้งสองข้างของลูกน้องทันที
“พี่มีธุระจะคุยกับคุณหยาง กล้วยช่วยเข้าประชุมแทนพี่หน่อยได้ไหม” รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรให้คนอื่นเข้าประชุมสำคัญแทน แต่วินาทีนี้หล่อนยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับภูวิศ ทั้งที่หนีมาได้ตลอดเจ็ดปีแล้วแท้ๆ บทจะเจอทำไมมันเหนือความคาดหมายอย่างนี้
คนถูกไหว้วานรีบส่ายหน้าทันที แค่เห็นหัวหน้าแผนกอื่นมองก็อกสั่นขวัญแขวนจะแย่ ให้ไปนั่งในห้องประชุมที่มีแต่ระดับผู้บริหารคงได้กัดลิ้นตายพอดี
